บทนำ
บทนำ
เสียงหอบกระเส่าดังอยู่ข้างหูครั้งแล้วครั้งเล่า เนื้อตัวถูกฟอนเฟ้นด้วยฝ่ามือหยาบกระด้างไม่รู้จักจบสิ้น รับรู้ได้ว่าผิวเนื้อบนร่างกายถูกริมฝีปากชื้นบดจูบไปทั่วอณูผิว ไม่มีพื้นที่แห่งใดเหลือไว้เลย ราวกับว่าเขากำลังประกาศความเป็นเจ้าของกัน
ไม่ต่างจากเธอที่สติมีน้อยนิดแต่ดันทำตัวไร้ยางอาย เธอพร่ำร้องครางกระเส่าเสียงหวานอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ริมฝีปากบางเผยอขึ้นก่อนที่จะถูกริมฝีปากของอีกคนกดแนบทับเข้ามา เนื้อตัวสั่นสะท้านตอบรับสัมผัสของเขา ร่างไถลโยกขึ้นลงบนเตียงที่ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่เละเทะแทบดูไม่ได้
ก่อนที่สติสุดท้ายจะรับรู้ได้ว่าเสียงทุ้มกระซิบลงข้างหูพร้อมเอ่ยบอกว่า…
‘ผมมีงานเช้า ตื่นมาแล้วรอผมอยู่ที่นี่’
เพียงเท่านั้นสติของเธอก็ดับวูบไป…
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
“ไปกินข้าวกับคุณวสินเป็นยังไงบ้างล่ะกลิ่น” เสียงของพี่สาวต่างแม่เอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถึงเรื่องเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน ทำให้หลากหลายสายตาที่กำลังจับจ้องอาหารเปลี่ยนโฟกัสมามองหน้าของ ‘กลิ่น กรองแก้ว’ แทน
ฝ่ามือเล็กบีบช้อนแน่นเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว สองตากลมโตพยายามที่จะไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเหลือบมองทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ก็ดีค่ะ คุณวสินเขาก็ดี” ใบหน้าหวานพยักรับเอ่ยพูดเหมือนเรื่องทั่วไป “เขาพากลิ่นไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารของโรงแรม VR วีรกิตติโชติ อาหารที่นั่นอร่อยดีค่ะ”
“สงสัยคุณวสินอยากประกาศบอกทุกคนที่อยู่ที่นั่นให้ได้รู้น่ะว่ากลิ่นเป็นว่าที่ภรรยาของเขาในอนาคต และอาจจะไม่ได้ทำงานอยู่ที่นั่นแล้ว”
“…”
“ก็ดี… เผื่อในอนาคตข้างหน้าพี่จะได้เข้าไปสมัครงานเป็นเลขาของคุณเหนือแทนกลิ่น” กาญเกล้าเอ่ยว่ายิ้ม ๆ “ยังไงกลิ่นก็อย่าดูตัวนานนักล่ะ พี่อยากเข้าไปทำงานที่นั่นแล้ว”
ต่อให้เธอลาออกแล้วอย่างไร…
กาญเกล้าสามารถทำให้เจ้านายของเธอรับเข้าทำงานได้งั้นหรือ…
บอกเลยว่าไม่มีทาง
เหนือ นฤพัชร วีรกิตติโชติ ผู้บริหารโรงแรม VR วีรกิตติโชติตั้งอยู่ภายในจังหวัดกรุงเทพมหานคร โรงแรมดังกล่าวมีอยู่สามสาขา ซึ่งสาขาที่ใหญ่ที่สุดและเป็นสาขาแรกคือโรงแรมที่เธอกำลังทำงานอยู่ในขณะนี้
ส่วนสาขาที่สองตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ เช่นกัน แต่อยู่คนละฝั่งและย่านชุมชน สาขานี้จะเป็นสาขาเล็กรองลงมาเพราะเพิ่งก่อสร้างเชื่อมเข้ากับไนต์คลับ NN ซึ่งเจ้าของที่ดูแลคือ นาย นิติพัฒน์ วีรกิตติโชติ ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลวีรกิตติโชติ
และสาขาสุดท้ายอยู่ต่างแดนเพราะลูกชายคนกลางอย่าง น่าน น่านฟ้า วีรกิตติโชติ ไม่ชอบการอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก เขาชอบอยู่ในพื้นที่สงบจึงย้ายไปอยู่เกาะสวรรค์ที่เชื่อมกับจังหวัดภูเก็ต และโรงแรม VR วีรกิตติโชติก่อตั้งที่นั่นได้ประมาณปีกว่า ทั้งหมดทั้งมวลมีลูกชายสามคนของตระกูลวีรกิตติโชติบริหารจัดการช่วยกัน
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหญิง นฤนาถ วีรกิตติโชติ
กลับมาที่เจ้านายของเธอ ‘เหนือ’ เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ทำงานสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วปล่อยผ่านได้เลย การทำงานของเขาต้องเป๊ะและมีระเบียบเสมอ ผิดพลาดได้แต่ต้องครั้งเดียวเท่านั้น หากทำผิดพลาดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน
การที่กาญเกล้าจะเข้าไปทำงานที่นั่นแล้วใช้ตำแหน่งเลขาตกเหยื่ออย่างไรก็ไม่สำเร็จ ต่อให้ทำงานดีแค่ไหนเหนือก็ไม่ปล่อยให้เธอนั่งชม้อยตามองเขาได้ถึงครึ่งวันอย่างแน่นอน เธออาจถูกไล่ออกตั้งแต่สิบนาทีแรก
“ยังไงล่ะกลิ่น คิดได้บ้างหรือยังว่าจะเอายังไง” ไกรศักดิ์ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากถามบ้าง “พ่อว่าคิด ๆ ไว้ก็ดี คุณวสินเขาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แถมยังรวยเงินทองและเป็นนักธุรกิจหนุ่มอีกต่างหาก”
“กลิ่นคิดอยู่ค่ะ ถ้าคิดได้เดี๋ยวจะบอกนะคะ” คำตอบของลูกสาวคนเล็กเรียกสีหน้าตึงเครียดของคนเป็นพ่อได้เป็นอย่างดี ก่อนที่นิสาซึ่งเป็นภรรยาจะเปิดปาก
“น้าว่ารีบคิดดีกว่านะ นาน ๆ ทีจะมีนักธุรกิจมาติดพันแบบนี้ไม่อยากให้หลุดมือไป”
“…”
“แถมยังโสดและไม่มีครอบครัวอีกต่างหาก น้าไม่อยากให้กลิ่นเจอคนมีครอบครัวแล้วหรอกนะ”
หล่อนกำลังพูดเหน็บอยู่ในที ทำไมเธอจะไม่รู้
สุนีคือสาวใช้ภายในบ้าน เธอมีรูปลักษณ์สวยงาม พูดจาไพเราะ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ตรงเป๊ะเป็นระเบียบแบบแผน เมื่อเห็นถึงความสวยจึงทำให้ไกรศักดิ์หน้ามืดตามัวและความเมาจึงข่มขืนเธอ ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งแต่งงานกับนิสาได้เพียงแค่สองปีเท่านั้น
แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีใครยอมรับได้ โดยเฉพาะคนเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เธอข่มขู่และเอ่ยบอกทุกทางว่าจะแฉและขอหย่าหากไกรศักดิ์ไม่ยอมไล่สุนีออกจากบ้าน ทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้หญิงคนนั้นไปให้พ้นหน้าเธอ
ไกรศักดิ์รับคำและส่งสุนีกลับบ้านต่างจากจังหวัด แต่เขาก็ยังให้เงินใช้แต่ละเดือนเพราะต้องดูแลลูกในท้องของเธอ จนกระทั่งสุนีคลอดลูกได้เป็นผู้หญิงและไกรศักดิ์รับรู้เข้าจึงส่งคนไปเอาลูกมา แลกกับเงินจำนวนหนึ่งทิ้งไว้ให้เธอ พร้อมคำข่มขู่มากมายหลายอย่าง
ห้ามสุนีมาหาลูก ไม่งั้นเขาจะสั่งคนให้ฆ่าปิดปากเธอทิ้งซะ
สุนีไม่ได้กลัวความตาย เธอกลัวไม่ได้เจอหน้าลูกอีกต่างหาก…
ถ้าชีวิตยังมีหวัง… อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่เคยโผล่หน้ามาให้กรองแก้วเห็นเลยสักครั้ง
“กลิ่นอิ่มแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ไม่รอฟังอะไรใด ๆ ร่างเล็กก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ทันที เพราะเป็นลูกของสาวใช้และยังมีศักดิ์เป็นลูกเมียน้อยจึงไม่มีสิทธิ์อยู่ในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งมันก็ดีเพราะเธอก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก
“พอรู้ว่าจะได้แต่งงานกับคนรวย ๆ ก็ชักจะเหิมเกริมแล้วนะคุณ” นิสาหันไปทำหน้าไม่พอใจใส่สามี “คิดจะเล่นชู้ก็เลือกให้มันสูง ๆ หน่อยไม่ได้”
“…”
“คิดได้ยังไงเลือกคนใช้!”
“นั่นสิคะ แก้วอายเพื่อนจะแย่ มีแต่คนมาถามว่าเป็นอะไรกับยัยกลิ่น”
ปัง!!!!!
เสียงตบโต๊ะดังสนั่นทำให้สองแม่ลูกสงบปากลงได้ ยิ่งเห็นสีหน้าเกรี้ยวกราดของไกรศักดิ์ยิ่งทำให้รู้ว่าเมื่อครู่ไม่น่าพูดเรื่องดังกล่าวออกมา
“อย่าให้มันมากนัก รู้ไว้ซะบ้างว่าชะตาชีวิตของแต่ละคนมีกลิ่นคุ้มกะลาหัวอยู่”
“…”
“ถ้าไม่อยากนอนข้างถนนก็หุบปากซะ!”
วันต่อมา
โรงแรม VR วีรกิตติโชติ
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบไปกับพื้นผิวของโรงแรมชั้นบนสุดของตึกดังกึกก้องกังวาน ชั้นนี้มีห้องทำงานใหญ่เพียงแค่ห้องเดียวคือห้องของผู้บริหาร ส่วนชั้นรองลงไปอีกชั้นก็เป็นชั้นของเหล่าพนักงานของแต่ละแผนกต่าง ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มือบางยกขึ้นเคาะประตูเหมือนที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน และการตอบกลับมาก็เป็นเพียงแค่ความเงียบ เธอไม่ได้เคาะเพื่อรอให้เขาอนุญาต แต่เคาะเพราะต้องการบอกให้รู้ว่าจะเปิดประตูเข้าไป
“กาแฟค่ะ” แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะกว้างที่เดิม ก่อนที่ร่างบางจะถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อรอคนเป็นเจ้านายถามหรือสั่งงาน
“เช้านี้ผมยังไม่มีอะไรจะถาม” เขาเอ่ยพูดในขณะที่หน้าไม่ได้เงยมองเธอเลยด้วยซ้ำ “คุณกลับไปทำงานเถอะ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยว” จังหวะที่เธอหันตัวเสียงทุ้มก็เอ่ยดังให้ได้ยินเสียก่อน ใบหน้าหวานจึงหันกลับไปมองเจ้านายตัวเองอีกครั้งพลางรอฟังว่าเขาจะพูดอะไร
“คุณเปลี่ยนน้ำหอมใหม่?”
คำถามที่ไม่เกี่ยวกับงานทำให้คิ้วเล็ก ๆ ขยับได้ แต่ก็พยักหน้ารับแต่โดยดี “ค่ะ คุณเหนือมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“วันหลังอย่าใช้กลิ่นนี้ ผมเหม็น” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงไปมองเอกสารตามเดิม ส่วนคนที่ถูกทักว่ากลิ่นน้ำหอมของตัวเอง ‘เหม็น’ ยืนนิ่งครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
ปกติเธอใช้น้ำหอมกลิ่นวานิลาอ่อน ๆ แต่ช่วงนี้ถูกใช้งานหนักไปหน่อยจึงไม่มีเวลาออกไปช็อปน้ำหอมกลิ่นเดิม เลือกที่จะหยิบใช้น้ำหอมของวสินว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตมาฉีดเพราะไม่อยากให้ตัวไร้กลิ่นจนเกินไป
แต่ดันโดนคนเป็นเจ้านายกันซีนจนได้…
ดวงตากลมโตเหลือบมองใบหน้าคมคายของคนอายุสามสิบหกปี แต่ก็ยังหล่อเหมือนกำลังเข้าสู่สามสิบต้น ๆ อย่างพิจารณา
หากย้อนเวลากลับไปในวันที่เข้ามาสมัครงานที่โรงแรมแห่งนี้ก็คงจะเป็นช่วงแปดเดือนก่อน มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาสมัครพร้อมกันกับเธอ แต่ละคนคุณสมบัติและหน้าตาดีไม่น้อย ตอนนั้นเธอหมดหวังแล้วว่าอาจจะไม่ได้ทำงานอยู่ที่นี่เพราะคู่แข่งมีเยอะเกินไป
แต่สุดท้ายทางโรงแรมก็โทรกลับมา และบอกว่าผู้บริหาร VR วีรกิตติโชติรับเธอเข้าทำงานในตำแหน่งเลขาของเขา
‘คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไม่กล้าสบตาผม’
นั่นคือคำตอบของเหนือที่เอ่ยบอกว่ารับเธอเข้าทำงานเพราะอะไร เพราะแบบนี้เธอจึงรู้ว่าหากกาญเกล้าเข้ามาสมัครงานที่นี่ยังไงก็โดนเจ้านายเธอไล่ออกอย่างแน่นอน
“คุณกลิ่น” เสียงทุ้มดังใกล้หูเรียกสติของกลิ่นกลับคืนมา ดวงตากะพริบปริบ ๆ ก่อนจะเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลากำลังโน้มลงมามองใกล้กับหน้าของเธอ เพียงพริบตาที่เธอเห็นดวงตาคมประกายอะไรบางอย่าง ก่อนมันจะหายไป
“คุณเหนือมีอะไรหรือเปล่าคะ” กรองแก้วขยับร่างออกเล็กน้อย มือวางอยู่หน้าตักบีบกำเข้าหากันแน่นเพื่อลดความประหม่า
“ผมอยากให้คุณเช็กเมลที่ส่งมาให้เมื่อวาน มันเปิดไม่ได้” ใบหน้าของเหนือยังเรียบนิ่งเหมือนเคย “ผมเรียกคุณแล้ว แต่คุณนั่งเหม่อ”
“…”
“เหม่อไปที่โต๊ะผม”
“ขอโทษค่ะ” คนที่นั่งจ้องพิจารณาเจ้านายรีบหลบตาเมื่อโดนจับได้ มือรีบกดเข้าอีเมลที่ว่าทันที เธอต้องการให้เหนือกลับไปนั่งที่ของตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉะนั้นต้องเคลียร์งานที่จะต้องทำ
แต่เหนือก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขาได้เดินอ้อมมาข้างหลังเธอแล้ว แถมยังยั้งมือลงกับโต๊ะทำงานของเธออีกต่างหาก
กลิ่นหอมเฉพาะในแบบของเขาลอยละล่องเข้ามาปะทะจมูก หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักไม่เป็นส่ำ ยิ่งได้กลิ่นของเขามากเท่าไหร่เรื่องราวใน ‘คืนนั้น’ ก็ยิ่งวนหลั่งไหลเข้ามาในสมอง
‘ร้อน…’ เสียงหวานเอ่ยอ้อนวอนคนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความทรมาน สองเท้าก้าวเดินเข้าไปหาเขาเพื่อที่จะปลดปล่อยความทรมานนี้ แต่ก็โดนมือหนาจับพาเข้าห้องน้ำพร้อมเปิดน้ำเย็นราดรดบนตัวของเธอ ฝ่ามือใหญ่ตบเข้าที่แก้มสีแดงระเรื่อเบา ๆ
‘คะ…คุณเหนือ’
‘อืม’ เขาขานรับด้วยใบหน้านิ่งเรียบไม่สื่ออะไรออกมา มีเพียงคนที่ถูกวางยากำลังมองเขาอย่างน่าสงสาร ดวงตากลมโตที่ชอบแอบมองแล้วหลบไปทางอื่นมองเจ้านายตัวเองด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
‘ช่วย…ช่วยกลิ่นหน่อย กลิ่นไม่ไหวแล้ว’ มันร้อนไปทั้งร่าง ทรมานเหมือนจะตายให้ได้ ‘ช่วยกลิ่นด้วย’
‘ผมกำลังช่วยอยู่’
‘ไม่ใช่แบบนี้’
‘งั้นก็ไปหาหมอ’ เขาเอื้อมมือไปปิดน้ำเพราะไม่สามารถทำตามควานต้องการของกรองแก้วได้ ‘ผมช่วยคุณได้แค่นี้’
ใบหน้าหวานส่ายพัลวันกับข้อเสนอดังกล่าว เธอไปหาหมอไม่ได้ ให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่ากำลังอยู่ในอาการนี้ และครอบครัวของเธอรู้ไม่ได้เด็ดขาด
เธอกำลังดูตัวกับวสิน… หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นไกรศักดิ์เอาเธอตายแน่นอน
‘คุณเหนือ…’ ดวงตากลมโตเริ่มมีหยาดน้ำใสไหลออกมา ‘ช่วยกลิ่นหน่อย แค่ครั้งเดียวฮึก…’
‘…’
‘ครั้งเดียวแล้วลืมมันไป’
‘คุณรู้ไหมว่าหลังจากนี้คุณจะเป็นยังไง’ เสียงของเขาจริงจังเหมือนกำลังนั่งประชุมอยู่ในโรงแรม
‘ถ้าคุณเป็นผู้หญิงของผมแล้ว เรื่องมันไม่จบแค่นี้หรอกนะกรองแก้ว’
“คุณกลิ่น” เป็นอีกครั้งที่สติของกรองแก้วถูกดึงกลับมาด้วยเสียงทุ้มของคนเป็นเจ้านาย เรื่องราวต่าง ๆ ที่กำลังไหลวนถูกดึงกลับไปยังโซนของความทรงจำ ปากเล็กเม้มเข้าหากันเบา ๆ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังคิดลามก
“วันนี้คุณไม่พร้อมที่จะทำงาน?”
“เปล่าค่ะ”
“เช้านี้คุณเหม่อไปแล้วสองครั้ง”
ก็เป็นเพราะเขาที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้…
แม้อยากโต้แย้งแต่รู้ดีว่าหากเปิดปากเถียงเจ้านายคงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่นัก อีกทั้งเธอไม่อยากคุยกับเขาเกินกว่าที่ควรจะเป็น อยากคุยแค่เรื่องงานเท่านั้น
เรื่องในคืนวันวานไม่ได้ถูกหยิบจับมาพูดถึงอีก เธอตื่นเช้ามาไม่เห็นเจ้านายแล้ว มีเพียงแค่ที่นอนเละเทะและมีหยดเลือดเล็ก ๆ บ่งบอกว่าเรื่องที่ผ่านมาคือเรื่องจริง แต่ด้วยความที่ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันในช่วงเช้า เธอจึงทำเบลอไม่พูดถึงมัน เห็นหน้าเจ้านายก็ยังคงความนิ่งเป็นเลขาส่วนตัวเหมือนเดิม
และยังดีที่เหนือก็ไม่ได้ขุดคุ้ยเรื่องในอดีตมาพูดถึง เขาคงไม่ได้คิดว่ามันพิเศษอะไรนอกจากแค่นอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมันก็ดีแล้วเพราะจะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าก่อนที่สึนามิจะมาทะเลมักสงบก่อนเสมอ…
ซึ่งเหนือไม่ได้ต่างอะไรจากสึนามิลูกใหญ่เลยด้วยซ้ำ