bc

ผมอยู่ในความดูแลของราชามังกร

book_age16+
151
FOLLOW
1K
READ
drama
comedy
sweet
mystery
like
intro-logo
Blurb

จ้าวมู่ยวิ๋น ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาด เมื่อจู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นแล้วบอกว่าตัวเองเป็น "ก่วงซุ่นต้าหวัง" ราชามังกรสีขาวแห่งทะเลตะวันตก ได้รับภารกิจให้มาปกป้องเขาจากมารร้าย มารร้ายบ้าอะไร นี่มันศตวรรษที่ 21 แล้วนะเฟ้ย!!

แต่ยังไม่ทันจะเข้าใจอะไรดี เขาก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อบรรดาปีศาจต่างพาเหรดกันมาเพื่อจะจับเขากิน ไหนจะราชามังกรขี้เก๊กที่ชอบทำหน้าดุๆ ไหนจะปีศาจทั้งหลายที่จะจับเขากินให้ได้ ให้ตายเถอะพระเจ้า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขาวะเนี่ยยย!!!

ท้อสวรรค์เก้าพันปีจะออกดอกหนึ่งหน อีกเก้าพันปีถึงจะออกผลให้กินได้ แต่ถ้าจับจ้าวมู่ยวิ๋นกิน ก็มีพลังปราณเท่ากับกินท้อสวรรค์ทั้งสวน!!

chap-preview
Free preview
​ Prologue รอคอยพันปี
​ Prologue รอคอยพันปี “ที่นี่เป็นหมู่บ้านโบราณอายุนับพันปีแล้วครับ สร้างขึ้นในสมัยต้นราชวงศ์ซ่ง ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่และสวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศจีนก็ว่าได้” จ้าวมู่ยวิ๋นกำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่มัคคุเทศก์ท้องถิ่นกำลังอธิบาย เขาตั้งใจฟังและจดบันทึกแทบทุกอย่างลงในสมุดโน๊ตใบเล็กในมือ เครื่องหมายที่แสดงถึงการเน้นข้อความสำคัญปรากฏขึ้นหลายจุดในหน้าสมุดโน้ตของเขา นั้นหมายถึงสิ่งที่เขาจะต้องกลับไปเพื่อค้นคว้าหาข้อมูลต่อ เขามักจะทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาออกสำรวจสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ สำหรับหน้าที่ของผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ฝึกหัดแบบเขาแล้ว รายละเอียดไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนเขาก็อยากจะให้มันออกมาสมบูรณ์ที่สุด “ที่มัคคุเทศก์เล่าเมื่อกี้สุดยอดเลยเนอะ นายว่าไหมเสี่ยวยวิ๋น” หนิงซิวลุ่ย คนที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทของจ้าวมู่ยวิ๋นเอ่ยด้วยสีหน้าชื่นชม หนิงซิวลุ่ยเป็นช่างกล้องประจำรายการที่จ้าวมู่ยวิ๋นทำงานอยู่ คนทั้งคู่รู้จักและสนิทกันเพราะพวกเขามักจะต้องออกนอกสถานที่ร่วมกันบ่อยครั้ง อย่างเช่นครั้งนี้ที่ต้องออกนอกสถานที่เพื่อสำรวจและเก็บข้อมูลของหมู่บ้านโบราณที่จะใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำรายการของพวกเขา เมื่อครู่ตอนที่มัคคุเทศก์ท้องถิ่นแนะนำและให้ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ จ้าวมู่ยวิ๋นลอบสังเกตอยู่เหมือนกันว่าเพื่อนของเขาออกจะมีอาการตื่นเต้นและให้ความสนใจกับข้อมูลที่มัคคุเทศก์แนะนำเป็นอย่างมาก “นายได้ถ่ายตอนที่มัคคุเทศก์พูดเมื่อครู่ไว้หรือเปล่า” “ต้องถ่ายไว้อยู่แล้วสิ” “ฉันก็นึกว่านายจะมัวแต่ฟังจนลืมถ่ายซะอีก” เขาพูดติดหัวเราะ ที่จริงแล้วเขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาถึงแม้ว่าบุคลิกจะดูเป็นคนบ๊องๆ แต่ความจริงแล้วหนิงซิวลุ่ยเป็นคนที่มีความตั้งใจในการทำงานมากๆ คนหนึ่งเลย “แล้วนายจดอะไรไว้บ้าง” หนิงซิวลุ่ยหันมาถามเพื่อนตัวเองด้วยท่าทางกระตือรือร้น “ก็จดพวกประวัติต่างๆ นี่ไง” จ้าวมู่ยวิ๋นเปิดสมุดโน๊ตของตัวเองให้เพื่อนดู ในนั้นมีสิ่งที่เขาจดบันทึกไว้ ซึ้งก็ล้วนเป็นข้อมูลสำคัญที่เขาสนใจและต้องกลับไปค้นคว้าขอมูลต่อทั้งนั้น “อะไรกันเนี่ย” หนิงซิวลุ่ยจู่ๆ ก็มีอาการหัวเสียเล็กน้อย “อะไรของนาย” “ยังจะมาถามอีก ก็นายจดมาแต่อะไรไม่รู้น่าเบื่อจะตาย” จ้าวมู่ยวิ๋นดึงสมุดโน้ตของตัวเองกลับมา เขากวาดสายตาอ่านทวนสิ่งที่เขาจดบันทึกไว้อีกครั้งก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติตรงไหน “น่าเบื่อตรงไหน” “ก็นายจดแต่อะไรก็ไม่รู้ หมู่บ้านสร้างในรัชศกไคเป่าปีที่หก [1] มีความรุ่งเรืองทางด้านการค้า ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเทศและเครื่องหอม” หนิงซิวลุ่ยอ่านทวนข้อคามที่เขาจดบันทึกไว้ ในตอนนี้จ้าวมู่ยวิ๋นก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามีตรงไหนที่ทำให้เพื่อนของเขาไม่พอใจถึงขนาดนี้ อันที่จริงเขาก็รู้ว่าที่หนิงซิวลุ่ยมีอาการแบบนี้เป็นเพียงอาการที่เรียกว่าเล่นใหญ่เกินไปตามประสาเพื่อนสนิทเท่านั้นไม่ใช่การโกรธเคืองหรือไม่พอใจอะไร แต่บางทีมันก็เล่นใหญ่เกินไปจนน่าหมั่นไส้ “ก็ถูกแล้วนี่ ทั้งหมดนี่ก็เป็นข้อมูลสำคัญๆ ทั้งนั้น” จ้าวมู่ยวิ๋นว่า “แล้วนายไม่จดเกี่ยวกับรัชศกเทียนสี่ปีที่สี่ [2] เลยหรือไง” จ้าวมู่ยวิ๋นนึกย้อนไปตามที่หนิงซิวลุ่ยบอก เขาจำได้ว่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นเล่าให้ฟังเกี่ยวกับตำนานของหมู่บ้านนี้หลายเรื่อง เขาไม่ได้สนใจตำนานพวกนี้สักเท่าไหร่เพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า รายการของพวกเขาเป็นรายการเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องสนใจข้อมูลในส่วนนี้มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจำได้ว่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นเล่าเกี่ยวกับตำนานที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านแห่งนี้ในรัชศกเทียนสี่ปีที่สี่ว่าแต่เดิมนั้นชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ต่างนับถือเทพเจ้ามังกร มีการสร้างศาลของเทพเจ้ามังกรที่สวยงามแหละใหญ่โต มีการกราบไหว้บูชาจากชาวบ้านอยู่ไม่ขาด มีงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ และเพราะว่าหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ติดกับทะเลตะวันตก ราชามังกรสีขาวแห่งทะเลตะวันตกจึงได้รับความเคารพมากกว่าเทพเจ้ามังกรองค์อื่นๆ ต่อมาชาวบ้านเริ่มหันไปนับถือศาสนาอื่นทำให้ความนับถือเทพเจ้ามังกรของหมู่บ้านนี้ค่อยๆ เสื่อมลงไป จนในที่สุดก็ไม่มีใครสนใจเทพเจ้ามังกรของพวกเขาอีกเลย “ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย มันก็เป็นแค่ตำนาน” จ้าวมู่ยวิ๋นพูดกับเพื่อนของตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย “ให้ตายเถอะเสี่ยวยวิ๋น นายนี่ช่างไม่รู้อะไรซะเลย ตำนานหลายๆ เรื่องก็มาจากเรื่องจริงรู้ไหม” หนิงซิวลุ่ยกล่าวยืนยันด้วยท่าทีขึงขัง “นายต้องเลิกดูหนัง Si-Fi ได้แล้วนะเสี่ยวลุ่ย” “ฉันไม่คุยกับนายแล้ว” หนิงซิวลุ่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทำหน้าง่ำงอเหมือนเด็กไม่พอใจ “ไปหาน้ำกินดีกว่า นายจะเอาอะไรไหม” “ไม่ละ นายไปเถอะ ฉันขอเดินถ่ายรูปแถวๆ นี้ดูก่อน” พูดจบหนิงซิวลุ่ยยู่จมูกใส่เขาหนึ่งครั้งก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินฉับๆ จากไป จ้าวมู่หยิ๋วหลุดยิ้มน่ารักออกมาก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ให้กับอาการแสนงอนของเพื่อนตัวเอง เขาไม่ถือสาอะไร เพียงแต่ตำนานที่หนิงซิวลุ่ยอยากจะให้เขาเชื่อนักหนานั้นมันดูจะไม่มีส่วนไหนที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้เลย เพราะชาวบ้านเสื่อมศรัทธาและดูหมิ่น ราชามังกรแห่งทะเลตะวันตกจึงออกอาละวาดจนทำให้หมู่บ้านน้ำท่วมไปร้อยปีงั้นเหรอ เวลายาวนั้นขนาดนั้นหมู่บ้านนี้ควรจะร้างและหายสาบสูญไปแล้ว เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่คิดที่จะเชื่อตำนานหรือเรื่องเล่าอะไรแบบนี้เลย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่จ้าวมู่ยวิ๋นยอมรับก็คือความสวยงามของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ ถึงแม้ว่าในด้านสถาปัตยกรรมจะไม่ได้หรูหราหรือสวยงามเทียบเท่าพระราชวังของจักรพรรดิ แต่ความกลมกลืนของธรรมชาติและตัวหมู่บ้านที่ถูกสร้างขึ้นสอดคล้องซึ่งกันและกันทำให้เขามีความสุขแม้เพียงได้มอง กล้องจากโทรศัพท์มือถือที่มีความคมชัดไมแพ้กล้องถ่ายรูปทำหน้าที่บันทึกรูปภาพหลายสิบรูปที่เขาถ่ายไว้ เดินถ่ายรูปไปได้สักพักเขาก็มาหยุดอยู่ริมทะเลสาบขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับหมู่บ้าน ที่นี่เหรอคือทะเลตะวันตก จ้าวมู่ยวิ๋นตั้งคำถามกับตัวเอง ความสวยงามของผืนน้ำ ความสงบนิ่งและสายลมที่พัดผ่านเข้ามาทำให้จ้าวมู่ยวิ๋นไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลยว่าทะเลแห่งนี้น่ะเหรอที่เคยซัดถล่มและท่วมหมู่บ้านแห่งนี้ไว้เป็นร้อยปี ยิ่งตำนานที่บอกว่าราชามังกรเป็นคำทำด้วยแล้ว เขาไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไง “เจ้าทึ่มหนิงซิวลุ่ยเอ๊ย!” เขาหลุดยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงสีหน้าจริงจังของเพื่อนตัวเองในตอนที่เล่าเกี่ยวกับตำนานนี้ “พี่ชายครับ” ในขณะที่จ้าวมู่ยวิ๋นกำลังชื่นชมกับความสวยงามของทะเลตะวันตกอยู่นั้น เสียงใสๆ ของใครบางคนเอ่ยเรียกพร้อมกับแรงสัมผัสของการถูกดึงชายเสื้อเชิ้ตของเขา จ้าวมู่ยวิ๋นหยุดถ่ายรูปและหมุนตัวหันกลับมาหาเจ้าของเสียง เขาเป็นเด็กชายตัวน้อยที่ขายของที่ระลึกอยู่ที่นี่ ที่เขารู้ก็เพราะเจ้าเด็กหน้าตามอมแมมคนนี้ถือตะกร้าใบที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับตัวเองมาด้วย ภายในนั้นเต็มไปด้วยของที่ระลึกมากมายและในมือของเจ้าเด็กมอมแมมคนนี้เองก็ยังมีโปสการ์ดที่เป็นภาพถ่ายของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ด้วย “ว่างไงครับตัวเล็ก” เขาย่อตัวลงมาอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าเด็กมอมแมมคนนั้น อดไม่ได้ที่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองบรรจงเช็ดตามใบหน้ามอมแมมของเด็กน้อยตรงหน้า “ช่วยผมซื้อของที่ระลึกหน่อยได้ไหมครับ” เจ้าเด็กมอมแมมที่ตอนนี้ถูกจ้าวมู่ยวิ๋นเช็ดหน้าจนสะอาดแล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ได้อยู่แล้ว เราขายอะไรบ้างละ” ความจริงแล้วโดยปกติเพราะต้องออกนอกสถานที่เพื่อสำรวจสถานที่ที่จะต้องใช้ในการถ่ายทำรายการอยู่บ่อยครั้งทำให้จ้าวมู่ยวิ๋นต้องเจอกับคนขายของที่ระลึกตามสถานที่ต่างๆ เป็นประจำอยู่แล้ว เขามักจะช่วยอุดหนุนคนเล่านี้เพื่อช่วยให้พวกเขามีรายได้ และเขาก็ได้ของฝากกลับไปให้เพื่อนๆ ของตัวเองด้วย แต่สำหรับเจ้าเด็กมอมแมมคนนี้แล้ว ไมรู้ทำไมใบหน้าไร้เดียวสานั้นถึงทำให้เขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก คิดเอาไว้ว่าจะต้องช่วยซื้อของเจ้าเด็กมอมแมมนี่ให้เยอะเป็นพิเศษ จ้าวมู่ยวิ๋นกำลังเลือกของที่ระลึกจากในตะกร้าใบใหญ่ ส่วนใหญ่ของพวกนั้นเป็นพวกกุญแจเล็กๆ คล้ายกับตุ๊กตาที่ใส่เสื้อผ้าเป็นชุดโบราณของจีน เขาหยิบตุ๊กตาชายขึ้นมาสามตัว ตุ๊กตาผู้หญิงหนึ่งตัว ทั้งหมดนี่สำหรับตัวเขาเองหนึ่งตัว สำหรับหนิงซิวลุ่ยหนึ่งตัวและที่เหลือสำหรับหลินจื่อเฟิงเพื่อนสนิทของเขาอีกคนหนึ่งรวมไปถึงหัวหน้าหู หัวหน้าของเขาด้วย “พี่ชายเป็นคนใจดีจัง” ได้ยินคำชม จ้าวมู่ยวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองเจ้าเด็กมอมแมม ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดูก่อนจะเอ่ยตอบ “ก็น้องชายเป็นเด็กดีเหมือนกันนี่ใช่ไหม” “อืม” เด็กน้อยพยักรับ “เพราะน้องชายเป็นเด็กดี พี่ชายก็เลยใจดีด้วยไงครับ เพราะฉะนั้นน้องชายต้องเป็นเด็กดีแบบนี้ตลอดไปนะครับ คนอื่นๆ จะได้ใจดีกับน้องชายเหมือนอย่างที่พี่ทำไงครับ” เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างไม่ประสา พยักหน้ารับคำของจ้าวมู่ยวิ๋นอย่างมีความสุข จ้าวมู่ยวิ๋นเองก็ยิ้มออกมาด้วยความสุขใจไม่แพ้กัน “ผมมีของจะให้พี่ชายครับ” พูดจบเด็กน้อยหน้าตามอมแมมล้วงเอาสิ่งของบางอย่างจากระเป๋าย่ามใบเล็กของตัวเองออกมา เขายื่นมันให้กับจ้าวมู่ยวิ๋น “ผมให้ครับ” ถึงจะลังเลและมีอาการไม่เข้าใจแต่จ้าวมู่ยวิ๋นก็รับของสิ่งนั้นมา มันดูเหมือนจะเป็นกำไลเก่าๆ พอจะมองออกว่ากำไลวงนี้เดิมทีคงจะเป็นสีขาวมาก่อน แต่ในตอนนี้มันดูเก่ามากจนแทบจะดูสีเดิมไม่ออกแล้ว “ให้พี่ซื้อดีกว่านะ ราคาเท่าไหร่เหรอ” จ้าวมู่ยวิ๋นถามพลางหยิบเงินจากกระเป๋าเงินตัวเองออกมา แต่ก็ถูกเด็กน้อยพูดดักไว้ก่อน “ผมให้พี่ชายครับ” “แต่ว่า…” “พี่ชายลองใส่ดูก่อนสิครับ ถ้าใส่ไม่ได้พี่ชายค่อยให้เงินผมก็ได้” “อืม เอางั้นก็ได้” จ้าวมู่ยวิ๋นยอมทำข้อตกลง เขาค่อนข้างมั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางใส่กำลังวงนี้ได้แน่ ถึงเขาจะเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ไม่ได้มาดแมน หรือสูงใหญ่ ร่างกายกำยำไปด้วยกล้ามเนื้อแบบคนอื่น แต่หากประมาณด้วยสายตาแล้วเขาก็มั่นใจว่ากำไลวงนี้เล็กกว่าข้อมือของเขาแน่นอน เพราะฉะนั้นจึงยอมทำตามสิ่งที่เจ้าเด็กมอมแมมคนนี้บอก เพราะเมื่อสุดท้ายหากใส่ไม่ได้เขาก็จะต้องจ่ายเงินให้กับเด็กคนนี้ ถือว่าเป็นการช่วยเด็กนี่หารายได้อย่างที่เขาตั้งใจไว้ด้วย แต่ทว่าความจริงไม่เป็นแบบนั้น ทันทีที่เขาสวมกำไลวงนั้น ในตอนแรกจ้าวมู่ยวิ๋นกำลังจะดีใจเพราะยังไงก็คงจะคับจนใส่ไม่ได้ แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้น กำไลที่ดูเก่าๆ วงนั้นก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างก่อนจะเลื่อยเข้ามาพันรอบข้อมือเขาไว้ ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแสงสว่างสีขาวที่ส่องประกายออกมาจากกำไลทำให้จ้าวมู่ยวิ๋นตกใจจนเซถลาถอยหลัง “นี่มันอะไรกัน…” พูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงของจ้าวมู่ยวิ๋นก็เหมือนถูดกลืนกลับลงคอไป เจ้าเด็กชายหน้าตามอมแมมหายไปแล้ว เขาพยายามมองหาแต่ก็ไม่พบ แม้จะมองจนทั่วแต่ก็ไม่เจอเจ้าเด็กคนนั้นเลย นี่มันอะไรกัน ในตอนนี้จ้าวมู่ยวิ๋นรู้สึกได้ถึงอาการหัวใจเต้นแรงของตัวเอง เขาหมุนตัวและมองไปรอบๆ อีกครั้งก่อนจะหยุดและหันหน้าไปทางทะเลตะวันตกที่อยู่เบื้องหน้า จ้าวมู่ยวิ๋นค่อยๆ ยกแขนของตัวเองขึ้นมา กำไลโบราณที่เลื่อยมาพันข้อมือของเขาไว้ก่อนหน้านั้นในตอนนี้กลายเป็นกำไลมังกรสีขาวลวดลายสวยงามไปซะแล้ว แต่ถึงจะต่อให้สวยแค่ไหน มันก็คงไม่มีผลอะไรกับเขาแล้ว เพราะตอนนี้ในหัวของจ้าวมู่ยวิ๋นอื้ออึงและเต็มไปด้วยความงุนงง เขาอยากจะคิดว่าตัวเองฝันไปแต่ก็ทำไม่ได้ แถมลองที่จะถอดกำไลมังกรวงนี้ออกก็ทำไม่ได้เช่นกัน มังกรสีขาวตัวนี้เหมือนกับมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ มันรัดเกี่ยวข้อมือของเขาไว้แน่นจะถอดยังไงก็ถอดไม่ได้ จนกระทั่งเสียงของหนิงซิวลุ่ยที่มาตามเขากลับตะโกนบอกว่าถึงเวลาต้องกลับแล้ว จ้าวมู่ยวิ๋นถึงเก็บอารมณ์ต่างๆ ของตัวเองไว้ ใช้มืออีกข้างกุมกำไลมังกรสีขาวนั้นไว้ก่อนจะเดินตามหนิงซิวลุ่ยไป จ้าวมู่ยวิ๋นไม่เข้าใจและยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาพยายามประมวลเหตุการณ์ในสมองของตัวเองและพยายามคิดหาคำตอบแต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ทุกๆ การกระทำของจ้าวมู่ยวิ๋นเมื่อสักครู่อยู่ในสายตาของใครอีกคนที่ยืนดูอยู่ไม่ห่างโดยที่จ้าวมู่ยวิ๋นไม่รู้ตัวเลย ใบหน้าเรียบนิ่งของคนที่มองดูอยู่ห่างๆ ยกยิ้มด้วยความดีใจขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวเองไม่รู้ตัว อาจจะเพราะใบหน้าเรียบนิ่งนี้ไม่เคยยิ้มแบบนี้มาเป็นเวลานานจนเกือบจะลืมไปแล้วว่าอาการยิ้มด้วยความดีใจนั้นมันเป็นยังไง เขาก้มมองลงไปยังข้อมือข้างขวาของตัวเอง บนนั้นมีกำไลมังกรสีขาวแบบเดียวกันกับบนข้อมือของจ้าวมู่ยวิ๋น กำไรวงเก่าที่บัดนี้กลายเป็นกำไลมังกรสีขาวสวยงามแล้วเช่นกัน “เจอกันสักทีนะเจ้าทึ่ม…รู้ไหมว่าฉันน่ะ รอนายมาพันปีแล้วนะ” [1] รัชศกไคเป่าปีที่หก ตรงกับปี ค.ศ.973 เป็นปีที่สิบสามในรัชกาลจักรพรรดิซ่งไท่จู่ [2] รัชศกเทียนสี่ปีที่สี่ ตรงกับปี ค.ศ.1020 เป็นปีที่ยี่สิบสามในรัชกาลจักรพรรดิซ่งเจินจง ​ ​

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ทาสเรือนพระยา

read
1K
bc

The Night with the Beast ราตรีอสูร

read
1K
bc

Change you!!! เปลี่ยนจากนายให้กลายเป็นสาว

read
1.8K
bc

マイBLノーベル เขียนนิยายให้กลายเป็นรัก

read
1K
bc

Spicy Short Story Set 3 รวมเรื่องสั้นเผ็ดซี้ด ชุดที่ 3

read
1K
bc

เริ่มแรกจากงานวิวาห์

read
2.7K
bc

My Doctor อกเคยหักเพราะรักหมอ

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook