เช้าวันใหม่
"มีนา!"
เสียงเรียกดุดันดังขึ้นจากโต๊ะทำงานหรูของประธานใหญ่
“ยัยเลขาฉันไปไหน ใกล้ถึงเวลาประชุมแล้วทำไมเธอถึงไม่อยู่ที่โต๊ะ”
สายธารเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมเดินออกมายยืนมองที่โต๊ะทำงานของมีนา หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาจับจ้องไปยังเอกสารบนโต๊ะที่ยังไม่ถูกเตรียมไว้
เพลงตั้งใจจะเดินมาทักทายมีนา แต่ก็ต้องเจอเข้ากับอารมย์ฉุนเฉียวของท่านประทานเข้าพอดี เธอรีบก้มหัวตอบอย่างร้อนรนพร้อมกดโทรศัพท์ทันที
“เอ่อ…สักครู่นะคะท่านประธาน เดี๋ยวดิฉันจะรีบตามให้ค่ะ”
เธอรีบกดเบอร์โทรหามีนา พร้อมพยายามเก็บความกังวลเอาไว้ในใจ
"ไม่รู้จักเวล่ำเวลาจริงๆ ป่านนี้แล้วไม่รู้อยู่ที่ไหน"
สายธารยังคงพึมพำบ่นไม่หยุด ราวกับความไม่พร้อมของเลขาน้อยทำให้เขาแทบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แม้ว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นแค่การประชุมภายใน แต่สำหรับเขาแล้วเวลาคือสิ่งสำคัญที่สุด
“แฮ่ก!! แฮ่ก!! ขอโทษค่ะดิฉันมาทันประชุมใช่ไหมคะ”
เสียงหอบหายใจของมีนาดังชัดเจน เธอวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง เหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผาก ก่อนจะรีบเอ่ยถามสายธารที่ยืนกอดอก คิ้วขมวดจนแทบผูกเป็นปม ข้างกายเขาคือเพลงที่ยังคงกดมือถือค้างไว้เตรียมโทรตามเธอ
“แกเกือบสายแล้วรู้ไหมเนี่ย”
เพลงรีบหันมากระซิบเสียงดุใกล้หูเพื่อน แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงแต่ก็อดตำหนิไม่ได้
สายธารปรายตามองหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าหอบหายใจอยู่ตรงหน้า เลขาส่วนตัวที่ใส่เสื้อเชิ้ตเชยๆ กระโปรงยาวคลุมเข่า แว่นหนาเตอะบดบังดวงตา ไร้เครื่องสำอางบนใบหน้า รองเท้าส้นสูงเรียบๆที่ไร้รสนิยมจนดูขัดตา เขาแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนเอ่ยเสียงเข้ม
“ไม่ใช่แค่เกือบสาย แต่เธอสายแล้วต่างหาก คิดว่าตัวเองเป็นผู้บริหารรึไงถึงกล้ามาเอาป่านนี้”
เสียงดุดันก้องไปทั่วห้องทำเอามีนาสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นโครมคราม เธอรีบก้มหน้าลงทันทีเธอพยายามเลี่ยงสายตาคมกริบที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ
“เอ่อ…หนูขอโทษค่ะท่านประธาน พอดีว่ารถติดมากเลยค่ะหนูก็เลยมาสายค่ะ”
น้ำเสียงเธอสั่นไหวริมฝีปากเม้มแน่นเพื่อกดเก็บความกังวล เพราะสิ่งที่เธอกลัวที่สุดไม่ใช่การถูกดุ แต่คือการที่เขาอาจจะจำได้ ว่าเธอคือผู้หญิงที่นอนกับเขาเมื่อคืนก่อน
“ก็รู้ว่ารถติดทำไมไม่ออกจากบ้านให้มันเร็วกว่านี้”
เสียงทุ้มของสายธารเอ่ยขึ้น ราวกับค้อนหนักๆกระแทกลงบนอกของมีนา
“พอดีว่าหนูไม่สบายด้วยค่ะท่านประธาน”
มีนาก้มหน้าลงน้ำเสียงแผ่วเบา ทั้งที่รู้ดีว่ามันไม่ต่างอะไรกับการแก้ตัว เธอยกมือขึ้นขยับแว่นตาหนาเตอะบนหน้าเบาๆ พยายามใช้มันบังแววตาที่ไม่กล้าสบตาเจ้านายของตัวเอง
“หึ! เลิกแก้ตัวแล้วไปเตรียมเอกสารประชุมได้แล้ว”
สายธารปรายตามองเลขาสาวแวบหนึ่ง ความแปลกใจแทรกเข้ามา ปกติผู้หญิงคนนี้เถียงเก่งมากกว่านี้นี่ เดิมทีเธอเถียงเขาแทบทุกคำ แต่วันนี้กลับก้มหน้าเงียบผิดจากทุกวัน ทว่าพอเห็นว่าเธอป่วยเขาก็เลือกที่จะไม่สนใจมากนัก ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน ปล่อยให้คนทั้งสองยืนก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น
“เกือบไปแล้วแก…”
เพลงถอนหายใจพรืดก่อนจะพึมพำเสียงเบา พลางมองตามแผ่นหลังกว้างของเจ้านายจนประตูปิดสนิท
“นั่นสิ ขอบใจแกมากนะที่อุตส่าห์ช่วยรับหน้าแทนฉัน”
มีนารีบเอ่ยออกมา มือยังคงสั่นน้อยๆขณะก้มลงหยิบเอกสารบนโต๊ะ เตรียมจัดเรียงเพื่อเข้าประชุมในอีกไม่กี่นาที
“ไม่เป็นไร แต่วันหลังแกต้องมาก่อนเวลานะเข้าใจไหม เดี๋ยวนี้มีข่าวลือว่าบริษัทเริ่มคัดคนที่ทำตามกฎไม่ได้ให้ออก ถ้าแกยังแหกกฎอยู่บ่อยๆระวังจะไม่รอด”
เพลงเสียงเข้มดวงตาฉายแววกังวลอย่างจริงจัง
“อืม…รู้แล้วน่า”
มีนาตอบสั้นๆแต่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา เธอทำทีสนใจเอกสารตรงหน้ามากกว่า ทั้งที่ในใจยังเต้นแรงไม่หาย กลัวว่าสายธารจะจับได้ใจแทบขาด
เพลงจ้องเพื่อนนิ่งก่อนจะถอนหายใจ
“แล้วเมื่อไหร่แกจะเลิกแต่งตัวเชยๆสักทีฮะ ฉันรู้ว่าแกสวยอยู่แล้ว แต่ฉันก็อยากให้คนอื่นได้เห็นเหมือนที่ฉันเห็นบ้าง แกเลิกแต่งตัวเชยๆแบบนี้สักขยี้เถอะมีนา แล้วก็หัดแต่งหน้าสวยๆไม่แน่นะแก ท่านประธานอาจจะสนใจแกก็ได้”
"แกเลิกพูดจาหยาบคายแล้วก็ไปทำงานได้แล้ว"
มีนาคมหยุดชะงักแล้วหันมาดุเพื่อนเบาๆ รู้สึกไม่ชอบใจในคำพูดสุดท้ายของเพื่อนเอาซะเลย
"ฉันพูดเล่นน่ะแก ฉันแค่อยากให้แกแต่งตัวสวยๆเท่านั้น"
“ก็ฉันชอบแบบนี้อ่ะแก”
“อย่ามาอ้างเลยมีนา เวลาแกไปผับทีไรแกก็แซ่บจะตาย ใครๆก็มองเหลียวทั้งร้าน ที่บริษัทก็ไม่เคยห้ามให้แต่งตัวดีๆเซ็กซี่ๆนี่นา ทำไมไม่แต่งแบบนั้นมาบ้างละสวยจะตาย”
เพลงเอ่ยพร้อมไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของเพื่อนรัก แล้วก็ต้องส่ายหัวเบาๆอย่างเสียดาย
“ชู่ว์... แกอย่าพูดเสียงดังไปสิ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าก็หาว่าฉันเที่ยวเก่งอีกหรอก ที่นี่ยิ่งขึ้นชื่อเรื่องนินทากันจะตาย”
มีนายกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง รีบก้มกระซิบกับเพลงเบาๆ สายตาเหลือบมองรอบด้านกลัวว่าใครจะได้ยินเข้า
“อ๊ะ…โทษทีแก”
เพลงรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง แอบหัวเราะเบาๆก่อนจะกวาดตามองซ้ายมองขวาเพื่อเช็กว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ แล้วก็โน้มตัวเข้ามากระซิบต่ออีกครั้ง
“ก็ฉันพูดเรื่องจริงนี่นา ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะอยากให้แกมาเป็นพี่สะใภ้ของฉันหรือไง ยัยเพื่อนแซ่บ”
มีนาถลึงตาใส่เพื่อนทันที
“แก...ยังจะพูดอีกนะเดี๋ยวเหอะ ฉันว่าถ้าขืนแกยังพูดอยู่ตรงนี้ คนที่จะโดนไล่ออกคงเป็นแกแล้วแหละ เพราะแกไม่ยอมไปทำงานสักทีเนี่ยมัวแต่เม้าหนูได้”
มีนาเอ่ยพลางยิ้มขำๆให้กับเพลงไปด้วย
“โอเคฉันไปแล้วก็ได้ ป่านนี้คุณแก้วตาคงมองหาฉันแล้วแหละ ไปนะตั้งใจทำงานละ บ๊าย...”
เพลงหัวเราะแห้งๆก่อนจะโบกมือลา แล้วรีบเดินออกไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่อยู่อีกชั้น
ทันทีที่เพื่อนเดินลับไปความเงียบก็กลับเข้ามาแทนที่ มีนายืนหายใจลึกพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ พื้นที่ชั้นยี่สิบ ที่นี่เป็นชั้นต้องห้ามสำหรับพนักงานคนอื่น หากไม่มีธุระจำเป็นหรือได้รับการอนุญาตจากสายธาร จะไม่มีใครเข้าไปในห้องเขาได้เด็ดขาด เพราะทั้งชั้นนี้ถูกออกแบบไว้เพื่อสายธารโดยเฉพาะ ห้องทำงานใหญ่ ห้องประชุมลับ ห้องพักผ่อน ห้องอาหารส่วนตัว และแม้กระทั่งห้องนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ เวลาที่เขาทำงานดึกแล้วไม่อยากกลับไปที่คอนโด สายธารก็จะเลือกนอนที่นี่เลย ถึงจะไม่บ่อยนักแต่ก็มีบ้างเป็นบางโอกาสเท่านั้น ส่วนชั้นล่างถาดลงไปจะเป็นพื้นที่ทำงานของบริษัททั้งหมด
“พร้อมหรือยัง”
ทันทีที่สายธารก้าวออกจากห้องทำงาน น้ำเสียงเข้มของเขาก็ดังขึ้นทันที
“พร้อมแล้วค่ะท่านประธาน”
มีนาก้มศีรษะรับ รีบเก็บอาการตื่นตระหนกเอาไว้ให้แนบเนียน
“อืม”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนก้าวขาเดินนำหน้าไปโดยไม่สนใจสายตาของเธอแม้แต่นิด
“ฟู้…”
มีนาเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทเดินผ่านไป กลิ่นน้ำหอมเคาน์เตอร์แบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ลอยมาแตะจมูกจนเธอต้องเผลอสูดดมกลิ่นลึกเข้าไปเต็มปอด พร้อมทั้งหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
“วันนี้มีประชุมเรื่องอะไรบ้าง”
เสียงเข้มถามขึ้น ขาเรียวยาวยังคงก้าวเดินโดยไม่หยุด
“เอ่อแป๊บนะคะ”
มีนาก้มหน้าก้มตาเปิดแฟ้มในมือ พลางก้าวตามเขาไปติดๆ
ปึก!!
“อ๊ะ!!”
ร่างบางชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเข้าอย่างจัง เพราะไม่ทันสังเกตว่าสายธารหยุดเดินรอคำตอบอยู่
“ขะ…ขอโทษค่ะท่านประธาน หนูไม่ทันระวังไม่คิดว่าท่านประธานจะหยุดเดินกะทันหันแบบนี้”
เสียงเธอสั่นนิดๆ พยายามหันหน้าไปทางแฟ้มมากกว่ามองเขา
“หัดระวังหน่อยสิมีนา อย่ามัวแต่ใจลอย”
สายตาคมกริบกดลงมามองเธอเต็มๆ น้ำเสียงดุเอ่ยตำหนิ
“หนูไม่ได้ใจลอยนะคะ แต่ว่าหนูแค่ไม่ทันได้มองเท่านั้นค่ะ”
เธอรีบแก้ตัวเสียงเบาหวิว ก้มหน้ามากกว่าเดิมเพื่อหลบสายตา
“หึ!”
สายธารหัวเราะในลำคอแผ่วๆ ดวงตาคมยังคงจับจ้องใบหน้าที่ซ่อนอยู่หลังแว่นหนาและบุคลิกเฉิ่มเชย แต่คำพูดกับท่าทางกลับไม่เข้ากันสักนิด แถมเธอยังเถียงเก่งกว่าใครๆอีกด้วย
“วะ...วันนี้มีประชุมเรื่องการขนส่งสินค้าออกต่างประเทศค่ะ แล้วก็เรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และอีกเรื่องที่สำคัญคือปัญหาที่ลูกค้า ได้รับสินค้าล่าช้าค่ะท่านประธาน”
มีนารีบเอ่ยรายงานทันที เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่าดวงตาเย็นชาของเขา กำลังจ้องเธอไม่กะพริบ เธอยังคงก้มหน้าหนี แสร้งทำเป็นสนใจเอกสารในมือให้มากกว่าใบหน้าของเจ้านาย