ตอนที่ 3
คนที่ทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุน
"อ้าวรัน จะไปไหนลูก" เนตรมณีเอ่ยถามเมื่อเห็นศรัณภัทรลูกชายของตัวเองเดินลงบันไดบ้านมาด้วยชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก
"บริษัทครับ เอานี่ไปให้ไอ้เรน" เขาตอบพร้อมกับชูซองเอกสารให้ผู้เป็นแม่ดู เรนหรือคีรินภัทรที่เขาพูดถึงคือพี่ชายแท้ ๆ ของเขาเอง ก่อนหน้านี้เขาได้รับสายจากคีรินภัทร ฝ่ายนั้นโทร. มาบอกว่าลืมเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ประกอบการประชุมไว้ที่บ้านและขอให้เขาเอาไปให้
"ตาเรนนี่ขี้ลืมจริง ๆ คราวก่อนนู้นก็ลืมแถมกว่าจะนึกได้ว่าลืมก็ใกล้ได้เวลาเข้าประชุมแล้ว วุ่นวายกันทั้งบ้าน" เนตรมณีอดที่จะบ่นลูกชายคนโตไม่ได้ ต่อไปเธอคงต้องหาอะไรมาบำรุงลูกชายคนนี้หน่อยแล้วล่ะ เพราะขนาดยังไม่แก่ยังขี้ลืมขนาดนี้
"ไม่มีอะไรหรอกแม่ มันแค่หาเรื่องแกล้งผมเท่านั้นแหละ" ศรัณภัทรว่าอย่างรู้ทันพี่ชายตัวเอง เพราะเท่าที่เขาสังเกตดู คีรินภัทรมักจะลืมงานหรือเอกสารต่าง ๆ ช่วงที่เขากลับมาอยู่บ้านพอดี แต่ถ้าช่วงไหนที่เขาไม่อยู่บ้านหรืออยู่ที่อื่น เขาไม่เห็นว่ามันจะลืมอะไรเลยสักอย่าง แบบนี้แกล้งกันชัด ๆ "ผมไปก่อนนะครับ มันบอกต้องรีบใช้"
"อ่อ ๆ งั้นก็ขับรถระวัง ๆ นะลูก"
"ครับ" เขายิ้มและเดินเข้าไปหอมแก้มผู้เป็นแม่ทั้งสองข้าง ก่อนจะผละตัวเดินออกมาแล้วขับรถตรงไปยังบริษัททันที
"เลขามึงไปไหน" ศรัณภัทรเอ่ยถามทันทีเมื่อเขาเดินผ่านหน้าห้องทำงานของพี่ชายแล้วไม่เจอเลขานั่งอยู่
"ไปซื้อข้าวให้กู" คีรินภัทรตอบเมื่อตวัดปากกาเซ็นเอกสารตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองน้องชาย "แล้วไหนงานกู"
ศรัณภัทรโยนซองเอกสารลงตรงหน้าคีรินภัทรทันที แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้องก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมากดเล่น
คีรินภัทรเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของศรัณภัทร ด้วยอายุที่ห่างกันเพียงแค่สองปีทำให้ทั้งสองสนิทกันมากในระดับหนึ่ง และนอกจากคีรินภัทรแล้ว ศรัณภัทรยังมีน้องชายอีกหนึ่งคนชื่อว่าภัท**นนหรือริวเป็นน้องชายคนเล็กสุด
"...เมื่อไหร่มึงจะลืมเขาสักที" คีรินภัทรเอ่ยถามขึ้นมาพร้อมสังเกตคนที่เอาแต่สนใจหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปด้วย ‘เขา’ ที่คีรินภัทรพูดถึงคือแพรวาแฟนเก่าของศรัณภัทร และเมื่อเห็นว่าคนเป็นน้องไม่ตอบเขาจึงพูดขึ้นอีกครั้ง "ได้ข่าวว่าอีกสองอาทิตย์เขาจะแต่งงาน"
"อืม" ศรัณภัทรพึมพำรับเบา ๆ หัวใจเหมือนถูกบีบเมื่อนึกถึงงานแต่งที่จะถูกจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
"เขาเลือกแล้วไอ้รัน มึงก็ควรที่จะออกมาจากเขาได้แล้ว" คีรินภัทรมองน้องชายตัวเองด้วยความเป็นห่วง หนึ่งปีกว่าแล้วที่น้องชายเขาจมอยู่กับความเสียใจแบบนี้
"กูไม่รู้ว่ากูต้องทำยังไง กูลืมเขาไม่ได้" ศรัณภัทรวางสมาร์ตโฟนลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาลูบหน้าตัวเองอย่างอ่อนใจ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายามที่จะลืมแพรวา เขาพยายามแล้วแต่มันทำไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาพาตัวเองออกไปเที่ยว ไปดื่มกับเพื่อนฝูงเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านมันก็ช่วยให้ลืมได้แค่เฉพาะตอนเมานั่นแหละ พอหายเมาความทรงจำที่เคยมีด้วยกันก็กลับมาหลอกหลอนเขาอีกอยู่ดี
"มึงไม่ต้องลืมเขาก็ได้ แต่มึงช่วยทำตัวให้ดีกว่านี้หน่อยได้ไหมวะ" ศรัณภัทรเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายตัวเองทันที เพราะรู้ว่าคีรินภัทรหมายถึงเรื่องอะไร
"กูยังไม่อยากทำงาน มึงให้ไอ้ริวช่วยไปก่อน" เขากล่าวถึงภัท**นนน้องชายตัวเองที่ตอนนี้ได้เข้ามาช่วยคีรินภัทรดูงานได้เกือบ ๆ สองปีแล้ว
เมื่อก่อนเขากับพี่ชายนั้นบริหารงานช่วยกันที่บริษัท ทั้งคู่ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร ซึ่งมีผู้เป็นพ่อเป็นประธานอีกทีหนึ่ง แต่ด้วยเมื่อปีที่แล้วมีเหตุที่ทำให้ศรัณภัทรไม่สามารถทำงานต่อไปได้ งานทั้งหมดในส่วนของเขาจึงตกไปอยู่ที่ผู้เป็นพี่ทั้งหมด โดยมีภัท**นนคอยช่วยอีกที
"พ่อเป็นห่วงมึงไอ้รัน อีกอย่างกรรมการคนอื่น ๆ กำลังจ้องเก้าอี้มึงอยู่" ตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารเป็นตำแหน่งระดับสูง ก็เลยเป็นที่จับตามองของกรรมการคนอื่น ๆ เป็นธรรมดา
"บอกพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง กูขอเวลาอีกสักพัก" เพราะตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะกลับมาทำงานจริง ๆ
"สักพักของมึงนี่มันปีกว่า ๆ แล้วนะเว้ย ลืมเขาได้แล้วรัน เขาไม่ใช่คนของมึงแล้ว" ศรัณภัทรค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ อย่างอ่อนใจ หมดเรี่ยวแรงที่จะพูดหรือกล่าวอะไรออกมา เขาไม่ใช่คนของมึงแล้ว อืม...เจ็บดี
"มึงไม่ผิดนะที่มึงรักเขา แต่ถ้ารักแล้วมันเจ็บมึงก็ควรพอไหมวะ ไม่ใช่มึงคนเดียวในโลกนะที่อกหัก มีอีกหลายคนบนโลกที่เคยอกหัก บางคนโดนหนักกว่ามึงหลายเท่า เขายังผ่านกันมาได้เลย"
ศรัณภัทรยังคงหลับตานิ่งและไม่พูดอะไร แต่คีรินภัทรรู้ว่าอีกฝ่ายฟังอยู่จึงพูดต่อ
"มึงโชคดีมากนะที่มึงมีเงิน ต่อให้มึงไม่ทำงานอีกสิบปีมึงก็มีเงินใช้สบาย ๆ แต่คนอื่นที่เขาไม่มีเหมือนมึงล่ะ ไหนจะอกหัก ไหนจะต้องทำงาน ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงิน มึงคิดว่าคนพวกนั้นจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง" ที่เขาพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้ศรัณภัทรกลับมาทำงานขนาดนั้น แต่เขาเป็นห่วงน้องชายตัวเองเลยอยากเตือนสติ "ชีวิตมึงควรเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่ก้าวถอยหลังแบบนี้"
"เฮ้อ..." ศรัณภัทรถอยหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
"กูอยากให้มึงลองเปิดใจดู เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ กูเชื่อว่าสักวันมึงจะได้เจอคนที่เป็นของมึงจริง ๆ" ในโลกนี้มีสองอย่างที่จะช่วยให้ลืมคนที่เคยรักมาก ๆ ได้นั่นก็คือ ‘เวลา’ กับ ‘ความรักครั้งใหม่’ บางคนก็ใช้เวลาในการช่วยให้ลืม แต่สำหรับบางคนเวลาคงไม่ช่วยอะไร เพราะฉะนั้นก็เหลือแค่ความรักครั้งใหม่เท่านั้นที่จะช่วยได้
"มึงจะให้กูดึงคนอื่นเข้ามาทั้ง ๆ ที่กูยังไม่ลืมคนเก่า?" ศรัณภัทรเลิกคิ้วถามพี่ชาย ถ้าทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้อีกคนเป็นเครื่องมือในการทำให้ลืม
"กูไม่ได้ให้มึงดึงใครเข้ามา กูให้มึงเปิดใจ ไม่ได้ให้ใครเข้ามาแทนที่ใคร ทุกคนต่างมีพื้นที่ของตัวเอง"
"ยังไง?"
"ง่าย ๆ ก่อนหน้านี้แพรวเคยยืนข้างมึง แต่สุดท้ายเขาก็ไป เพราะรู้ว่าที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของเขา" เขาหยุดพูดไปสักพักเพื่อให้น้องชายได้คิดตาม ก่อนจะพูดต่อ "กูเชื่อว่าพื้นที่ข้าง ๆ มึงน่ะมันมีเจ้าของที่แท้จริงของมันอยู่แล้ว เหลือแค่มึงต้องตามหาคนที่เป็นเจ้าของพื้นที่นั้นให้เจอเท่านั้นแหละ"
ศรัณภัทรคิดตามที่พี่ชายตัวเองพูดไปสักพัก และจู่ ๆ ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ผู้หญิงที่เขาเคยช่วยเอาไว้และบังเอิญได้สบตากับเธอเมื่อสามเดือนก่อน และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย
"คนที่เป็นเจ้าของและเป็นโลกทั้งใบของมึง"
"เรน..." เขาเรียก ก่อนจะพูดต่อเมื่อคีรินภัทรเลิกคิ้วขึ้นอย่างรอฟัง "มึงเชื่อเรื่องรักแรกพบไหมวะ"