คนที่ทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุน 2

1705 Words
คนที่ทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุน "เรน..." เขาเรียก ก่อนจะพูดต่อเมื่อคีรินภัทรเลิกคิ้วขึ้นอย่างรอฟัง "มึงเชื่อเรื่องรักแรกพบไหมวะ" "ทำไมจู่ ๆ ถึงถาม" คีรินภัทรเอียงคอมองเล็กน้อย "ไม่รู้ว่ะ กูรู้สึกแปลก ๆ" ความรู้สึกคันยุบยิบในใจตอนที่เขาได้สบตากับเธอคนนั้น ถึงจะไม่ได้เจอกันอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น แต่รอยยิ้มและแววตาของเธอยังติดตาเขามาตลอดสามเดือน "จริง ๆ กูก็ไม่ค่อยเชื่อนะ เพราะไม่เคยเจอกับตัว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้ กูเคยอ่านเจอนะ ว่าในชีวิตคนเรามันจะมีคนคนหนึ่งที่สามารถทำให้โลกทั้งใบของเราหยุดหมุนเพียงแค่เราสบตากับเขา มึงรู้สึกแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ" ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูหน้าห้องของคีรินภัทรก็ดังขึ้น ก่อนที่เลขาฯ สาวจะยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟ ศรัณภัทรจึงลุกขึ้นและขอตัวออกมาเพราะหมดธุระและไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้ว ชายหนุ่มเดินออกมาหน้าบริษัทก่อนจะล้วงซองบุหรี่ออกมาเคาะใส่หลังมือ แล้วหยิบออกมาหนึ่งมวน เดินไปจุดสูบตรงพื้นที่ที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้สูบบุหรี่โดยเฉพาะพร้อมกับคิดเรื่องที่เพิ่งคุยกับพี่ชายไปก่อนหน้านี้ ...คนที่ทำให้โลกทั้งใบของเราหยุดหมุนเพียงแค่เราสบตากับเขา เขาคิดพร้อมพ่นควันให้ลอยออกไปในอากาศ จนกระทั่งมันเลือนหายไปเขาก็ยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เธอมีแฟนแล้ว แล้วแฟนเธอก็ดูจะหวงเธอมากด้วย ศรัณภัทรสลัดความคิดทั้งหมดออกไปก่อนจะเคาะบุหรี่ตัวใหม่ออกมาเมื่อตัวเก่าหมดไปแล้ว "คุณคะ" ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะใช้ปากคาบบุหรี่ตัวใหม่ จู่ ๆ หลังเขาก็ถูกสะกิดพร้อมมีเสียงเรียกดังขึ้นมาจากข้างหลัง เขาหยิบบุหรี่ออกจากปากก่อนจะหมุนตัวกลับไปมอง "ใช่คุณจริง ๆ ด้วย ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะคะ" หญิงสาวยิ้มอย่างดีใจปนตื่นเต้นเมื่อคนที่หันมาใช่คนที่เธออยากเจอจริง ๆ ด้วย ส่วนศรัณภัทรพอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร เขารู้สึกเหมือนโดนสะกดแค่เพียงได้สบตากับแววตาสดใสคู่นั้น...ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน หัวใจสั่นอย่างรุนแรงจนแทบจะต้องยกมือขึ้นมากุมไว้ ทุกอย่างรอบกายหยุดเคลื่อนไหว แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเปล่งประกาย เต็มไปด้วยความสดใสและน่ารัก ...ใช่เธอใช่ไหม...คนที่ทำให้โลกทั้งใบของเขาหยุดหมุน "คุณคะ คุณ คุณ..." หญิงสาวเรียกพร้อมกับยกมือโบกไปมาตรงหน้าชายหนุ่มที่เอาแต่จ้องหน้าเธอตาไม่กะพริบมาสักพักแล้ว ศรัณภัทรที่เพิ่งได้สติรีบสะบัดหัวตัวเองเล็กน้อยให้หลุดออกมาจากภวังค์ก่อนจะกะพริบตาถี่ ๆ แล้วถามเธอออกไป "ครับ ว่าไงครับ" "คุณจำฉันได้ไหมคะ" ตวงรัตน์ถามชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ "ที่คุณเคยช่วยฉันจากโรคจิตเมื่อสามเดือนก่อน" เขาจำเธอได้ จำได้แม่นเลยล่ะ แต่เขายังคงอึ้งอยู่นิด ๆ เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก เขาค่อย ๆ มองเธออย่างสำรวจ เธออยู่ในชุดทำงานตามสไตล์พนักงานออฟฟิศทั่ว ๆ ไปพร้อมป้ายห้อยคอที่บ่งบอกว่าเธอทำงานที่ไหน... "...จำไม่ได้แน่เลย" ตวงรัตน์พูดขึ้นเสียงอ่อยเมื่อเห็นว่าเขามองเธอนานแล้วแต่ไม่พูดอะไร สงสัยเขาคงจำเธอไม่ได้ แต่วันนั้นมันก็มืดมากแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกที่เขาจะจำเธอไม่ได้ "จำได้ครับ ผมจำคุณได้" หญิงสาวฉีกยิ้มให้ทันทีที่ได้ยินเขาบอกว่าจำได้ ทำเอาชายหนุ่มรู้สึกหัวใจถูกกระตุกอีกครั้งเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ "ดีจัง คิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกซะแล้ว วันนั้นฉันเบลอ ๆ อะค่ะ บอกจะโทร. นัดคุณแต่ลืมไปว่าฉันไม่มีเบอร์คุณ" พูดจบเธอก็ส่งยิ้มเหย ๆ มาให้เขา พูดแล้วรู้สึกอายจัง พูดไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแต่ดันไม่มีเบอร์ซะงั้น "ครับ บังเอิญจริง ๆ ว่าแต่คุณทำงานที่นี่เหรอ" ศรัณภัทรถามพร้อมกับมองไปที่ตึกสูงราวสามสิบชั้นที่อยู่ด้านหลังของเธอ เธอหันกลับไปมองแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาตอบ "ใช่ค่ะ ฉันทำงานที่นี่ เพิ่งย้ายมาทำได้สามเดือนนิด ๆ นี่เอง" เขาพยักหน้ารับรู้ แล้วเธอก็พูดต่อ "ว่าแต่คุณพอจะว่างไหมอะคะ จะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ ตอบแทนที่คุณช่วยฉันเอาไว้วันนั้น" "ก็...พอว่างครับ แต่จริง ๆ คุณไม่ต้องเลี้ยงขอบคุณผมก็ได้นะครับ ผมเต็มใจช่วยจริง ๆ" "ให้ฉันเลี้ยงเถอะนะคะ นี่ฉันไม่สบายใจจริง ๆ คราวก่อนนู้นที่ฉันลืมขอเบอร์คุณ ฉันก็เครียดอยู่นานว่าจะหาทางตอบแทนคุณยังไงดี ไหน ๆ วันนี้ฉันก็ได้เจอคุณแล้ว ให้ฉันเลี้ยงเถอะนะคะ" ว่าจบเธอก็ส่งสายตาอ้อนวอนให้เขา ตามความเคยชินที่เธอมักจะทำกับพี่ชายบ่อย ๆ "อ่า...ก็ได้ครับ" ก็เล่นมาทั้งสายตาทั้งน้ำเสียงแบบนี้ เขาจะปฏิเสธลงได้ยังไงกันล่ะ พอได้ยินเขาตอบตกลงตวงรัตน์ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจทันที "โอเคค่ะ งั้นคุณยืนรอตรงนี้สักแป๊บนะคะ ฉันขอเดินกลับไปบอกเพื่อนตรงนู้นก่อน" เธอพูดพร้อมกับชี้ให้เขาดูเพื่อนของเธอสองคนที่ยืนอยู่หน้าตึกอีกฝั่ง พอเขาพยักหน้าให้เธอจึงรีบเดินกลับไปบอกเพื่อนว่าวันนี้คงไม่ได้ไปรับประทานอาหารกลางวันด้วย เพราะจะไปกับคนที่ยืนอยู่ตรงนู้น เพื่อนเธอมองตามมือที่เธอชี้มาที่ศรัณภัทรที่ยืนอยู่ก็พากันกรี๊ดใหญ่ คิดว่าศรัณภัทรคือแฟนหนุ่มหรือคนที่ตวงรัตน์คุย ๆ อยู่ "แฟนเหรอ ๆ หรือกิ๊ก หล่อลากมากเลยแก" ปั้นหยากระแทกเอียงไหล่แซว พร้อมกับน้ำค้างที่ส่งสายตามากรุ้มกริ่มมาให้ไม่ต่างกัน "บ้าบอ ไม่ใช่แฟนแล้วก็ไม่ใช่กิ๊กไรทั้งนั้นอะ เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังนะจ๊ะ ไปนะ" ว่าจบตวงรัตน์ก็เดินแยกออกมาทันที ด้วยกลัวศรัณภัทรจะรอนานแล้วก็กลัวจะหมดเวลาพักเที่ยงของเธอด้วย "ไปกันค่ะ ว่าแต่คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ" เธอหันไปถามเขาในขณะที่กำลังเดินออกไปหน้าถนนใหญ่ที่ติดกับบริษัท "แล้วแต่คุณเลยครับ ผมทานได้หมด" ศรัณภัทรตอบพร้อมกับมองเธอที่เดินนำอยู่อย่างไม่วางตา ก่อนที่เธอจะหันกลับมานำเสนอเมนูที่เธอนึกออก "งั้นกินส้มตำไหมคะ" "ฮะ" "ฉันล้อเล่นค่ะ" เธอขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าตาเหลอหลาของเขา เข้าใจว่าเขาคงไม่กินส้มตำแน่เลยถึงทำหน้าแบบนั้น "กินส้มตำก็ได้นะครับ" ชายหนุ่มพูดออกไป เพราะเขากินได้หมดจริง ๆ แต่เมื่อสักครู่เขาแค่ตกใจที่จู่ ๆ เธอก็หันกลับมาในขณะที่เขากำลังมองเธออยู่เท่านั้นเอง "ไม่เอาดีกว่าค่ะ อืม..." เธอเงียบไปพร้อมกับนึกว่าจะพาเขาไปกินอะไรดี "งั้นไปทานที่คาเฟ่ซอยข้าง ๆ กันดีกว่า เห็นพี่ที่แผนกบอกว่ามีอาหารหลายเมนูและอร่อยด้วย" "ครับ" "สรุปเดินไปคาเฟ่นะคะ" เธอถามย้ำอีกครั้ง "ครับ" จากนั้นตวงรัตน์ก็เดินนำศรัณภัทรไปที่คาเฟ่ที่อยู่ซอยข้าง ๆ บริษัททันที ระหว่างทางเธอก็หันมาชวนเขาคุยถามถึงเมนูที่เขาชอบบ้าง พร้อมกับออกตัวก่อนว่าเธอเองก็ยังไม่เคยมาที่คาเฟ่นี้ เพราะเพิ่งมาทำงานได้ไม่นานเท่าไร ถ้าไม่อร่อยห้ามเขาโทษเธอเด็ดขาด ซึ่งชายหนุ่มก็รับปากทันทีว่าจะไม่โทษเธอพร้อมกับขำกับท่าทางของเธอเล็กน้อย มาถึงร้านพนักงานก็เดินนำทั้งคู่เข้าไปนั่งโต๊ะสำหรับสองคนที่ตั้งติดริมกระจกซึ่งเหลืออยู่โต๊ะเดียวพอดี เนื่องจากย่านนี้เป็นย่านธุรกิจและมีหลายบริษัทที่ตั้งอยู่ละแวกเดียวกัน แถมช่วงนี้ยังเป็นช่วงพักเที่ยง ตามร้านอาหารต่าง ๆ จึงอัดแน่นไปด้วยผู้คนจากบริษัทต่าง ๆ "แต่ก็น่าจะอร่อยอยู่นะคะ คนเยอะ" ตวงรัตน์ว่าขึ้นพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ร้านหลังจากที่เธอและเขาสั่งอาหารกับพนักงานไปเรียบร้อยแล้ว "ร้านนี้อาหารอร่อยดีครับ" ชายหนุ่มบอกเธอไป เพราะช่วงที่เขายังทำงานอยู่เขาเคยมาใช้บริการร้านนี้กับคีรินภัทรสองสามครั้ง ซึ่งรสชาติอาหารถือว่าดีเลยล่ะ "หืม เคยมาทานแล้วเหรอคะ" เธอถามออกมาสงสัย "ก็... " คำตอบเขาชะงักไป ก่อนที่เขาจะหันไปรับแก้วน้ำแล้วเอ่ยขอบคุณพนักงานที่เอามาเสิร์ฟให้ "ขอบคุณครับ" "ขอบคุณค่ะ" เธอหันไปยิ้มและขอบคุณพนักงานเช่นกัน ก่อนที่สายตาเธอจะเหลือบไปเห็นเค้กในตู้หน้าเคาน์เตอร์ เธอจึงหันมาบอกเขาว่าเธอจะไปดูเค้กและถามเขาว่ากินไหม พอเขาส่ายหน้าปฏิเสธเธอจึงลุกไปที่ตู้เค้กนั่นทันที ไม่นานก็เดินกลับมานั่งตามเดิมเมื่อสั่งเสร็จ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD