พิสูจน์ความแข็ง
“ฝน...” เจ้าของร่างสูงครางเสียงอ่อน โน้มตัวเข้ามากอดแล้วซบใบหน้าลงที่ซอกคอของเธอ ก่อนจะพูดต่อเสียงอู้อี้ “พี่ว่าพี่ไม่ไหวว่ะ”
“ไม่ไหวอะไรคะ” เธอถามอย่างงุนงง
“พี่ว่าพี่ทนไม่ไหวแน่ ๆ เลย” ...ฝากขอโทษพ่อล่วงหน้าได้ไหมวะ พระพายคิดในใจ อยากโยนความผิดทั้งหมดให้คนตัวเล็กในอ้อมกอด ซึ่งขยันทำตัวน่ารัก ทำให้เขาแพ้เธอได้อย่างราบคาบ โดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ฝนก็ไม่ได้บอกให้ทนนี่คะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร ใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก ชาติก่อนเขาไปทำกรรมอะไรไว้กันนะ ชาตินี้ถึงต้องมาทนกับความทรมานขนาดนี้ แต่ว่า...แค่ภายนอก คงไม่เป็นไรหรอกกระมัง “ลองดูก็ได้”
พระพายตัดสินใจจะให้เธอช่วยแค่ภายนอก คิดเอาเองว่าแค่นี้คงไม่ผิดสัญญากับว่าที่พ่อตาหรอก อย่างไรก็รู้จักกันมานาน คงจะอลุ่มอล่วยให้กันได้ ร่างสูงผละออกจากหญิงสาว ขยับกายกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง แล้วดึงเธอให้ขยับมานั่งใกล้ ๆ
“ค่อย ๆ ล้วงมือเข้าไป” เมื่อเขาพูดจบ ปลายฝนก็นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสอดมือสั่น ๆ เข้าไปในกางเกงของเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หัวใจเต้นตุบตับเหมือนจะกระเด็นออกมาจากอก ตอนแรกก็ใจกล้า อยากรู้อยากลอง แต่พอต้องทำจริง ๆ กลับสั่นเสียอย่างนั้น
“ซี๊ด!...” ร่างเล็กตกใจจนเกือบชักมือกลับ เมื่อจู่ ๆ เขาก็สูดปากร้องราวกับเจ็บทันทีที่มือเธอสัมผัสเนื้อแท้ตัวตนของเขา จากที่สั่นอยู่แล้ว ก็ยิ่งสั่นมากขึ้นไปอีก
เพียงแต่มันไม่ใช่การสั่นกลัว เป็นการสั่นสู้ต่างหาก
“เสียวเหรอ”
“มาก...ก” เขาลากเสียงยอมรับอย่างไม่ปิดบัง มือของปลายฝนนุ่มกว่าที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้เสียอีก แค่เธอสัมผัสเบา ๆ เขาก็แทบทนไม่ไหว
“ฝนทำต่อนะ” เธอบอกก่อนจะเริ่มขยับมือขึ้นลง แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ก็พอมีทฤษฎีอยู่บ้าง น่าจะพอถูไถได้บ้างแหละ
“พี่ถอดกางเกงดีกว่า” ไม่รอให้เธอพูดอะไร คนใจร้อนก็รีบดึงกางเกงขาสั้นและกางเกงในของตัวเองลงทันที ปลายฝนตาค้างเมื่อได้เห็นสิ่งที่ตัวเองกอบกุมอยู่แบบเต็ม ๆ ตา
มัน...ยิ่งกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก
หญิงสาวเลิ่กลั่กเสียอาการไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบดึงสติตัวเองกลับมาแล้วขยับมือต่อ ครั้นได้ยินเสียงครางแผ่วดังมาจากร่างหนาที่นอนหลับตา เธอก็ยิ่งได้ใจ เพิ่มความเร็วของมือขึ้นอีก
“ฝน อ่า...” พระพายส่งเสียงครางครืนอย่างทนไม่ไหว หน้าท้องแกร่งเกร็งขึ้น แล้วผ่อนลงเป็นจังหวะ ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นเมื่อมวลความสุขใกล้จะหลั่งไหล “เก่งมาก อืม... อีกนิดฝน ใกล้ละ”
ปลายฝนมองภาพอันแสนเซ็กซี่ของชายตรงหน้าด้วยใจที่ลุ้นระทึก เสียงครางกระเส่าของเขาทำให้ร่างกายเธอเกิดความรู้สึกแปลก ๆ บริเวณท้องน้อยปั่นป่วนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“พี่พาย...” เธอเรียกเขาเสียงหวาน ทั้งที่มือก็ยังปรนเปรอความสุขให้เขาอย่างต่อเนื่อง
“อื้ม ฝนอีกนิด จะแตกแล้ว”
ทันใดนั้นกล้ามหน้าท้องเขาก็เกร็งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามแขนแกร่ง และก่อนที่ฮอร์โมนความเป็นชายจะถูกปลดปล่อย พลันนั้นปลายฝนก็นึกอยากรู้อยากลองขึ้นมาอีก เธอรีบก้มลงไปใช้ปากครอบแก่นกายของเขา แล้วรูดขึ้นลง ใช้ลิ้นแตะส่วนหัวราวกับช่ำชอง ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอแค่จำมาจากนิยายที่เคยอ่านเท่านั้นเอง
ซึ่งการกระทำเหนือความคาดหมายนั้นทำให้พระพายแตกพ่ายตั้งแต่สามวินาทีแรกที่ถูกโพรงปากอุ่นครอบ สายธารอุ่นถูกปล่อยเข้าไปในปากเล็กจนหยดสุดท้าย เพราะเธอไม่ยอมถอนออกไป ทั้งยังไล้เลียทำความสะอาดให้เขาทุกหยาดหยด
“ว้าย!” ก่อนจะร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกเขาผลักให้นอนราบลงกับเตียง พร้อมกับถอดกางเกงนอนเก่า ๆ ของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว “พี่พายทำอะไร”
“เมื่อกี้เราแสบมาก” เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเธอจะใช้ปากให้ ซึ่งเป็นอะไรที่เขาชอบและดีมาก ๆ “เราทำให้พี่แล้ว เดี๋ยวพี่ทำให้เราบ้าง”
“มะ...ไม่เป็นไร” ปลายฝนปฏิเสธพร้อมพยายามดันร่างเขาที่โน้มลงมาคร่อมออก มิหนำซ้ำยังเข้ามาอยู่ระหว่างขาเธออีก
“ไม่ได้ พี่ไม่ชอบเอาเปรียบ พี่มีความสุข เราก็ต้องมีความสุข” เขาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะก้มลงไปกระซิบชิดริมฝีปากสวย “เมื่อกี้พี่ชอบมาก มีความสุขมาก ขอบคุณนะครับ”
“อื้อ!”
ไม่รอให้เธอได้พูดอะไร พระพายก็ประกบจูบเรียวปากอิ่ม บดเคล้าอย่างอ่อนโยน แล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับให้ร้อนแรงขึ้น ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจเมื่อเธอยกมือขึ้นมาคล้องคอ และตอบสนองจูบเขาได้อย่างเร่าร้อนไม่ต่างกัน
เรียนรู้เร็ว สมกับได้ครูดีอย่างเขา
ระหว่างที่กำลังจูบแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อน มือหนาทั้งสองข้างก็เลื่อนขึ้นมากอบกุมหน้าอกผ่านเสื้อนอนตัวบาง แนบสะโพกเข้ากับระหว่างเรียวขาสวย แล้วบดขึ้นลงเสียดสีส่วนอ่อนไหวเข้าด้วยกัน
“อือ พะ...พี่พาย” ปลายฝนเกาะบ่าเขาไว้แน่น แหงนหน้าให้เขาซุกไซ้ซอกคอพร้อมส่งเสียงครางอันไร้ความหมาย เมื่อถูกความรู้สึกแปลกใหม่เข้าเล่นงาน
“ดีไหม” พระพายถามเสียงอู้อี้เพราะกำลังสูดดมความหอมจากคอระหง
“ดี อื้อ...”
ครั้นได้รับคำตอบที่น่าพอใจ มือใหญ่ข้างหนึ่งก็ผละออกจากเต้าอวบพอดีมือ เลื่อนลงไปสัมผัสกลีบกุหลาบกลางกายสาว ใช้นิ้วสะกิดติ่งเกสรไปมา เรียกเสียงครางหวานจากร่างเล็กได้เป็นอย่างดี
เขาใช้มือมอบความสุขให้เธอสักพักใหญ่ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าอกจะค่อย ๆ ขยับตามลงไป และทันทีที่ลิ้นร้อนแตะลงกลางรอยแยก ร่างบอบบางก็ขนลุกเกลียวไปทั่วสรรพางค์กาย ทว่าไม่นานก็ส่งเสียงหวีดร้องเบา ๆ เมื่อเขาตวัดลิ้นขึ้นลง ดูดกลืน สลับขบเม้มปุ่มกระสัน
“พะ...พี่พาย ฝนจะไม่ไหว” เสียงหวานเอ่ยบอกพลางสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมดำดก
พระพายช้อนสายตาขึ้นไปมองคนที่กำลังหลับตาพริ้ม ใบหน้าเหยเกราวกับกำลังทรมานด้วยความเสียดเสียว ทำให้เขาต้องขบกรามข่มอารมณ์
ให้ตาย! เพียงแค่เห็นใบหน้าเร้าอารมณ์ของเธอ ไอ้ลูกชายเขามันผงาดอีกแล้ว
แต่กระนั้นลิ้นของพระพายก็ยังทำหน้าทีได้เป็นอย่างดี สอดเข้าไปทักทายหยอกล้อช่องทางสีหวานที่เขาปรารถนาจะเข้าไปหาความอบอุ่น ครั้นเห็นว่าร่างเล็กบิดเกลียวจวนจะทนไม่ไหว เขาก็ตวัดขึ้นจุดกระสันอย่างรัวเร็ว เพียงไม่นานเธอก็เกร็งตัว ก่อนจะปลดปล่อยน้ำหวานออกมาให้เขาให้เชยชิม
เมื่อไล้เลียจนหมดทุกหยาดหยดแล้ว พระพายก็ขยับกายขึ้นไปนอนเคียงข้าง กอดและจูบเธออย่างดูดดื่มครู่ใหญ่ ก่อนจะผละออกมายิ้มให้ด้วยความสุขจนล้นใจ
“มีความสุขไหม” เขาถามพลางเกลี่ยเส้นผมออกจากดวงหน้าผ่องใส แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปจูบหน้าผากเธออีกครั้ง
ปลายฝนพยักหน้าอาย ๆ รีบซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกของเขา เหตุการณ์เมื่อครู่มันเหมือนกับความฝัน ซึ่งเกิดขึ้นเร็วมาก และสำหรับเธอทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดีมากอย่างคาดไม่ถึง
“พี่ชอบมาก” พระพายกระซิบบอกเสียงพร่าที่ข้างหู ส่งให้คนฟังรู้สึกสยิว ขนอ่อนลุกชันไปทั่วร่าง ทว่าไม่นานก็เบิกตากว้างเมื่อเขากระซิบต่อว่า...“ฝน พี่ขออีกรอบได้ไหมครับ”
“หา...”
“รอบนี้ใช้ปากให้พี่เลยนะ”
สถานบันเทิงในคืนวันศุกร์มักจะคึกครื้นมากกว่าคืนไหน ๆ เนื่องจากผู้คนพร้อมใจกันออกมาเที่ยวปลดปล่อยความเหนื่อยล้าจากการเรียนและการทำงานที่หนักหน่วงมาตลอดสัปดาห์ เจ้าของร่างสูงร้อยแปดสิบสองเซนติเมตรในชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนสีดำเรียบ ๆ เดินฝ่าผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกันไปยังโต๊ะวีไอพีซึ่งตั้งอยู่บนชั้นลอย สามารถมองเห็นทั่วทุกมุมของสถานบันเทิงแห่งนี้ และโต๊ะนี้ถือเป็นโต๊ะประจำของเขากับเพื่อน ๆ
“มันมาแล้วว่ะ” คิมหันต์หรือคีมพูดขึ้นกับเพื่อนอีกสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกันเมื่อเห็นพระพายกำลังเดินแหวกเหล่าผีเสื้อราตรีขึ้นมาบนนี้
“กูบอกแล้วว่ามันมา” พงศกรหรือกรเอ่ยขึ้นพลางมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังเดินมา พวกเขาสี่คนมาถึงร้านได้ชั่วโมงกว่า ๆ แล้ว และได้พนันกันเล่น ๆ แบบปากเปล่าว่าวันนี้คนติดแฟนราวกับตังเมอย่างพระพายจะออกมาหาเพื่อนหรือไม่ “ค่าเหล้าวันนี้มึงกับไอ้เก่งจ่าย”
“อะไรวะ ไหนบอกพนันกันขำ ๆ ไง” บุญฤทธิ์หรือเก่งโวยวายทันที เพราะการที่คนแพ้ต้องจ่ายค่าเหล้าไม่ได้อยู่ในกติกา ทุกคนแค่พนันกันปากเปล่า ไม่ได้มีของเดิมพันอะไรทั้งนั้น แล้วจู่ ๆ จะมายัดเยียดให้จ่ายค่าเหล้าได้อย่างไร
“ก็พวกมึงแพ้ ก็ต้องทำตามคนที่ชนะบอกดิวะ” พงศกรว่าพร้อมมองหน้าบุญฤทธิ์กับธิติสลับกัน
“พ่อมึงดิ! หาเรื่องแดกเหล้าฟรี” ธิติหรือตังส่ายหน้าระอาแล้วคว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มจนหมด ก่อนชูมือที่ถือแก้วเปล่าขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้พนักงานนำแก้วมาให้อีกหนึ่งใบ และเป็นจังหวะเดียวกับที่พระพายเดินมาถึงโต๊ะพอดี
“ทำไมมาช้าจังวะ กูนึกว่ามึงจะไม่มาซะละ” บุญฤทธิ์ถามคนที่เพิ่งหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ
พระพายก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปตอบด้วยเสียงสบาย ๆ “กูไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนฝนมา ที่ร้านข้าง ๆ นี่แหละ”
ชายหนุ่มทั้งสี่คนพยักหน้าเข้าใจทันที ที่จริงคือมันออกมาตั้งนานแล้ว หากแต่นั่งดื่มอยู่กับแฟนก่อนแล้วค่อยปลีกตัวมาหาเพื่อนอย่างพวกเขา
“ทำไมมึงไม่ชวนน้องฝนมานั่งที่นี่ด้วยวะ” คิมหันต์ถามขึ้นพลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
“วันนี้วันศุกร์น้องเที่ยวกับเพื่อน” คนถูกถามตอบเสียงเรียบ พลางรับแก้วเหล้าจากพนักงานมา แล้วยกขึ้นดื่มไปอึกหนึ่งก่อนจะวางลง
อันที่จริงเขาก็อยากให้เธอมาด้วย ไม่สิ...เพราะจริง ๆ แล้ววันนี้เขาไม่อยากปล่อยเธอออกนอกห้องเลยด้วยซ้ำ เพราะเขายังตักตวงความรู้สึกหวามจากเธอไม่หนำใจเลย ถ้าเป็นไปได้เขาอยากขลุกอยู่ในห้องกับเธอทั้งวันทั้งคืนเลยด้วยซ้ำ แต่ก็คงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะวันนี้เธอได้นัดกับเพื่อนเอาไว้แล้ว
พระพายเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาไม่เคยบังคับแฟนให้ทำนั่นนู่นนี่ตามใจตนเอง อย่างวันนี้ก็ใช่ว่าเขาไม่ชวนปลายฝนให้มานั่งที่ร้านนี้ด้วยกัน หากแต่เธอบอกเขาว่าคืนนี้เพื่อนของเธอก็ชวนเที่ยวเช่นกันและเธออยากอยู่กับเพื่อนมากกว่า ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ไปส่งเธอที่ร้านแล้วนั่งกับเธอพักหนึ่ง ก่อนจะแยกตัวออกมาเพื่อให้เธอกับเพื่อน ๆ ได้นั่งคุยกันตามสบาย
ถึงแม้ในใจจะอยากอยู่เฝ้าเธอทั้งคืนก็ตาม
“กูโคตรนับถือใจมึงเลยว่ะ มึงไม่กลัวมีคนมาจีบแฟนมึงหรือไง” พงศกรถามขึ้นด้วยยังนึกข้องใจประเด็นนี้ไม่หาย ก็น้องปลายฝนน่ารักขนาดนั้น แต่เพื่อนเขากลับปล่อยให้แฟนตัวเองเที่ยวในสถานที่อโคจรแบบนี้ในเวลากลางคืนโดยไม่ตามไปคุม
“พวกมันจีบไม่ติดหรอก” พระพายพูดอย่างมั่นใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วงหรือไม่หวงปลายฝน หากเขามั่นใจว่าเธอจะไม่มีทางทำลายความเชื่อใจที่เขามีให้ เช่นเดียวกันกับที่เขาจะไม่ทำลายสิ่งที่เธอมีให้เหมือนกัน “น้องรักกูจะตาย”
“เฮ้อ!” ทั้งสี่คนถอนหายใจด้วยความเอือมระอาขึ้นมากับความมั่นหน้าของเพื่อน แล้วคว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มจนหมดแก้วพร้อมเพรียงกัน เพราะหมดคำจะพูดกับคนหลงตัวเองอย่างมันเหลือเกิน
พระพายขำลั่นเมื่อทุกคนมีเห็นสีหน้ารับไม่ได้กับความจริงที่เขาเพิ่งพูดไป ก่อนจะถามต่อยิ้ม ๆ “กูพูดผิดตรงไหน”
“เออ มึงพูดไม่ผิดหรอก แต่มึงมั่นหน้ามากเกินไป พวกกูเลยหมั่นไส้” คิมหันต์พร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่าย ที่พระพายพูดมานั้นเป็นความจริงที่ทุกคนเถียงไม่ได้และไม่สามารถเถียงได้เลย แต่ที่ทุกคนมีเหมือนกันคือความหมั่นไส้
“กูจำได้เลย ตอนที่มันจีบน้องฝน[1]ตอนรับน้อง มันส่งคำใบ้ให้น้องว่า ‘หล่อ’ ” บุญฤทธิ์ซึ่งเป็นรับหน้าที่เป็นพี่ว้ากหรือพี่ระเบียบในกิจกรรมรับน้องเมื่อสองปีที่แล้วเอ่ยขึ้นอย่างรื้อฟื้นความทรงจำ ทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้นมาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจำได้ดี รวมถึงพระพายด้วยเช่นกันเพราะเขาจำเหตุการณ์นั้นได้ดีกว่าใคร ๆ
“เออ กูล่ะเชื่อมันเลย ต้องมั่นหน้าเบอร์ไหนวะถึงได้กล้าพูดว่าตัวเองหล่อออกมา” คิมหันต์เอ่ยเสริมขึ้น เช่นเดิมว่าเรื่องที่เพื่อนหล่อนั้นเขาไม่เถียง เพราะมันหล่ออยู่แล้ว อีกทั้งยังมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะและนักกีฬามหา’ลัย
ช่วงที่เข้าปีหนึ่งใหม่ ๆ ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่เข้ามาขายขนมจีบให้มันเพียบ จนกระทั่งตอนนี้ขึ้นปีสี่แล้ว ก็ยังมีสาว ๆ เข้ามาจีบไม่ขาดทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทางสนใจเพราะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่ที่เขารับไม่ได้คือความมั่นหน้าแบบเกินเบอร์ของมันล้วน ๆ
พระพายหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ ก่อนจะเอ่ยกลั้วขำ “กูแค่แกล้งน้องเฉย ๆ พวกมึงก็นะ ล้อกูไม่เลิกเลย”
ถึงเขาจะมั่นในเบ้าหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าถูกแซวแล้วเขาจะไม่เขิน