6 ยืมก่อนนะคะ

1506 Words
เช้ามืดของวันใหม่ คนตัวเล็กปรือตามองใบหน้าหล่อคมของคนตรงหน้า รับรู้ได้ทันทีว่าเรื่องของเมื่อคืนไม่ใช่แค่ฝัน นิ้วเรียวขยับเลื่อนไปสัมผัสที่กลางวางขา รับรู้ได้ถึงความเจ็บแสบและบวมตุ่ยของกลีบดอกไม้ทั้งสองข้าง ก่อนจะค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วก้าวขาลงจากเตียงด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนแทบทะลุอก ทุกการเคลื่อนเธอไหวระมัดระวังสุดชีวิต กลัวเหลือเกินว่าคนร่างกายกำยำบนเตียงนั้นจะลืมตาตื่นขึ้นมาเสียก่อน ลิลินหันกลับไปมองร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มที่ปกติแสนเย็นชา ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มแดงจัดจนเธอไม่กล้ามองนาน รีบกวาดสายตามองหาชุดชั้นในของตัวเองขึ้นมาสวมใส่ “เฮีย…อย่าตื่นขึ้นมาตอนนี้เลยนะคะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาหลุดจากริมฝีปากบาง ก่อนที่เธอจะค่อยๆย่องเดินไปยังเก้าอี้ใกล้เตียง มือเล็กคว้าเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาที่ถูกถอดกองไว้ขึ้นมาอย่างลังเล เสื้อเชิ้ตของเจ้าพ่อมาเฟียพี่ยังคงนอนหลับไหลอยู่บนเตียง เธอสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกความกล้า ก่อนจะสวมมันลงบนร่างกายที่เหลือเพียงชุดชั้นในบางๆ เสื้อเชิ้ตขนาดใหญ่โอบคลุมร่างเล็กจนแทบมิด แต่กลิ่นกายผู้ชายชัดเจนยังคละฟุ้งจนเธอหน้าร้อนวูบ “หนูขอยืมก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเอามาคืน” เธอบอกกับตัวเองเสียงเบา คล้ายเป็นคำแก้ตัวเพื่อปลอบใจตัวเองขณะที่หัวใจยังสั่นระรัว ทันทีที่สวมเสร็จ ลิลินก็รวบชายเสื้อไว้แน่น แล้วก้าวเท้าอย่างเบาและช้าที่สุดตรงไปยังห้องน้ำ ความรู้สึกเหมือนเดินบนเส้นด้าย ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความกลัวว่าเขาจะลืมตาขึ้นมา แล้วกระชากเธอกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดห้องน้ำ พลันหันไปมองร่างสูงบนเตียงอีกครั้ง ร่างนั้นยังคงขยับตัวเล็กน้อยพร้อมเสียงหอบกระชั้น หัวใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเจอเธอซะก่อน “ซี๊ด...แสบจังอ๊า~” เสียงครางเบาหลุดจากริมฝีปากของคนตัวเล็ก ลิลินขบเม้มปากแน่นพร้อมกับหยีตาเพราะความเจ็บแสบที่ร่องแคบของเธอ ทุกการขยับเพียงเล็กน้อยกลับยิ่งตอกย้ำความเจ็บ ร่างกายเธอถูกทำร้ายฉีกขาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอแทบเดินไม่ไหวแต่ก็ยังพยายามประคองตัวเอง ให้จัดการล้างเช็ดร่างกายให้เรียบร้อย ก่อนจะก้มเก็บเสื้อผ้าที่ถูกกระชากจนขาดวิ่นมากอดแน่นไว้ในอ้อมแขน เสียงหัวใจเต้นรัวชุลมุนในอก บังคับให้รีบก้าวเท้าออกจากห้องให้เร็วที่สุด มือเล็กเอื้อมบิดลูกบิดประตูอย่างเบามือที่สุด ราวกับกลัวว่าเพียงเสียงคลิกเล็กน้อย ก็จะปลุกเสือร้ายบนเตียงให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งได้ ทันทีที่บานประตูแง้มออก เสียงทุ้มคุ้นหูก็เอ่ยขึ้นจากเงามืดของทางเดิน “ลิลิน” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ใจหายวาบเหมือนหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เธอหันขวับไปมองก็พบกับบาส ลูกน้องคนสนิทของวายุที่ยืนกอดอกพิงผนังรออยู่ สายตาคมกริบจ้องมาที่เธอราวกับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง “พ พี่บาส…” เสียงหวานสั่นเครือ เอ่ยออกมาด้วยความตกใจปนหวาดหวั่น บาสกวาดตามองร่างเล็กที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวของเจ้านาย กับผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงและขาที่ก้าวเดินอย่างฝืนเจ็บ เขาไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น “ขอบคุณที่ช่วยเฮีย ฉันรับรองว่าเธอจะได้ค่าตอบแทนอย่างงาม” เสียงทุ้มเอ่ยช้าๆดวงตาที่ฉายแววจริงจังสื่อออกมา เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและรู้สึกผิด “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูไม่ได้อยากได้รางวัลอะไรทั้งนั้น ขอแค่พี่บาสอย่าบอกเรื่องนี้กับใครก็พอค่ะ” ลิลินรีบส่ายหัวน้ำเสียงสั่นเครือแผ่วเบา เธอกำชายเสื้อเชิ้ตแน่นจนมือสั่น กัดริมฝีปากตัวเองเหมือนจะห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เธอกลั้นใจเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แม้แต่เฮียถ้าเขาไม่พูดอะไร พี่ก็ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นนะคะ บางทีเฮียเขาอาจจะจำอะไรไม่ได้ก็ได้ เฮียเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูเป็นใครมาจากไหน เพราะฉะนั้นพี่บาสห้ามบอกเฮียนะคะว่าเป็นหนู” บาสขมวดคิ้วแน่น สีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด “แต่ถ้าแบบนั้นพี่จะตอบแทนเธอได้ไม่เต็มที่ อีกอย่างยังไงเฮียก็ต้องรู้อยู่ดี” ลิลินรีบส่ายหัวแรง “ไม่ค่ะยังไงเฮียก็ไม่มีทางรู้แน่ๆค่ะว่าเป็นหนู เมื่อคืนเฮียยังถามหนูอยู่เลยว่าหนูเป็นใคร" “แต่ถึงยังไงเฮียก็ต้องรู้อยู่ดี เฮียไม่ใช่คนโง่ที่จะให้พี่โกหกได้ขนาดนั้น” “เสื้อผ้าของหนู หนูก็เก็บออกมาหมดแล้ว แล้วในห้องของเฮียก็ไม่มีวงจรปิดอะไรไม่ใช่หรอคะ เพราะฉะนั้นพี่บาสก็แค่บอกไปว่า เป็นใครสักคนที่พี่ไม่รู้จักก็พอค่ะ” บาสกัดฟันแน่น มองหญิงสาวตรงหน้าที่กำชายเสื้อเชิ้ตของวายุแน่นจนมือสั่น “แต่พี่รับปากเธอไว้ว่าแล้วจะช่วย ถ้าเป็นแบบนี้พี่จะช่วยเธอได้ยังไง” เธอหลบสายตาคมกริบนั้นลงต่ำ ก่อนตอบเสียงเบาราวกับกระซิบ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น หนูแค่ขอให้เรื่องนี้จบลงตรงนี้ก็พอ พี่ช่วยรับปากกับหนูได้ไหมคะ” บาสเม้มริมฝีปากแน่น ความเงียบปกคลุมระหว่างทั้งคู่ “แต่ว่า” เขาพยายามจะค้าน แต่ก็ถูกสายตาเว้าวอนของหญิงสาวหยุดเอาไว้ “นะคะพี่บาส” เสียงแผ่วของเธอสั่นเครือ ราวกับคนกำลังร้องขอชีวิต บาสถอนหายใจยาว พลางยกมือขึ้นกดขมับอย่างหนักใจ ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “เอ่อ อืม…” เขาจำใจตอบตกลง ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความอึดอัด เพราะเมื่อคืนเขาให้สัญญาไว้ชัดเจนว่าจะตอบแทนเธออย่างงาม แต่หากเฮียไม่รู้ เขาเองก็ไม่มีอำนาจหรือเงินมากพอที่จะให้เธอตามสัญญานั้น สายตาของบาสสั่นไหวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันหนีไม่กล้าสบตาเธอตรงๆ ภายในใจของเขารู้ดีว่านับจากนี้ไป อาจไม่กล้ามองหน้าของลิลินอีกเลยก็ได้ เพราะเขาได้รับปากเธอไปแบบนั้นแล้ว แต่กลับทำให้เธอไม่ได้จึงเกิดความละอายใจขึ้นมาทันที “ขอบคุณค่ะ” ลิลินก้มศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะรีบสาวเท้าออกจากตรงนั้น ตั้งใจจะเดินลงไปชั้นสองของบาร์ บรรยากาศเงียบเพราะเป็นเวลาที่บ้านปิดแล้ว ไม่มีทั้งเสียงเพลงไม่มีแม้แต่เสียงผู้คนที่ยังอยู่ในบาร์ ความเงียบนั้นทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งมองชุดที่สภาพหลุดลุ่ยยับเยินของตัวเอง ก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะกลับบ้านยังไงดี รถก็ไม่มีโทรศัพท์ก็แทบจะหมดแบต คล้ายกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง 'แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงดี' เธอคิดในใจกัดริมฝีปากแน่นคล้ายจะน้ำตาคลอ “พี่ไปส่ง” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เธอหันกลับไปมองเห็นบาสเดินตามเธอลงมา สีหน้ายังคงนิ่งขรึมแต่ดวงตาคมนั้นกลับจับจ้องอยู่ที่เธอไม่วาง “เอ่อ…แล้วเฮียล่ะคะ” ลิลินถามเสียงแผ่ว หัวใจเต้นแรงเพราะยังไม่วางใจ บาสกวาดสายตามองรอบๆโถงบาร์ที่ว่างเปล่า ก่อนเอ่ยเสียงนิ่งเรียบ “ไม่มีใครกล้าทำอะไรเฮียแล้วแหละ ลูกน้องคนอื่นๆอยู่กันเต็มไปหมด" "แต่ถ้าเฮียตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอพี่บาส วันนี้เฮียอาจจะหงุดหงิดได้นะคะ" "ไปเถอะน่าไม่ได้ไปนานเป็นวันซะหน่อย ไปส่งแค่แป๊บเดียวก็กลับเฮียยังไม่ทันตื่นหรอก แล้วดูสภาพสิเนี่ยจะกลับยังไงถ้าไม่ไปส่ง" "แต่ว่า..." ลิลินมองหน้าบาสครู่หนึ่ง ก่อนบาสจะเดินล้ำหน้าไปเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ไปเถอะเร็วๆ เดี๋ยวพี่จะไปส่ง” ลิลินกำชายเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ยืมมาคลุมตัวแน่น ก้าวตามไปทั้งที่ใจยังสั่นไม่หาย ทุกก้าวที่เดินลงบันไดสายตาของเธอ ก็เอาแต่จ้องมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำหน้าตลอดเวลา ในใจตอนนี้กังวนไปหมดไม่กล้าไว้ใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD