ฉันเดินตามแรงดึงของเฮียปัณณ์ลงมาด้านล่าง จากนั้นก็โดนลากไปเรื่อยแล้วก็เดินแรงเหมือนจะรีบไปตามควาย ไม่รู้ควายหายหรือว่ายังไงก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าอีพริกเนี่ยวิ่งตามไม่ทันแล้ว
“นี่จะรีบไปตามควายเหรอเฮีย”
“จูงควายต่างหาก ควายเดินช้า”
ไม่หน้าเปิดช่องให้ด่าเลย จากพริกแกงเผ็ดแซ่บ
กลายเป็นอีควายพริกไปแล้ว เฮียนี่ปากสุนัขจริง ๆ ฉันเชื่อพี่รินแต่แรกก็จบแล้ว
แต่ใจบอกว่ายังชอบอยู่
“เป็นควายก็ดีอะ จะได้มีเขาคนนี้ไง” ฉันพูดพร้อมชี้ไปที่เฮีย
กลัวที่ไหนล่ะ นอกจากจะไม่โกรธแล้วยังหยอดกลับด้วยความทะเล้นอีกด้วย ถามว่าจะหยอดถึงเมื่อไหร่ ก็จนกว่าจะใจอ่อนนั่นแหละ
“เลิกล้อเล่นได้แล้ว นี่จะจีบถึงเมื่อไหร่”
“จีบให้ครบ 21 วัน” ฉันตอบอย่างมุ่งมั่นตอนรอลิฟต์ จากนั้นจะยกคีย์การ์ดขึ้นแตะ แต่อีกคนก็ยึดไปซะอย่างนั้น
“เฮีย...ลิฟต์ที่นี่ต้องแตะคีย์การ์ดชั้นใครชั้นมันนะ”
“รู้”
รู้แล้วเอาไปทำไมล่ะ แล้วแตะคีย์การ์ดชั้นตัวเองอย่างเดียวคืนนี้ฉันจะนอนที่ไหน ไม่ใช่จะทรมานฉันด้วยการนอนหน้าห้องนะ ไม่เด็ดขาดยุงหามแน่
“ถ้าไม่แตะก็จะเปิดไม่ได้”
เงียบอีก...
ไม่ตอบไม่พอ ยังทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้อีก จนกระทั่งเสียงลิฟต์ดังที่ชั้น 23 ซึ่งเป็นชั้นของเฮีย
“เฮีย...เอาคีย์การ์ดมา...พริกไม่ยอมนอนหน้าห้องหรอกนะ” เธอแบมือขอ แต่ทว่าสายตาที่มองมาอย่างเลือดเย็นนั้นไม่ได้ทำให้อีพริกสบายใจสักนิด
“ไป”
คำสั้น ๆ ที่เปล่งออกมาพร้อมกับสายตากวาดไปนอกลิฟต์บอกให้รู้ว่าให้รีบออกไปจากลิฟต์ แล้วอีพริกเลือกอะไรได้ไหม หรือว่าทรมานฉันด้วยการกินพริกไม่พอ จะมาจับทรมานในห้องอีกเหรอ
“เฮียให้พริกมาทำไม”
“ถามมาก”
เอ้า...ไม่ถามฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ นี่เฮียเป็นอะไรของเฮียนะ ฉันไม่เข้าใจเฮียจริง ๆ ให้ตายเถอะ
สุดท้ายฉันก็มายืนโง่ ๆ อยู่ในห้องกว้าง ๆ ของเฮีย ที่นี่มีห้องสองห้องเหมือนชั้นของลูกฟูก แต่ไทป์นี้กว้างกว่าและมีโซนครัวที่จัดไว้อย่างลงตัว มีโซฟานั่งเล่นที่นอนได้เลย
ส่วนเจ้าของห้องที่ลากฉันมาทำอะไรไม่รู้หายเข้าไปด้านใน ทำให้ฉันไม่รู้จะทำอะไรจึงนั่งตรงโซฟารับแขก แต่ม่านที่เห็นวิวด้านนอกสวยฉิบหาย ฝั่งนี้วิวดีกว่าฝั่งของห้องลูกฟูกเสียอีก คงจะหลายสิบล้านแน่ ๆ
“สวยเป็นบ้าเลย”
แสงไฟจากตึกกรุงเทพยามค่ำคืนนี่มันชวนให้หลงใหลเสียจริง แถมตรงนี้มีที่นั่งชมวิวแล้วยังสามารถอ่านหนังสือได้ด้วย การตกแต่งเรียกได้ว่ามีเทสมาก ๆ ฉันนั่งชมวิวได้ครู่หนึ่งก็ถูกเรียกด้วยเสียงห้วน ๆ
“มานั่งนี่”
พริกแกงจึงต้องดึงสายตาออกจากวิวข้างหน้าอย่างแสนเสียดาย จากนั้นเดินดุ๊กดิ๊กไปนั่งที่โซฟารับแขกเหมือนเดิม แล้วก็เห็นกล่องพยาบาลในมือของเขาทำให้ฉันส่ายหน้าหวือ
“เฮีย...พอแล้วมั้งทำแผล พี่ปุณณ์ทำให้พันอย่างกับมัมมี่ หากเฮียทำอีก...เป็นผีมัมมี่เลยนะ”
“ฉันไม่ทำแผลส้นตีนแบบนั้นหรอก”
“....”
ทำไมคำว่าส้นตีนนี่เหมือนด่าฉันเลยล่ะ ฉันไม่ได้ทำเสียหน่อย แถมยังมองคล้ายจะเอาเรื่อง
นี่ฉันผิดอะไรใครก็ได้ตอบหน่อย
แล้วผ้าที่พี่ปุณณ์พันเอาไว้ให้ก็ถูกคลายออกแล้วโยนทิ้งแบบไม่ไยดีสักนิด แต่ฉันลอบยิ้มให้กับท่าทางมุ่งมั่นที่อยากเอาชนะพี่ชายของเขาแบบนี้จังเลย
“เฮีย...ไม่ต้องทำก็ได้นะ...พริกไม่เป็นอะไรแล้ว”
“อย่าพูดมาก”
“...”
แค่ชวนคุยเอง ทำไมต้องดุขนาดนั้น นี่ไปทำอะไรให้โกรธนักหนางั้นเหรอ
“ทำไมเรียกทุกคนพี่แล้วต้องเรียกฉันว่าเฮีย”
“ก็เฮียเป็นคนพิเศษ”
....
เงียบไร้เสียงตอบรับ นี่นอกจากไม่รับมุกแล้วยังทำหน้านิ่งเหมือนเมื่อกี้ฉันยังไม่ได้จีบเลย โหยหินก้อนนี้โคตรแข็งเลยวะ 21 วันจะพอไหมวะอีพริก หรือต้องยี่สิบเอ็ดเดือนดี
“แล้วทำไมต้องจีบ 21 วัน”
“ถ้าบอกแล้วจะใจอ่อนกับพริกหรือเปล่า...” ฉันก้มหน้าไปมองคนที่ตั้งใจทำแผลจากนั้นก็โดนกดที่แผลแรง ๆ
“โอ๊ย...เฮีย...เจ็บนะ”
“แสดง”
ดวงตาคมกริบกดมองฉันนิ่งในจังหวะที่กดแผล ราวกับกำลังทดสอบความอดทนของฉัน…ทั้งที่ปากดุยิ่งกว่าหมา แต่แววตากลับซ่อนความห่วงใยไว้อย่างมิดชิด
“...”
ฉันทำปากจู๋ คนรู้ทันนี่ไม่สนุกเลย สุดท้ายก็ตอบเขาไปดี ๆ “ก็พริกอ่านมา ว่าหากคนเราทำอะไรซ้ำ ๆ 21 วัน จะทำให้สิ่งนั้นติดตัวไปตลอดชีวิต หากพริกจีบเฮีย 21 วัน พริกก็จะมีเฮียตลอดชีวิตไง”
“เพ้อเจ้อ”
อะ...อ้าว ทฤษฎี 21 วัน เปลี่ยนฉันเป็นแฟนเฮีย ส่อแววจะล่มไม่เป็นท่าแล้วล่ะ
“ทำไมจึงจะจีบ”
“ก็ชอบเฮียไง”
“ทำไมถึงชอบ”
“ก็เฮียรักเพื่อนมาก อยากมีโมเม้นต์แบบนั้น อยากถูกเฮียรักบ้าง อยากถูกดูแลเหมือนพี่ริน อยากมีคนเป็นห่วงแบบไม่ต้องมีผลประโยชน์” ฉันว่าพลางอิจฉาพี่ริน พี่ปั้น แล้วก็พี่ปุณณ์ ที่มีคนรักกันมาก ๆ แบบนี้อยู่ด้วย ยังคิดอยู่เลยว่าหากได้คนแบบนี้เป็นแฟนแล้วจะน่ารักขนาดไหนนะ
“เพื่อนกับแฟนไม่เหมือนกัน”
“รู้...ก็ถ้าเพื่อนยังรักได้ขนาดนี้ เฮียลองคิดภาพตามพริกนะ ถ้าเฮียมีแฟนเป็นตัวเป็นตนจะรักมากขนาดไหน”
นอกจากเฮียจะไม่พูดอะไรแล้วยังส่ายหน้าให้กับความเพ้อฝันเรื่องความรักของฉัน แล้วพลาสเตอร์กันน้ำถูกพันนิ้วของฉันจนแน่น จากนั้นกล่องพยาบาลก็ถูกเก็บก่อนเฮียจะหันมาบอก
“เพื่อนกับแฟนมันไม่เหมือนกันหรอกนะ”
พูดซ้ำทำไม...ไม่เห็นเข้าใจ นอกจากจะไม่อธิบายให้เคลียร์ เฮียก็เดินเข้าห้องไปก่อนจะโยนผ้าห่มมาให้ฉัน คล้ายบอกว่านอนที่นี่
“อะ...อ้าว...เฮีย...ให้นอนโซฟารับแขกเหรอ พริกกลับไปนอนห้องก็ได้นะจะได้ไม่กวนหรือถ้าเฮีย...”