ตอนที่ 1 เกินความคาดหมาย

1691 Words
"จริงเหรอวะเนี่ย!?" ผมเผลอหลุดคำนั้นไปด้วยอาการอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง มึนงงกับข้อความในกระดาษแผ่นหนึ่ง "ไอ้เหมยมึงเป็นอะไรของมึงวะ! ทำท่าทางเหมือนกำลังตกใจอะไรอย่างนั้นล่ะ.... เฮ้ยมึงได้ยินกูพูดมั๊ยเนี่ย มึงเป็นอะไรมากหรือเปล่า?!" เหมย เป็นชื่อเรียกของผมเองที่อาจจะฟังคล้ายชื่อผู้หญิง แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดนะครับผมก็เป็นผู้ชายแมนๆ คนหนึ่ง ผมรีบหันไปทางเสียงเรียกเพราะรู้สึกว่าบริเวณท้ายทอยรู้สึกเจ็บแปลบๆ เหมือนถูกอะไรบางอย่างฟาดแรงพอสมควรเพื่อเรียกสติผมกลับคืนมา "มึงตบหัวกูทำไมวะ?" "แล้วมึงได้ยินที่กูเรียกหรือเปล่าล่ะ กูถามว่ามึงเป็นอะไรทำไมมึงมีอาการแบบนี้ มึงตกใจอะไรของมึง กูถามตั้งหลายครั้งทำไมมึงไม่ตอบกู ไอ้เหมย!!" "มึงอ่านนี่แล้วมึงจะตกใจเหมือนกู ไอ้เป้” ไอ้เป้มันเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผมตั้งแต่เรียนปี 1 จนถึงปี 4 และช่วงนี้นักศึกษาทุกคนกำลังรอเรียกตัวจากสถาบันการแพทย์และโรงพยาบาลต่างๆ ที่พวกเราเคยส่งหนังสือไปเพื่อขอฝึกงาน มีหลายคนที่ได้รับหนังสือตอบรับจากโรงพยาบาลหรือสถาบันการแพทย์ที่อนุญาตให้เราไปฝึกงานที่นั้นได้หนึ่งในนั้นก็คือผม เหมย ก่อนอื่นผมขออนุญาตเท้าความนิดนึงก่อนนะครับ ผมเหมย พิชญา นภาผ่องพรรณ ฟังจากชื่อเล่นหรือจะเป็นชื่อจริงของผมแล้วคุณคิดว่ามันดูเป็นผู้หญิ๊งง... ผู้หญิงใช่ไม่ล่ะครับแต่ผมก็เป็นผู้ชายแมนทั้งแท่งคนหนึ่งครับ ผมขอฟังธงด้วยตัวเองเลยผมเป็นว่าที่นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่มีความชำนาญเรื่องสุขลักษณะในช่องปากของพวกเราทุกคนครับ ไม่ว่าจะฟันคุด ฟันแมง ฟันผุ หินปูน ปวดฟัน และอีกสารพัดปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปาก ผมสามารถจัดการได้หมดครับ ทุกคนเขาจะเรียกผมสั้นๆ ว่าหมอฟัน หรือทันตแพทย์ ใช่ครับผมเป็นหมอฟัน และเป็นหมอฟันที่หล่อน่ารักที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ หากพูดถึงว่าผมหล่อที่สุดในโลกมันอาจจะฟังดูเวอร์ไป ถ้าอย่างนั้นผมขอดูดีและน่ารักที่สุดในคณะดีกว่าครับ มันอาจจะฟังดูน่าเชื่อถือมากกว่า แหะๆๆๆ "นี่มันเป็นเรื่องจริงใช่มั๊ยไอ้เหมย!! ที่มึงจะได้ไปฝึกงานในโรงพยาบาลใหญ่ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ เฮ้ยทุกคนมานี่เร็ว เราจะบอกข่าวดีให้ทุกคนฟัง!" ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีที่ไอ้เป้เรียกเพื่อนๆ นักศึกษากว่า 50 คนเข้ามาบริเวณที่ผมนั่งอยู่ "มึงจะทำอะไรของมึงวะไอ้เป้ มึงจะบอกอะไรพวกเขาวะ มึงอย่าบอกนะว่ามึงจะ......" ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ ไอ้เป้ก็ป่าวประกาศเสียงดังลั่นห้องเรียน "เพื่อนๆ เรามีข่าวดีจะบอกในคณะทันตกรรมของเรา ไอ้เหมย พิชญา ได้เป็นนักศึกษาฝึกงานของโรงพยาบาลอันดับ 1 ของประเทศเลยเว้ยทุกคน เราขอให้เพื่อนๆ ปรบมือแสดงความยินดีกับไอ้เหมยหน่อยครับ" "ว๊าวววว!!! สุดยอด/ เก่งจัง/ ยินดีด้วยนะเหมย......." เสียงปรบมือและคำแสดงความยินดีดังลั่นห้องเรียนเป็นระยะ จนผมแทบจะยืนไม่ติดเพราะด้วยรู้สึกอาย ตื้นตัน ดีใจกับคำยินดีของเพื่อนๆ พลางยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเป็นสายโดยไม่ตั้งใจ "เราขอขอบใจเพื่อนๆ ทุกคนมากนะ มันไม่ใช่เพราะว่าเราเก่งหรือสุดยอดอะไรหรอก ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้เข้าฝึกงานกับโรงพยาบาลหรือสถาบันการแพทย์ใหญ่ๆ เช่นเดียวกันกับเราแต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับบุคคลที่พิจารณารับพวกเราเข้าฝึกงานมากกว่า เราเชื่อนะว่าทุกคนก็ย่อมได้สิทธิ์ดีๆ อย่างเรา ขอให้ทุกคนสู้ๆนะเพื่อนๆ" คำพูดจากความรู้สึกในหัวใจที่ผมพูดออกมาจากส่วนลึกให้ทุกคนฟังพร้อมกับขอบคุณคำยินดีเหล่านั้นด้วยหัวใจ จากคำพูดของผมได้สร้างความรักความสามัคคีแก่เพื่อนๆ ให้เกิดความรักสวมกอดกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายไปฝึกงานตามสถานที่ต่างๆ ต่อไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า วันแรกที่ผมได้ก้าวเข้ามาในสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในขณะนี้ แทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่านักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะได้มีโอกาสมายืนบนพื้นที่สถานที่อันยิ่งใหญ่ ที่ทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากมาฝึกงานกันเป็นจำนวนมาก ผมเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ได้มาฝึกงานกับโรงพยาบาลในฝัน เมื่อรถตู้โดยสารสายหนึ่งที่ผมนั่งมาจอดหยุดบริเวณหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาลชื่อดัง ความตื่นเต้นความประหม่าต่างประดังเข้ามาในใจผมแทบจะตลอดเวลา ทันทีที่ประตูรถตู้ปิดไปหลังจากผมได้ก้าวขาลงจากรถตู้นั้นแล้ว ผมก็รู้สึกถึงความเคว้งคว้าง ล่องลอย โดดเดี่ยวเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างไม่มีจุดหมายแล้วผมจะทำอย่างไรต่อไป สิ่งที่คิดและวางแผนมาก่อนหน้ามันก็ไม่เป็นไปตามนั้น พอมาอยู่ในสถานที่จริงมันดูยิ่งใหญ่กว่าที่ผมคาดการณ์เอาไว้มาก ผมยืนงงกลางแดดจ้า ทั้งที่มือทั้ง 2 ข้างยังคงหิวกระเป๋าใบใหญ่ไม่วาง ระหว่างที่ผมกำลังยืนหันซ้ายหันขวาเพื่อรอให้สมองสั่งการทำหน้าที่ที่มันควรทำ แต่ผมต้องสะดุ้งโหยงจากการถูกจับข้อมือพร้อมทั้งเขย่าข้อมือของผมแรงๆ โดยฝ่ามือใหญ่ของใครคนหนึ่งจนผมหลุดออกจากภวังค์ความเคว้งคว้างล่องลอยนั้นแทบไม่ทัน "คุณ! คุณมีอะไรให้ผมช่วยมั๊ยครับ?" "เอ้ออออ....คือผม....ผมมาฝึกงานครับ นี่ครับเอกสารตอบรับจากทางโรพยาบาลครับ" ผมยืนเหงื่อตกในขณะที่ตัวผมเองเริ่มจะได้สติกลับคืนมาก่อนจะหยิบและยื่นเอกสารที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อให้กับพี่รปภ.คนนั้นไป "น้องเป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกงานจากมหาวิทยาลัยใช่มั๊ยครับ" "ใช่ครับพี่" "สักครู่นะครับเดี๋ยวพี่ขอติดต่อฝ่ายอำนวยการก่อนนะครับ" ผมยิ้มรับแทนคำตอบรับอย่างเป็นมิตร ผ่านไปไม่ถึง 1 นาทีได้มีรปภ.หนุ่มใหญ่คนหนึ่งวิ่งออกมาจากใต้อาคาร ตรงมาหาผมอย่างว่องไว "คุณชื่อพิชญาใช่มั๊ยครับ" "ครับ ผมพิชญา อาชามาศ" "เชิญตามผมมาทางนี้ครับ" พี่รปภ.คนนั้นเขาคว้ากระเป๋าใบใหญ่ของผมทั้ง 2 ใบไปถือด้วยความรวดเร็วจนผมตกใจเพราะคิดว่าจะโดนปล้นซะแล้ว "ผมช่วยถือครับ" "ขอบคุณมากครับพี่" ผมยกมือขึ้นขอบคุณตามมารยาทแล้วเดินตามพี่รปภ.ไป ผมเดินตามพี่รปภ.ไปสักระยะ เขาก็พาผมขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 7 เวลานั้นผมคิดถึงไอ้เป้ขึ้นมาจับใจถ้ามีมันอยู่ด้วยบรรยากาศในลิฟต์คงไม่เงียบกริบขนาดนี้ มันเป็นเพื่อนสนิทของผมเพียงคนเดียวที่ผมอยู่ด้วยแล้วเหมือนผมอยู่ท่ามกลางคนนับร้อย มันจะคอยพูดเรื่องโน่นเรื่องนี่ให้ผมฟังตลอดเวลา มีหลายครั้งที่ผมมักจะว่าให้มันบ่อยมากว่ามันเรียนผิดคณะหรือเปล่าวะ พูดเก่ง วิเคราะห์อะไรได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ มันน่าจะเรียนคณะนิเทศมากกว่านะ เอกสื่อสารมวลชนก็ได้นะ เอกเนี่ยเหมาะกับมันเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้คิดถึงมันจัง ไอ้เป้มันได้ไปฝึกงานที่คลินิกแถวบ้านมันโน่น โคตรโชคดีเลยไม่ต้องพลัดบ้านไกลถิ่นเหมือนผม "ถึงแล้วครับคุณพิชญา" ผมหยุดเดินแทบไม่ทันจนเกือบชนแผ่นหลังกว้างของพี่รปภ.เขา ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะหยุดเดินตอนไหนเล่นเดินเร็วอย่างกับกำลังเดินสวนสนามอย่างนั้นล่ะ "พี่ผมขอโทษนะครับ เกือบเดินชนพี่เลย" "ไม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวผมรออยู่ด้านนอกนะครับ" ไม่ทันที่ผมจะตอบรับอะไร พี่รปภ.ก็เคาะประตูกระจกทึบแสงบานใหญ่ตรงหน้าผม "ก๊อกๆ ขออนุญาตครับ" เฮ้ยพี่! จะรีบไปไหนวะครับ พี่ยังไม่บอกผมเลยนะว่าห้องนี้เป็นห้องใคร ผมกวาดสายตาไปรอบๆ เพียงไม่กี่วินาทีเพื่อสำรวจว่าจุดที่ผมยืนอยู่นี้คือที่ไหน อ้าวนี่เราเดินผ่านคนเป็นร้อยมาได้ยังไงโดยไม่รู้ตัวทั้งที่หมอ พยาบาลและคนไข้เต็มไปหมด ทำไมเราเหมือนเดินมากันแค่สองคนเองวะ เฮ้อออ!! นี่อาการเราหนักขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย จังหวะที่พี่รปภ.กำลังจะผลักประตูบานใหญ่เข้าไป ได้มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังลอดออกมาก่อน "อย่าเพิ่งเข้ามา ผมขอเคลียร์โต๊ะทำงาน 2 นาที" จากเท่าที่ฟังน้ำเสียงแล้วผู้ชายคนนี้น่าจะมีอายุมากพอสมควร "ครับคุณหมอ" เสียงตอบรับพี่รปภ.ทำให้ผมรู้และรีบจำสรรพนามที่ใช้เรียกชายที่อยู่ด้านในห้องนั้นโดยไม่ต้องบอก ผมยังเหลือเวลาอีกนาทีกว่าจึงไม่รอช้าที่จะรีบสำรวจสิ่งรอบตัวอย่างละเอียดอีกครั้ง นายแพทย์มหรรณพ ชิณนราดูร ผู้อำนวยการ สายตาผมไปสะดุดกับชื่อที่ติดอยู่บนบานประตูกระจกเด่นเป็นสง่า นี่เราต้องเข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลยเหรอเนี่ย โห!!....จะตายมั๊ยเรา จะทำตัวยังไงดีวะเนี่ย โอ้ยทำตัวไม่ถูกโว้ยยยย...... "เข้ามาได้ นักศึกษาฝึกงานใช่มั๊ย" "ใช่ครับ ผมขออนุญาตพาคุณพิชญาเข้าไปแล้วนะครับ" "ผึ่งงงง!!!.........." The Please รักฉันได้มั้ย... หัวใจเลี้ยงเดี่ยว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD