ตอนที่ 1 ผู้นำเจ้าพ่อ

2083 Words
ชีวิตที่อยู่ท่ามกลางเสียงปืนอย่างผมพวกคุณคิดว่าเสี่ยงไหม ผมตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าไม่ เพราะตั้งแต่ที่ผมลืมตาขึ้นมาบนโลกนี้ผมก็ใช้ชีวิตมากับเสียงปืนและความขัดแย้งมาตั้งแต่เกิดในครอบครัวผู้นำวงการเจ้าพ่อที่มีอิทธิพลมากที่สุดในขณะที่ ผมอยู่กับพ่อสองคนหากไม่รวมลูกน้องฝีมือดีในตำแหน่งเจ้าพ่อกว่าสิบคนที่คอยคุ้มครองพ่อและผมอยู่ตลอดเวลา แม่ผมหนีพ่อไปตั้งแต่ผมอายุได้ขวบเศษซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้เรื่องอะไร พ่อเล่าให้ฟังว่าแม่หนีออกจากบ้านเพราะทนรับกับความโหดร้ายป่าเถื่อนของพ่อไม่ไหว กับการฆ่าคนไม่เว้นวันของท่าน แม่ผมรับไม่ได้จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไป เพราะด้วยกลัวที่จะมีความผิดไปด้วยหากถูกจับดำเนินคดีทางกฎหมาย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็ไม่เคยเจอแม่อีกเลยและสิ่งที่แม่หวาดกลัวก็ได้เกิดขึ้นกับผม ตั้งแต่เด็กจนผมอายุครบ 22 ปีวันนี้ ผมเห็นการตายของคนนับไม่ถ้วนจากน้ำมือของพ่อผมเองหรือแม้แต่ลูกน้องของพ่อที่เข่นฆ่าผู้คนที่ขวางทางพวกท่าน มันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าความตายเป็นเรื่องปกติของทุกคน วันนี้ผมก็ได้มายืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำวงการเจ้าพ่อแทนคนเป็นพ่อที่จากไปเมื่อ 6 ปีก่อน การจากไปของพ่อจึงทำให้ผมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยเพราะท่านจากไปด้วยโรคร้ายที่ใครๆต่างหวาดกลัวแต่หากการจากไปของท่านเป็นฝีมือของศัตรู มันคงสร้างความแค้นใจให้ผมขึ้นมาก็เป็นได้ ความตายที่เป็นเรื่องที่ผมคุ้นเคยและอยู่กับมันมากว่า 20 ปีมันได้ทำให้ผมกลายเป็นคนด้านชากับเรื่องพวกนี้ไปเสียแล้ว ทุกวันนี้หน้าที่มัจจุราชจำเป็นก็ต้องตกมาอยู่ที่ผมอย่างเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ผมต้องการในชีวิตก็คือ อำนาจ บารมี เกียรติยศ เงินทองและผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ผมเหมือนจะโปรดปรานที่สุดคล้ายดั่งว่าผู้หญิงเป็นอาหารจานหลักของชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ละวันลูกน้องคนรู้ใจของผมมักจะนำเด็กสาวของศัตรูหรือไม่ก็เป็นลูกหลานของพวกลูกหนี้มาขัดดอกและไถ่ถอนหักล้างหนี้สินที่ค้างไว้กับผมอย่างน่าสมเพชแทบทุกวัน แต่สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้ผมพอใจได้ระดับหนึ่ง สุดท้ายเมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชดใช้หนี้สินของผมได้หมดก็ต้องตายลาโลกไปอย่างปริศนา ผมคิดว่าเมื่อพวกเขาเป็นหนี้ผมหากไม่มีเงินมาใช้ ชีวิตก็อาจเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้หนี้สินหมดไปได้ผมจึงสงเคราะห์จบชีวิตพวกเขาเพื่อชดใช้หนี้ที่ค้างไว้ให้หมดเป็นรายๆไป แล้วอย่าพูดถึงกฎหมายกับผม เพราะมันไม่มีทางทำอะไรผมได้เพราะผมคือพญามัจจุราช ที่มีอำนาจเด็ดขาด ใครที่มันขวางทางผมมันต้องตายสถานเดียว   เย็นนี้สิ่งที่ผมชอบก็จะถูกส่งขึ้นมาบนห้องนอนของผมเหมือนทุกวัน ห้องของผมจึงเปรียบดั่งสรวงสวรรค์ที่มีทั้งอาหารการกิน สุรารสเลิศมากมายหลายยี่ห้อที่ผมมักจะกินและดื่มเวลาจะมีความสุขกับหญิงสาวที่นำมาเป็นเครื่องสังเวยผมเพื่อชดใช้หนี้สินหรือเพื่อเป็นการกำจัดผู้ที่ขวางทางออกจากเส้นทางผู้นำวงการเจ้าพ่อของผม สังคมเจ้าพ่อเป็นสังคมของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีทั้งอิทธิพล อำนาจ บารมี เงินทองและความน่าเกรงขามแต่ในตำแหน่งผู้นำเจ้าพ่อทั้งหมด สิ่งที่ผมกล่าวมาเมื่อสักครู่มันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวที่ผมต้องการเท่านั้น สิ่งที่ผมมีมันมากกว่านั้นเป็นร้อยเท่า จึงทำให้ไม่มีใครกล้าต่อกรหรือแข็งข้อ คิดเป็นศัตรูกับผม ใครก็ตามที่คิดจะมาต่อกรกับผมนั่นคือพวกมันต้องจบชีวิตอย่างอนาถด้วยฝีมือของผมเอง "นายครับมีโทรศัพท์จากนายรองครับ" ผมรับโทรศัพท์จากลูกน้องคนสนิทขึ้นมาพลางบ่นในใจว่ายังจะมีปัญหาอะไรกันตอนนี้อีก "ว่ายังไงครับพี่ต้อง มีอะไรตอนนี้ครับ สำคัญไหม ถ้าไม่สำคัญผมขอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมครับ" "อชิน้องพี่ ช่วยพี่ด้วย พี่ไม่รู้จะทำยังไง มันมาด่ามาว่าตระกูลของเราเสีย ๆ หาย ๆ พี่เพียงแค่อยากจะถอนหุ้นร้านอาหารของพี่คืนเฉย ๆ มันกลับด่าทอตระกูลของเราได้ยังไง พี่ยอมไม่ได้ว่ะแต่พี่ไม่รู้จะทำยังไงอชิ  มันบอกว่าไม่คืนหุ้นให้ถ้าจะให้คืน ต้องให้นายใหญ่มาเองเพราะมันไม่เชื่อ หุ้นในร้านอาหารนี้มันเป็นของพี่ครึ่งหนึ่งเลยนะ พี่แค่อยากจะถอนหุ้นคืนเอาไปทำอย่างอื่นแต่มันไม่ยอม พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเหรอกนะ มันไม่คืนหุ้นพี่ก็พอจะยกให้มันได้แต่นี่มันมาพูดถึงตระกูลของเราในทางไม่ดี พี่ยอมไม่ได้จริงๆว่ะอชิ รีบมาเลยนะ" ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม พอได้ยินที่พี่ต้องพูดแบบนั้น ผมก็รู้สึกโกรธมากโกรธจนรู้สึกอยากจะฆ่าไอ้คนที่พูดให้ตายคามือไปต่อหน้าเลยจริงๆ มันมีสิทธิ์อะไรมาว่าคนในตระกูลของผมแบบนั้นแล้วผมก็ไม่ใช่คนจะยอมอะไรง่ายๆด้วย จากที่ผมฟังผมรู้เลยว่าพี่ต้อง เขาก็รักตระกูลของพวกเราจริงๆ เพราะเขาเป็นพี่ชาย ลูกพี่ลูกน้องของผมแต่พี่ต้องอาจจะเป็นคนค่อนข้างขี้ขลาดไปบ้าง ทุกครั้งที่เกิดปัญหาจึงไม่พ้นผมที่จะต้องยื่นมือเข้าช่วย "ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนผมจะไปจัดการมันเอง" ผมสบถด้วยอารมณ์โกรธแค้นมาก ผมรอฟังคำตอบอยู่นานแต่ก็ไม่ได้ยินคำตอบ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากจะฆ่าไอ้คนที่พูดว่าร้ายกระกูลของผมมากขึ้นหลายเท่า "พี่ต้องได้ยินผมไหม ผมถามว่ามันอยู่ที่ไหนผมจะไปฆ่ามัน" เพียงแค่ผมบอกจุดประสงค์ของผมพี่ต้องก็พูดด้วยเสียงดูเริงร่าที่แสดงออกถึงความดีใจออกมาทันที "ร้านอาหารที่พี่เคยพาแกไปเมื่อเดือนก่อนไงแกจำได้ไหม ไอ้คนที่มานั่งคุยกับพวกเราน่ะมันเป็นเจ้าของร้าน มันอยู่ที่นั่นแหละตอนนี้ ฉันกำลังรีบขับรถไปที่ร้านพอดีแกรีบมานะพี่ยอมไม่ได้จริงๆว่ะ" "ได้ครับพี่ต้องผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ บรูคมึงไปกับกูวันนี้ได้ฆ่าคนอีกแล้วเว้ยโคตรมีความสุขเลยว่ะ" ผมกดวางสายจากพี่ต้องก่อนจะหันไปบอกบรูค ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทที่ผมรักมากที่สุดเพราะมันเปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิดของผมมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่พ่อจากไป "ครับนายถ้ายังงั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมรถก่อนนะครับ" "มึงไปเตรียมรถเถอะเดี๋ยวกูขอเตรียมปืน 5 นาที ส่วนอาหารเย็นนี้เอาไปขังไว้ก่อนนะกลับมากูจัดแน่" แต่บรูคมันไม่ยอมไปซักทีมันยืนมองผมด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเป็นห่วงอะไรบางอย่าง "ทำไมมึงไม่ไปสักทีวะยืนมองทำเชี้ยอะไร" "วันนี้นายดื่มไปเยอะนะครับนายจะไหวเหรอครับ" "กูก็กินแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วถ้ามึงกลัวกูตายมึงก็เข้ามาขวางลูกปืนให้กูสิวะ" ผมพูดกับมันอย่างหัวเสียก่อนจะเดินไปที่หัวเตียงเพื่อหยิบปืนคู่ใจแล้วเดินลงไปชั้นล่างทันที ผมเดินออกมาถึงหน้าบ้านก็ยังไม่เห็นบรูคเดินตามมา มันจะอะไรกันนักหนาวะเนี่ย ทางโน้นผมก็ต้องไปแล้วลูกน้องคนสนิทผมมันมาเป็นอะไรตอนนี้อีก ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนอีกครั้งก็เห็นว่ามันยังคงยืนอยู่ที่เดิมแต่น้ำตามันไหลเป็นทาง ทำให้ผมรู้ว่าผมคงจะพูดรุนแรงกับมันเกินไปจริงๆ "บรูคกูขอโทษ อย่าโกรธกูเลยนะ กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงกูแต่ตอนนี้กูต้องไปจัดการกับคนที่มันดูถูกคนตระกูลของกูอยู่นะเว้ย มึงอย่าเพิ่งโกรธกูตอนนี้เลยนะ ไปกับกูเถอะเพื่อนรัก" หลังจากจบคำพูดของผม บรูคกลับมามีรอยยิ้มและยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองก่อนจะวิ่งนำหน้าผมไปที่รถยนต์หน้าบ้านแล้วอาสาเป็นคนขับรถให้ผม เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งจนบางครั้งผมแอบคิดว่าตกลงผมมีเพื่อนคู่คิดที่กล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันหรือผมมีเมียกันแน่ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาผมต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปขอโทษมันตลอด   ไม่ทันที่บรูคจะจอดรถที่บริเวณด้านหน้าร้านอาหารเป้าหมายอย่างสนิท ผมก็ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ด้านใน นี่มันกล้าลองดีกับผู้นำเจ้าพ่ออย่างผมเชียวหรือ ดีละผมจะจัดให้มันไปอยู่ในยมโลกซะให้หมด ผมรีบเปิดประตูรถยนต์ออกไปก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในร้านอาหารและต้องคอยหลบลูกกระสุนอยู่เป็นระยะ ภาพด้านในมันช่างเหมือนบรรยากาศการถ่ายทำละครบู๊ล้างผลาญอย่างไรอย่างนั้นเพราะข้าวของร่วงแตกกระจาย มีคนบาดเจ็บนอนเกลื่อน เสียงกรีดร้องของสาวๆ ดังระงมไปทั่วร้าน ตามทางเดินก็มีศพของชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งนอนตายเกลื่อน ผมรีบมองหาพี่ต้องเพื่อจะได้คิดบัญชีแค้นกับคนที่ว่าร้ายตระกูลของผมรายต่อไป พนักงานภายในร้านต่างวิ่งหนีตายกันอลหม่านรวมถึงลูกค้าอีกหลายคน ที่ยังคงส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวแต่สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางผมอย่างไม่คิดชีวิต แม้จะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดที่มีเสียงปืนดังสนั่นอยู่ตลอดเวลา ผมกลับเห็นความน่าสงสาร ใสซื่อและความน่ารักจากดวงตาคู่สวยในตัวใครคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก เรือนร่างบอบบาง ใบหน้าสะอาดเกลี้ยง ปากนิดจมูกหน่อยในชุดพนักงานเสิร์ฟแต่ผมกลับรู้สึกเอะใจว่า ทำไมเด็กเสิร์ฟคนนี้ถึงอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟหญิงล่ะ ก็เท่าที่สายตาของผมสัมผัสได้คนตรงหน้าไม่มีอะไรที่แสดงออกถึงความเป็นผู้ชายเลยแม้แต่น้อย มันเกิดอะไรขึ้นกับใจของผมกันแน่ แม้นเวลาจะผ่านไปรวดเร็วด้วยสถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น   สำหรับผมมันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ผมใช้ทุกวินาทีกับการสบตากับใครคนนั้นที่กำลังต้องการความช่วยเหลือด้วยความรู้สึกสงสารและอยากเข้าไปช่วยเขาเสียเต็มประดา สิ่งที่ผมปรารถนาก็เกิดขึ้นจริง เมื่อคนร่างบางวิ่งมาชนผมอย่างจังขณะที่ผมรีบอ้าแขนรับร่างบางนั้นอย่างทันท่วงทีก่อนจะเหนี่ยวไกปืนเพื่อสังหารฝ่ายตรงข้ามที่กำลังยกปืนขึ้นเหนี่ยวไกมาทางผมและคนร่างบางในลักษณะที่เขากำลังซบอยู่ที่อกกว้างของผม ผมอยากหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้จังเลย กลิ่นหอมๆในตัวของเขามันทำให้ผมรู้สึกดีแล้วกลายเป็นความรักอย่างรวดเร็วจนผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน นี่ผมกำลังกอดผู้ชายจริงๆใช่ไหม ความรู้สึกของผมกลับค้านต่อสิ่งที่ผมสัมผัสอยู่ตลอดเวลา ผมกำลังรู้สึกชอบเพศเดียวกันอย่างนั้นหรือ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ทำไมใจผมเต้นแรงอย่างนี้ทำไม..ทำไม..ทำไม!!......
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD