สีหน้าราบเรียบ ทว่าแววตากลับเปล่งประกายวิบวับ พลอยทำให้คนมองถึงกับวูบวาบไปทั่วท้องน้อย ส่งตาเขียวขุ่นถลึงใส่ เรียกชื่อเขาเสียงค่อนข้างดังด้วยความตกใจ
“พี่เขม!” ใบหน้าขาวเห่อร้อน แดงก่ำ
“ทำไมครับ? พี่ถามผิดตรงไหน" ยิ่งเขาย้อนถามด้วยถ้อยคำยียวน หล่อนยิ่งหมั่นไส้ นึกอยากจะข่วนหน้าเขาแรงๆ แต่ก็ได้แค่คิด สองมือเล็กกำแน่น เม้มปากเป็นเส้นตรง หายใจฮึดฮัดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินเข้าห้องไปทันที
“ชาไปนอนก่อนนะคะ" แต่ยังมิวายได้ยินเสียงหัวเราะไล่หลังมาจากเขาดังแว่วมาให้ขุ่นเคืองมากขึ้น
“หึหึ”
ฌาร์ริญณ์ประตูห้องนอนของหลานสาวหัวใจเธอยังเต้นแรง หายใจเร็ว เขาเป็นคนอันตราย เล่นกับใจเธอเกินไปแล้ว!!
หล่อนนึกเข่นเขี้ยวเขา ทั้งที่ใจนั้นเริ่มไม่ปกติ
หญิงสาวพยายามใช้เสียงให้น้อยที่สุด แสงสว่างจากโคมไฟตรงมุมห้องที่เปิดทิ้งไว้ทำให้เห็นว่าหลานสาวตัวน้อยของเธอนั้นนอนดิ้นขนาดไหน โชคดีที่เตียงนอนหลังใหญ่ขนาดหกฟุตมีที่กั้นล้อมรอบสำหรับกันเด็กตก จึงไม่ได้น่ากังวลอะไร
หญิงสาวยืนมองอย่างชั่งใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะนอนตรงไหนถึงจะดี เพราะอีกไม่ช้าใครอีกคนก็คงตามเข้ามานอนในห้องนี้ด้วย
สุดท้ายเธอตัดสินใจเลือกที่จะนอนข้างหลานฝั่งขวา โดยพยายามใช้เสียงให้น้อยและแทบจะใช้วิชาตัวเบาในการปีนขึ้นเตียงนอน แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆหลานสาว
ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักที่กำลังหลับตาพริ้ม พลอยทำให้เธออดสะท้อนใจไม่ได้ ตัวหนูเท่านี้เองแต่ก็ต้องมากำพร้าเสียแล้ว ต่อไปนี้น้าจะเป็นแม่ให้หนูนะลูก...น้าจะดูแลหนูแทนแม่ของหนูเอง
น้ารักหนูนะวาวา...
หยดน้ำตาร่วงเผาะอาบแก้ม ก่อนที่เธอจะปาดทิ้ง พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บอกย้ำกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง และต้องทำให้ได้ แม้หนทางข้างหน้าเธอจะไม่มีวันล่วงรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ถึงอย่างน้อย วันนี้ก็จะทำให้ดีที่สุด เท่าที่น้องสาวคนหนึ่งจะทำให้พี่สาวคนเดียวที่เพิ่งล่วงลับไปให้ได้
เขมกรนั่งมองประตูห้องหลานสาว ด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เขานั่งอยู่ตรงนี้เพื่อมองประตูบานนั้นมาร่วมห้านาทีแล้ว
ภาพใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำ ด้วยความเขินอาย ที่ถูกเขาแกล้งเย้าหยอกเล่นเมื่อครู่ กับสีหน้าเหวี่ยงเล็กๆ จมูกโด่งรั้นๆ กับดวงตามองค้อน ยามที่เขาแสร้งยียวนใส่ติดอยู่ในความรู้สึก จนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันตลอดหลายวันที่ผ่านมา นับตั้งแต่คืนนั้นภาพใบหน้าของหญิงสาวที่เขาเพิ่งได้รู้จักไม่กี่ชั่วโมงในวันนั้นกลับแวบเข้ามาให้เขาได้คิดถึงอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งวันนี้ที่ได้กลับมาเจอกัน จะด้วยเหตุบังเอิญ หรือว่าเหตุผลอะไร...มันกลับเป็นเรื่องดีๆหนึ่งเดียวในช่วงเวลานี้ของเขา
แวบแรกที่เขาได้ยินชื่อ น้องสาวของน้ำปั่น น้องสะใภ้ของเขาก็อดรู้สึกสะดุดหู มันคล้ายกับว่าคุ้นเคย หรือเคยได้ยินมาก่อน
จนเมื่อได้เจอหน้า เจอตัวเป็นๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นคนเดียวกันกับคนที่เข้ามารบกวนสมองและความคิดของเขาตลอดหลายวันมานี้
จนแทบจะทาบทับ กลบใบหน้าของใครบางคนที่เขาเก็บไว้อยู่ในหัวใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา
หึหึ
เขมกรเผลอยิ้มคนเดียว เมื่อคิดถึงเจ้าของเนื้อกายอุ่นๆที่เขาเพิ่งได้กอดไปเมื่อครู่ กลิ่นหอมจากแป้งเด็กยังติดจมูกเขาอยู่ถึงตอนนี้
นายหัวแห่งสิริมันตราบีชนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดดูงานต่างๆที่เขาต้องเช็คและสะสาง เพราะตลอดหลายวันมานี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการจัดการเรื่องของน้องชายและน้องสะใภ้จนหมด
วันนี้จึงมีเวลาได้พักหายใจ และได้คิดไตร่ตรองถึงอะไรหลายอย่าง รวมไปถึงได้มีเวลาสะสางงานโรงแรมในเครือสิริมันตราบีช ที่เขาเตรียมขยับขยายสาขาเพิ่มอีกหลายที่
กว่าจะได้อาบน้ำเข้านอนก็กินเวลาเกือบเที่ยงคืน
ร่างสูงเปิดประตูอย่างเบามือ พยายามไม่ให้เกิดเสียงดังเพราะเกรงจะไปรบกวนการนอนของทั้งสองคน ก่อนจะปีนขึ้นเตียงฝั่งซ้ายที่มีพื้นที่ว่างอยู่
นัยน์ตาลุ่มลึกก้มมองใบหน้าของหญิงต่างวัยสองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกต่างกัน แววตายามจ้องมองหลานสาวนั้นเต็มไปด้วยความอาดูรสงสาร และเป็นห่วง ในขณะที่เขาเลื่อนสายตามองไปยังใบหน้าของน้าสาวที่ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่บนใบหน้า ก็อดที่จะเอื้อมมือ เช็ดให้แผ่วเบาอ่อนโยนเพราะเกรงจะรบกวนการนอนไม่ได้
แววตาอ่อนแสงลงฉายความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าความรู้สึกดีๆ ที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้ เกิดจากอะไรแล้วคืออะไร
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่แก่ใจ คือเขารู้สึกอิ่มเอมและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ในช่วงเวลานี้มีเมฆฝนปกคลุมชีวิตกลับมองเห็นแสงสว่างเล็กๆเปล่งประกายออกจากมาหญิงสาวตรงหน้า