ผ่านมาสองปีแล้ว...เธอก็ยังเป็นแค่เลขาที่ช่วยเขาทุกอย่างกระทั่งเตรียมชุดไปประชุมกับลูกค้าสำคัญ
"พี่ราม...เสร็จหรือยังคะ อีกสองชั่วโมงจะประชุมแล้วนะคะ" อ้อนรักทำทุกอย่างเหมือนคนรักไม่มีผิด มีเพียงแค่เรื่องเดียวคือนอนกับเขาแค่นั้นเอง
"บ่นเป็นป้าแก่ไปได้...เย็นนี้พี่จะกลับบ้านนะ ไม่ต้องเอาอาหารมาให้ที่คอนโดแล้ว"
ช่วงหลังมานี้รามสูรซื้อคอนโดอยู่ที่ใจกลางเมือง เพราะว่ากลับบ้านดึก อีกอย่างคุณย่าก็เป็นห่วงขับรถกลับมืด ๆ ทั้งอ้อนรักก็ย้ายมาอยู่คอนโดห้องข้าง ๆ ของเขาด้วยเพราะว่าตัวเองซื้อไว้เกร็งกำไร จึงให้ยายน้องข้างบ้านมาอยู่ดูแลห้องให้ แล้วก็เหมาดูแลห้องของเขาด้วยเลยโดยไม่ต้องจ้างแม่บ้านให้วุ่นวาย
"ดีค่ะ อ้อนก็อยากกลับบ้านเหมือนกัน" ไม่คิดว่ามาทำงานกับเขาแล้วจะไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน บริษัทของรามจงพิทักษ์ หลังจากเธอเข้ามาทำงานพี่รามก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนตอนนี้บริษัทเติบโตมีพนักงานเป็นร้อยคน และมีโครงการที่ต้องออกแบบในเครือของรามจงพิทักษ์มากมาย และวันนี้เป็นการประชุมลูกค้าคนสำคัญคือนายทุนต่างชาติมาเปิดชอปปิงมอลล์ที่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจ เป็นห้างชั้นนำที่จะมีแบรนด์เนม ทั้งไทยและต่างประเทศ
"ป่ะ...ไปกัน" รามส่องกระจกแล้วก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับเลขาคนสนิท
ภายในการประชุมครั้งนี้ไม่ได้มีแค่บริษัทของรามที่เดียวที่เข้าร่วมประมูลงาน เพื่อแข่งขันกันในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่มีบริษัทชั้นนำอีกมากมายกระทั่งบริษัทนายทุนต่างชาติยังเข้าร่วมประมูลด้วยเลย
มือของอ้อนรักเย็นเฉียบ เพราะนี่คืองานใหญ่มาก และอยากให้บริษัทของเขาได้งานนี้ด้วย
"ตื่นเต้นเหรอยายอ้อน" รามสูรหันมามองเลขาที่ใบหน้าซีดนั่งพนมมือสวดอะไรงึมงำก็ไม่รู้
"อ้อนไปบนมาแล้วนะคะ...พี่รามต้องได้แน่นอน"
รามอมยิ้มไม่ว่างานเล็กงานใหญ่ ยายนี่ก็มูให้เขาหมดทุกงานสิเนี่ย หรือว่าบริษัทของเขาเติมโตมาได้ขนาดนี้เพราะยายนี่มูกันนะ....!!!
"พี่รามไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะคะ ของอย่างนี้มองไม่เห็น"
"ยายตัวแสบไม่คิดว่าพี่จะเก่งบ้างเลยหรือไงฮะ"
“^__^"
"ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ" รอยยิ้มเปื้อนใบหน้าเมื่อเขาท้วงเรื่องที่เธอบนบานศาลกล่าว ไม่ใช่เขาไม่เก่งแต่แค่อยากได้กำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เท่านั้นเอง
"ไปได้แล้ว...อย่ามัวแต่ท่องบทสวด เรื่องงานก็อย่าให้พลาด" รามรู้สึกมั่นใจทุกครั้งที่ได้พรีเซนต์กับอ้อนรัก เขาก็ไม่รู้ทำไม แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วเขารู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ แต่เมื่อเจ้าของโครงการที่บินมาจากต่างประเทศเพื่อมาฟังด้วยตัวเอง กลับทำให้ทั้งอ้อนรักและรามสูรหายใจไม่ออก
'ปลายฝนและสามี'
รามกัดฟันกรอดเมื่อเห็นรอยยิ้มทักทายส่งมาให้เขา ความรู้สึกเจ็บแค้นสุมอยู่ในอกพร้อมจะระเบิดออกมา เขาจำวันนั้นได้ดี วันที่เธอเลิือกผู้ชายคนนั้น เธอเห็นว่าเขาคนนั้นรวย เธอบอกว่าอยู่กับเขาแล้วไม่เป็นตัวเอง แล้วจะตอบตกลงแต่งงานกับเขาทำไมกัน
อ้อนรักยื่นมือไปกุมมือของรามสูรเพื่อให้กำลังใจเขา
"พี่รามโอเคไหมคะ" เสียงเล็กถามอย่างเป็นห่วง นี่คงเป็นงานแรกที่เธอไม่อยากให้เขาได้ ยิ่งเห็นแววตาเจ็บปวดในดวงตาคู่นั้นของเขายิ่งทำให้เธอคับแค้นใจกับผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นทำได้อย่างไร ยิ้มเบิกบานใจกับคนที่ตัวเองเทงานแต่งงาน จิตใจเธอคนนั้นทำด้วยอะไรกันนะ
"ไม่เป็นไรอ้อน พี่โอเค" รามหันมาบอกกับเลขาตัวเองแล้วก็หันไปสนใจกับโครงการที่จะพรีเซนต์ไม่ได้สนใจเจ้าของโครงการอีกต่อไป และคิดว่าอย่างไรเธอและสามีคงไม่เลือกบริษัทของเขา ด้วยเหตุผลส่วนตัว
รามทำได้ดีแม้ว่างานนี้จะไม่ได้คาดหวัง เรียกเสียงปรบมือให้กับคณะกรรมการทั้งหมด และเขาเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ให้แล้วสั่งให้อ้อนรักเตรียมเก็บเอกสาร เพราะคงไม่ได้เข้าร่วมโครงการอยู่แล้ว
แต่เมื่อทีมเขากำลังจะเดินออกจากห้องประชุม ผู้เรียกให้เข้ามาเสนอผลงานกลับรั้งให้อยู่ต่อ
"เดี๋ยวก่อนครับคุณราม ผลงานของคุณน่าจะเข้าตากรรมการนะครับ"
"คิดว่าไม่ได้หรอกครับ เพราะผู้ลงทุนน่าจะไม่สะดวกใจร่วมงานมากกว่า" รามบอกเท่านั้นก็เดินออกไป ทำเอาผู้ที่จัดการประชุมครั้งนี้ไปไม่เป็น
"เอ่อ...แต่...เอ่อ..."
ขณะที่ผู้จัดงานกำลังอ้ำอึ้งอยู่นั้น คณะกรรมการก็เรียกประชุมเปิดซองแล้วตัดสินใจเลือกบริษัทของรามจงพิทักษ์จริง ๆ
อ้อนรักอยู่ในรถสปอร์ตคันหรูของรามที่มุ่งหน้ากลับบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
"สวัสดีค่ะ อ้อนรักเลขาคุณรามค่ะ" หญิงสาวรับโทรศัพท์กรอกเสียงหวานลงไป เพราะเป็นเรื่องของบริษัทที่เธอต้องรับงานแทนเขา
"สวัสดีครับ บริษัทคุณรามได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบทั้งภายในภายนอกนะครับ" เสียงที่เปล่งออกจากโทรศัพท์ได้ยินไปถึงคนที่กำลังขับรถอยู่ด้วยเช่นกัน เขากำพวงมาลัยแน่น แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
อ้อนรักมองหน้าเจ้านายพ่วงด้วยตำแหน่งพี่ชายข้างบ้านแล้วก็ถอนหายใจ และจะแจ้งวันเข้าไปเซ็นสัญญาอีกครั้ง
"พี่ราม..."
"พอแล้ว...หมดเวลาทำงานแล้ว" ปกติเขาเป็นคนรับผิดชอบ แต่งานนี้รู้สึกอยากเป็นเจ้าของบริษัทที่ไม่มีความรับผิดชอบยังไงไม่รู้
"ค่ะ"
ไม่มีเสียงพูดกันอีกหลังจากนั้นจวบจนถึงบ้าน อ้อนรักเดินลงรถแล้วก็ออกจากบ้านของรามไปเงียบ ๆ รอยยิ้มที่เคยฉาบบนใบหน้าของรามหายไปอีกแล้ว
เธอไม่ชอบให้เขาเป็นอย่างนี้เลย
ตลอดสองวันเสาร์อาทิตย์ เธอไม่เห็นพี่รามของเธอออกจากบ้านด้วยซ้ำ แล้วเธอก็ไม่กล้าเข้าไปหาเขาด้วยซ้ำ กลับมาคราวนี้ไม่รู้ว่าแฟนเก่าของเขาต้องการอะไร แต่เธอไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นพรากรอยยิ้มของพี่รามไปเด็ดขาด
วันจันทร์แสนวุ่นวายเวียนมาอีกครั้ง อ้อนรักไม่ได้รับโทรศัพท์ของเขา จึงออกมาขึ้นรถไปบริษัทเองพร้อมกับหอบอาหารใส่กระเป๋าสะพายด้านหลังไปออฟฟิศเช่นทุกครั้งที่ทำ
“เมืองไทยหรือนรก...ร้อนชะมัด” ชัยวัฒน์เดินมาพร้อมทิ้งแฟ้มงานเสียงดังบนโต๊ะ ประจวบกับที่อ้อนรักเข้ามาเหมือนกัน
“ยายอ้อนพี่ชายข้างบ้านเธอล่ะ”
“ไม่รู้” เสียงห้วนตอบกลับไป เธอเดินเข้าไปในครัวจัดการแช่อาหารกลางวันแล้วก็อาหารเย็น หากเป็นที่คอนโดเธอจะทำเองและเผื่อไปยังเขาที่อยู่ห้องข้าง ๆ ของเธอด้วย
“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอวะ”
“เปล่าสักหน่อยพี่เล็ก”
“แล้วทำไมไม่มาด้วยกัน”
“คงไม่สะดวกบางอย่าง” หญิงสาวไม่ยอมขยายความให้ยาวทำเอาเพื่อนอย่างชัยวัฒน์ต้องจับมาเค้นความจริง
“ไม่ได้งานเลยพาล?”
อ้อนรักส่ายหน้า
“แล้วมันอะไรวะ พูดมาดิ” คนที่อยากรู้อยู่ครามครันถามเสียงดังแต่คนที่ตอบกลับเป็นเจ้าตัวที่เดินมาใบหน้าถมึงทึง
“ปลายฝนกลับมาพร้อมกับโครงการที่ไปพรีเซนต์เมื่อวันศุกร์แล้วบริษัทเราได้รับเลือก”
แล้วชัยวัฒน์ก็ได้รับความกระจ่างพร้อมกับถ้อยคำที่สถบออกมาอย่างหยาบคาย
ฉิบหาย!
“เมิงไม่รับ?”
“รับ”
“....” ทั้งอ้อนรักและชัยวัฒน์มองหน้ากัน ราวกับว่านี่คือเรื่องสยองสองบรรทัด
“กลับมาทำไมวะ” ชัยวัฒน์หัวเสียคงได้แดกอาหารหมาเร็ว ๆ นี้เป็นแน่
อ้อนรักคิดว่าเขาจะปฏิเสธงานนี้ด้วยซ้ำ แต่ทว่าเมื่อเห็นเขารับงานนี้เธอเองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
“เจ็บไม่จำนะเมิง” ชัยวัฒน์ด่าเพื่อนพร้อมกับกอดคออ้อนรักออกไปทำงาน ปล่อยให้มันจมปลักอยู่กับอดีตคนรักไป
เมื่อทั้งสองเดินออกไปแล้ว รามสูรก็ถามตัวเองเช่นกัน
“เธอกลับมาทำไมปลายฝน...ฉันก็อยากจะรู้!”