ฉันยกจานข้าวราดด้วยพริกแกงหมูกรอบแบบพิเศษใส่ไข่ดาว และแน่นอนว่าหมูกรอบของแม่ฉันก็ตักให้ว่าที่ลูกเขยแบบไม่อั้นกลัวไม่อิ่ม และเลือกไข่ดาวฟองใหญ่ที่สุดให้สองฟอง จะได้ฟิตปึ๋งปั๋งซอยบั้นเอวแรงไม่ตก
ในหัวคิดมีแต่เรื่องนี้จริง ๆ ผู้หญิงใส ๆ แหละ
“นี่น้องพริกแกง...ตักให้ไอ้ปัณณ์ไม่กลัวขาดทุนแบบนี้ คุณแม่ไม่ว่าเหรอจ๊ะ” เรียกชื่อเต็มแบบนี้คุณพี่รินประชดชัวร์ป้าบไม่ต้องสืบเลยแหละ
“ไม่ค่ะ”
“ไม่ว่า?”
“ไม่รู้ต่างหาก-อิอิ”
ใช่ถ้าแม่รู้ก็โดนหักเงินน่ะสิ แต่อันที่จริงถ้าใครหล่อจะบริการเป็นพิเศษนิดหน่อยต่างหาก แต่ที่พิเศษสุด ๆ ก็มีแค่คนเดียวคือเฮียปัณณ์เท่านั้นเอง
“โธ่...พี่ก็นึกว่าคุณนายงามพริ้งขายข้าวแกงรวยจนให้ลูกสาวแถมให้เยอะ ๆ ก็ว่าจะมาอุดหนุนสามมื้อไปเลย”
“ขายข้าวแกงจะไปรวยได้ยังไงพี่ริน นี่พริกก็กำลังช่วยแม่หาวิธีลัดอยู่ค่ะ อยากเป็นคนรวยเหมือนกัน” ฉันส่งสายตาพราวระยับให้กับพี่ริน
พี่รินงงอะสิ วิธีลัดคือวิธีอะไรแต่ฉันเตรียมคำตอบเอาไว้อยู่แล้วล่ะ
“ทำไม...หนูจะรวยทางลัดแบบเปิดธุรกิจสีเทาเหรอ” พี่รินโน้มหน้าลงมาใกล้ พลางกระซิบให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ!
ใช่...กระซิบทำไมถ้าจะได้ยินกันทั้งโต๊ะ ฉันก็ไม่เข้าใจพี่แก
“หนูก็กำลังจะหาสามีรวยอยู่ค่ะ แม่จะได้ไม่ลำบาก นี่ก็รอพี่ปัณณ์ใจอ่อนอยู่นะ ไม่รู้จะให้หนูรอถึงเมื่อไหร่”
“....”! ทั้งสี่คนส่ายหน้าให้ฉัน แต่ฉันมองแต่พี่ปัณณ์คนเดียว ดูเหมือนเขาเย็นชาแม้จะไม่ได้กินชาเย็นก็ตาม
ใจแข็งเว่อร์
แต่ไม่เป็นไรอาจจะเขินก็เป็นได้ คนหล่อมักไม่ค่อยแสดงออก มันเป็นคาเรกเตอร์
“แล้วรู้เหรอว่าอีปัณณ์รวย”
“แน่นอนสิ...ก็พี่รินเล่าให้ฟังเองไง ละเอียดยิบยันชื่อแม่เลยล่ะ ลืมล่ะสิเนี่ยจำอะไรตอนเมาไม่ได้เลย” ฉันแกล้งเฉไฉไป เพราะมีอยู่วันหนึ่งพี่ ๆ ผู้ชายไม่ว่างพี่รินชวนฉันขึ้นไปกินเหล้า สุดท้ายพี่รินเมามากแล้วก็ถามอะไรบอกหมดเลย
ฉันก็เลยรู้ว่าพี่ปัณณ์น่ะเป็นคนที่รักเพื่อนมาก ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่รินมีแฟนฉันยังคิดว่าพวกเขาเป็นกิ๊กกันแน่นอน เพราะสนิทยิ่งกว่าแฟนอีก หากคนนอกมองเข้าไปเคมีเคใจโคตรดี
“ไอ้เหี้ยริน!”
เสียงพี่ปัณณ์สบถทั้งทำปากขมุบขมิบเหมือนแช่ง แต่ฉันรู้ว่าเขาโกรธไม่จริงหรอก หากโกรธจริงคงไม่คบกันมาขนาดนี้ ได้ข่าวว่าวีรกรรมระหว่างเพื่อนน้อยที่ไหนกัน
“ก็มึงโสด...ก็ต้องช่วยเชียร์หน่อย” พี่รินแก้ตัว
“ขอบใจวันหลังไม่ต้อง”
แต่ฉันยิ้มให้กับพี่ปัณณ์นะ เวลาเขาโกรธยังน่ารักเลย เฮ้อ...ตกหลุมรักซ้ำ ๆ มันเป็นอย่างนี้นี่เองเพิ่งรู้
ใจเราไม่เป็นของเราก็งี้แหละ พริกแกงเอ้ย
“พี่จะบอกอะไรให้ ไอ้ปัณณ์มันไม่ชอบกินเด็ก...ชอบแก่ ๆ เหี่ยว ๆ เหนียว ๆ เคี้ยวนาน ๆ แถมติดฟันอีก”
พี่รินพูดซะเห็นภาพบอกตรง ๆ ที่บรรยายมานั่นฉันจินตนาการได้อุบาทว์มาก เหมือนผู้ชายเด็กคบกับคนรุ่นแม่ และฉันก็ลอบมองพี่ปัณณ์ว่ามีปฏิกิริยาอะไรไหม แต่ดูเหมือนเขาจะชอบใจที่พี่รินพูดอย่างนั้น นอกจากไม่ขัดก็ไม่ด่าสวนกลับด้วย หรือว่าเขากำลังทำให้มันชัดเจนขึ้นว่าฉันไม่ใช่สเปกเขานะ
ว้าอกหักซ้ำซาก
แต่เลือดนักสู้ในตัวอีพริกมันแรง ไม่มีวันยอมแพ้
“แต่พริกก็อยากให้เฮียลองเคี้ยวหนูดูบ้างนะคะ นอกจากเคี้ยวมันแล้วบางทีอาจจะติดใจแทนติดฟันก็ได้”
แน่นอนสิหญ้าอ่อน ๆ ใคร ๆ ก็ชอบทั้งนั้น นี่ถ้าไม่ติดว่าฉันมีพี่ปัณณ์อยู่ในใจล่ะก็ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาขายขนมจีบกันเต็มหน้าร้านข้าวแกงแม่งามพริ้งไปหมดแล้ว
ไม่ได้อยากจะโม้
“พี่ก็เชียร์หนูเต็มที่นะ...แต่บางทีหากทางข้างหน้ามันมืดมนอย่าเดินไปเลย ปล่อยให้มันเดินไปคนเดียวเหอะ เพื่อนพี่น่ะมันไม่น่าคบหรอก”
“แต่พวกพี่ก็ยังไม่เห็นเลิกคบกันเลยนี่” ฉันเอียงคอถามอย่างสงสัย อันนี้ซีเรียส ไม่น่าคบแล้วยังทนคบกันทำไมนะ
“ไร้ทางเลือก” พี่รินป้องปากกระซิบ อันนี้กระซิบจริง ๆ แต่ไม่พ้นหูเจ้าตัวที่ถูกนินทาจนเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง
ฟิ้ว! แปะ!
แตงกวาในจานข้าวของพี่ปัณณ์ลอยมาทางพี่ริน แต่พี่รินว่องไวหลบทัน และใช่โดนฉันเต็ม ๆ ดีนะไม่เลอะพริกแกงไม่งั้นแสบแย่
“ไอ้ปัณณ์มึงนี่เห็นไหมว่าโดนน้อง เล่นห่าอะไรของกิน” นั่นคือเสียงพี่ปุณณ์ที่กินเงียบ ๆ อยู่นานเอ่ยขึ้นปรามน้องชายตนเอง แต่ทว่าเฮียแกก็ทำหน้าไร้ความสำนึกผิด ใด ๆ
อืม...เลือดเย็นมาก
ช่างเถอะ...แค่หล่อก็ให้อภัยหมดนั่นแหละ ช่วยไม่ได้ดันมาโดนใจอีพริกแกงนี่นา เรื่องลำเฮียงไม่ต้องพูดถึง
“เปลี่ยนใจก็ทันนะน้องพริก คนดี ๆ เยอะแยะไป” พี่ปั้นเอ่ยขึ้นบ้าง แต่ฉันยิ้มบาง ๆ ตอบไป พลางคิดว่าถ้าเปลี่ยนจากเฮียปัณณ์แล้วจะเป็นใครได้อีก
จนกระทั่งสายตาไปหยุดที่พี่ปุณณ์ แล้วรีบหันหน้ามาทางพี่ปั้นเพื่ออยากถามว่าคนนี้เหรอ แต่พี่ปั้นยังไม่ได้ตอบ คนที่เขวี้ยงแตงกวามาใส่ฉันก็ตะโกนขึ้นก่อน