ตอนที่ 4 คำสั่ง

967 คำ
เมื่อทั้งสองทานข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็พากันออกจากบ้านทันที ทิ้งให้หญิงสาวนั้นเก็บของและทำความสะอาดตามลำพัง เพราะแม่บ้านคนอื่นก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ที่อื่นกันแล้ว เมื่อเธอทำความสะอาดและเก็บจานบนโต๊ะอาหารเสร็จ เธอก็รีบดินเข้าห้องนอนของตัวเองทันที เพราะช่วงนี้เธอมีสอบปลายภาคและทำวิจัยเตรียมจบนั่นเอง ช่วงนี้หญิงสาวจึงดูซูบผอมลงไปมาก เพราะเธอต้องเข้าครัวเตรียมอาหาร อ่านหนังสือจนดึก และทำวิจัยเพื่อเตรียมตัวจบการศึกษา ชีวิตของหญิงสาววนลูปอยู่อย่างนี้เป็นนานกว่าหลายวัน และวันนี้เธอก็ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เช่นเคยและเตรียมทำอาหารและจัดชุดเตรียมของใส่บาตรให้กับคุณหญิงมาลัย วันนี้เธอเตรียมตัวจะออกไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าตรู่อีกวัน เพราะตั้งแต่ที่ชายหนุ่มมาต่อว่าเธอถึงในห้องนอน เธอก็พยายามหลบหน้าเขามาตลอด แต่ทว่า... “ยาหยีลูก จะรีบไปมหาวิทยาลัยทำไมตั้งแต่เช้าตรู่ละ มาทานข้าวกับฉันก่อนสิ” คุณหญิงมาลัยเรียกหญิงสาวที่กำลังเตรียมตัวจะเดินออกจากบ้าน “ไม่เป็นไรค่ะ คุณหญิง พอดีช่วงนี้ยาหยีรีบไปทำงานวิจัยเพื่อเตรียมจบ เลยคิดว่าไปตั้งแต่เช้าจะน่าดีกว่าค่ะ” “แล้วนี่ทานข้าวเช้าแล้วยัง??” “ยังค่ะ แต่หนูห่อข้าวไปทานเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณหญิง” “เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันมานานแล้วนะ วันนี้ทานกับฉันหน่อยสิ” “เอ่อ...คือว่า....” “คุณแม่จะให้ยัยเด็กเหลือขอนี่มานั่งทานข้าวกับเราทำไมครับ ห่อไปกินมันก็ถูกแล้ว รู้จักเจียมตัวเสียบ้าง” เมื่อเธอกำลังจะปฏิเสธคุณหญิงมาลัยอีกครั้ง จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มที่เย็นยะเยือกเดินลงบันไดมาจากชั้นบน “นี่ตาคีย์ ทำไมพูดจากับน้องแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะ อีกไม่นานน้องก็จะเป็นเมียแก่แล้ว หัดพูดกับน้องให้มันดีดีหน่อย” คุณหญิงมาลัยตำหนิลูกชายตัวเอง เมื่อหญิงสาวเห็นว่าทั้งสองแม่ลูกจะทะเลาะกันอีก เธอจึงตัดปัญหาและเลือกที่จะเดินหนีออกไปอีกครั้ง “เอ่อ คือไม่เป็นไรค่ะ คุณหญิง เดี๋ยวหยีไปทานที่มหาลัยก็ได้ค่ะ คุณหญิงทานข้าวกับคุณคิรินเถอะนะคะ” “ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ยาหยีนั่งลงและทานข้าวเดี๋ยวนี้ ตาคีย์ก็ด้วยนั่งลง” เมื่อคำประกาศิตของบ้านสั่งทำให้ทั้งสองนั่นเลี่ยงได้ จึงต้องทำตามคำสั่งของคุณหญิงมาลัย “คุณแม่ครับ คุณแม่ตามใจยัยนี่มากเกินไปแล้วนะครับ” “เรียกน้องว่ายาหยี และหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ขับรถไปส่งน้องที่มหาลัยด้วย” “คุณแม่ครับ แต่ผม..” “ไม่มีแต่ทั้งนั้น ทานข้าวเสร็จและไปส่งน้องที่มหาลัยด้วย นี่คือคำสั่ง” ชายหนุ่มยินดังนั้นก็หงุดหงิดใจยิ่งนัก ทำไมแม่เอาแต่เข้าข้างยัยเด็กเหลือขอนี่ มีดีอะไรกัน เขานั่งทานข้าวอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนหญิงสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำได้แต่ก้มหน้าก้มตา นั่งทานข้าวเงียบๆ ไม่กล้าพูดอะไร เพราะกลัวว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันไปมากกว่านี้เพราะเธอ เมื่อทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็กำลังจะเก็บทำความสะอาด แต่ทว่า... “ไม่ต้องทำหรอกยาหยี นี่ก็สายมากแล้ว เดี๋ยวรถจะติดเอา ไปขึ้นรถกับพี่เขาเถอะ แม่บ้านเราก็มีตั้งเยอะแยะ เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง” “เออ ขอบคุณนะคะ คุณหญิง ถ้าอย่างนั้นหยีขอตัวก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมาค่ะ” “จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะ ตาคีย์ไปส่งน้องให้ถึงมหาลัยด้วยนะ ถ้าฉันรู้ว่าเธอทิ้งน้องไว้หน้าปากซอย ฉันจะเซ็นโอนมรดกทั้งหมดให้ยาหยีเพียงคนเดียว” คุณหญิงมาลัยหลังจากพูดกับหญิงสาวเสร็จก็หันไปจัดการสั่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง “ครับ คุณแม่ ผมไปแล้วนะ สายมากแล้ว ต้องเสียเวลาไปส่งยัยนี่อีก” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ คาแรกเธอจะขอติดรถเขาไปลงแค่หน้าปากซอยหมู่บ้านเท่านั้น แต่เมื่อคุณหญิงสั่งมาเธอและเขาจะต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะคำสั่งของคุณหญิงนั้น ถ้าพูดขึ้นมา คำไหนก็ต้องคำนั้น เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวมาโดยตลอด ถึงลูกชายจะทะเลาะกับแม่บ่อยมากเพียงไร ก็จำเป็นต้องยอมจำนนกับคำประกาศิตของบ้านแด่เพียงผู้เดียว “ยืนบื้ออยู่ทำไม ไปขึ้นรถสิ ฉันมีประชุม” ชายหนุ่มหันไปสั่งหญิงสาวอย่างไม่พอใจ “เอ่อ ค่ะ คุณคีย์ หยีจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็ก้าวขึ้นรถชายหนุ่มที่มาจอดอยู่ด้านหน้าแล้ว เป็นรถสปอร์ตลัมโบกินี่สีเทา มีเพียงสองที่นั่งเท่านั้น ซึ่งรถคันนี้ของชายหนุ่มไม่มีผู้หญิงคนไหนได้นั่งเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงยัยเด็กเหลือขอนี่ได้นั่งรถเขาเป็นคนแรก นึกแล้วหงุดหงิดใจชะมัด เมื่อเขาเห็นหญิงสาวเข้าไปนั่งแล้ว ก็เดินไปยังฝั่งคนขับและเร่งความเร็วออกไปทันที บรื้นนนนนน!!! “กรี๊ดดดด!!!” ยาหยีที่นั่งอยู่ภายในรถไม่ทันได้ระวังตัว เมื่อชายหนุ่มเหยียบคันเร่งด้วยความเร็ว ทำให้เธอนั้นตกใจเป็นอย่างมากจนกรีดร้องออกมา “หึ นี่แค่เริ่มต้น เธอยังต้องเจออะไรที่หนักกว่านี้แน่ จำไว้ว่าทุกครั้งที่เธออยู่ใกล้ฉัน เธอจะต้องตกนรกทั้งเป็น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม