ตอนที่ 17 คุณพ่อมือใหม่

1894 คำ
@หลายเดือนต่อมา เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ขนมหวานคลอดลูกเรียบร้อยแล้ว และก็เป็นเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดู แน่นอนว่าคนที่เห่อสุดๆ ก็คือคนเป็นพ่อ ถึงจะไม่มีความชำนาญไม่มีความรู้ขนาดนั้นในการเลี้ยงลูกก็เถอะ แต่ก็ถือว่าเขาทำได้ดีเลยทีเดียวในฐานะพ่อมือใหม่ "อึกแง้ ~ แง้! แง้!" "แง้! แอ้ฮือ~ แง้~!!" เสียงของทารกน้อยร้องดังลั่นขึ้นมา ทำเอาธีร์ที่เพิ่งจะงีบหลับพักสายตาสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะรีบลุกพรวดไปดูลูกน้อยที่นอนอยู่ในเปล เช่นเดียวกันกับขนมหวานที่ได้ยินเสียงร้องของลูกก็รีบมาดู "ลูกร้องอีกแล้วพี่ขนม" "นายพักเถอะ เดี๋ยวฉันอุ้มลูกเอง" "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูแลลูกเอง" พูดจบธีร์ก็ก้มตัวอุ้มลูกน้อยที่นอนร้องไห้จนตัวเกร็งอยู่บนเปลขึ้นมาไว้บนอกของตัวเอง จากนั้นก็ตบตูดเบาๆ ร้องเพลงกล่อมด้วยเสียงสั่นเครือ ใช่! เขาร้องไห้ทุกครั้งที่ลูกร้อง ซึ่งขนมหวานก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงอ่อนไหวขนาดนี้ ก่อนคลอดก็บอกกันว่าจะช่วยกันเลี้ยง แต่พอคลอดออกมากลายเป็นเขาที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวซะงั้น "ไหวหรือเปล่าเนี่ย นายดูเพลียมากเลยนะ" "ไหวครับ พี่นั่นแหละพักเถอะ" "บอกให้จ้างพี่เลี้ยงไง" "ผมอยากดูแลลูกเอง ผมไม่ไว้ใจใคร" ธีร์พูดขึ้นมาเบาๆ มองดูลูกน้อยที่ค่อยๆ เคลิ้มหลับอยู่บนอกของเขา เพราะมีความทรงจำไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ในวัยเด็ก เขาก็เลยไม่อยากให้มีพี่เลี้ยงมาเลี้ยงลูกของตัวเอง "ช่วงหกเดือนแรกก็แบบนี้แหละ เหนื่อยหน่อยนะ เด็กเขายังปรับตัวไม่ได้" "ไม่เป็นไรครับ ผมยอมเหนื่อย ถ้าทั้งหมดที่ผมทำเพื่อลูกตัวเอง" "......" ขนมหวานมองคนตรงหน้าด้วยความอัดอั้น รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ขึ้นมา ด้วยความแสนดีและอบอุ่นของเขามันทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ากำลังมีความรู้สึกดีๆ กับเขาแล้วจริงๆ "ผมไม่เหนื่อยหรอกครับ ผมมีความสุขมากกว่า" "เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่เป็นห่วงสุขภาพของนาย" "พี่บอกว่ามันก็แค่ช่วงนี้ เดี๋ยวโตขึ้นก็ดีขึ้นเองครับ" "อืม แล้วแต่นายก็แล้วกัน" ถึงเขาจะเป็นคุณพ่อมือใหม่แต่เธอก็ยอมรับว่าเขาเป็นพ่อมือใหม่ที่รับมือกับลูกน้อยแบบนี้ได้ดีเลยทีเดียว ว่ากันว่าเด็กทารกในช่วงนี้จะเลี้ยงค่อนข้างยาก เพราะแกยังพูดไม่ได้ ยังบอกไม่ได้ว่าต้องการอะไรหรือเป็นอะไร คนเป็นพ่อแม่ก็ต้องเดากันเอง ซึ่งบางครั้งก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมลูกถึงร้องไห้ ตั้งแต่คลอดลูกจนถึงตอนนี้ก็สามเดือนได้แล้ว แต่ขนมหวานยังไม่เคยเห็นแม่ของธีร์มาที่นี่เลย แต่ตั้งแต่วันนั้นแม่ของเขาก็หายไปเลยเช่นกัน #เวลาต่อมา ช่วงกลางดึกในทุกๆ คืน ขนมหวานจะต้องตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้สำหรับตื่นขึ้นมาปั๊มนมเก็บเอาไว้ให้ลูกได้กิน ส่วนธีร์ก็มีหน้าที่ตื่นมาดูลูกเช่นกัน ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง แต่คนที่เหนื่อยที่สุดเห็นทีว่าจะเป็นเขานั่นแหละ เพราะแต่ละคืนนอนแทบไม่ได้เลย กลางวันก็ไม่ได้พักผ่อนด้วย เขาดูไม่เหมือนเด็กวัยรุ่นที่ยังเรียนไม่จบมหาลัยเลย เขาดูโตมากกว่านั้น ดูเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ดูเป็นคนที่มีความขยันอดทน เพราะถ้าเป็นผู้ชายบางคนคงไม่มาทนอยู่อะไรแบบนี้ และก็คงไม่ยอมรับตั้งแต่แรกแล้ว "ธีร์.." "ครับ" "หึหึ" "หัวเราะอะไรครับ หน้าผมมีอะไรติดเหรอ?" "มีสิ ขอบตาแพนด้าไง" เธอมองหน้าของเขาแล้วอดยิ้มไม่ได้จริงๆ จากผู้ชายที่หน้าตาขาวสะอาดสดใส ผิวพรรณดี ไร้ตำหนิ ผ่านไปแค่ 3 เดือนเขาเหมือนคนที่เจอศึกหนักมาระยะยาวเลย ใจหนึ่งก็สงสารนั่นแหละ อีกใจนึงก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ "ทำหัวเราะไปเถอะครับ รอให้ลูกโตอีกหน่อยเถอะ ผมจะมีหัวปีท้ายปีเลย" "ทำเป็นพูดเล่น ดูสภาพนายก่อน คนเดียวยังโทรมขนาดนี้ มีหลายคนไม่ตายเลยเหรอ" ขนมหวานแกล้งแซว แต่ถ้าสมมุติว่าเขาทำแบบนั้นจริงๆ ขึ้นมา มันก็คงจะเป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ แค่คนเดียวยังหนักหน่วงขนาดนี้ ถ้าคิดจะมีหัวปีท้ายปีก็คงไม่ต้องได้พักร่างกายกันเลย "เอาเถอะครับ ผมเลี้ยงได้อยู่แล้ว" "ทั้งเรียน ทั้งทำงาน ไหนจะเลี้ยงลูกอีก บอกตามตรงนะ นายทำเกินไป ถึงจะรักลูกแต่ก็ต้องห่วงสุขภาพตัวเองด้วย เข้าใจหรือเปล่า" "เข้าใจคร้าบ ห่วงผมขนาดนี้ รักผมแล้วใช่ไหมล่ะครับ" "......" ได้ยินอย่างนั้นขนมหวานก็รีบหันหน้าหนี แต่ก็ไม่ทัน เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มของเธอก่อน รอยยิ้มแบบเขินๆ ที่ตั้งใจหันหน้าหนีเพราะอาย แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ามีความรู้สึกแบบนั้นแล้วในตอนนี้ แค่เธอยังไม่ได้พูดมันออกมาเท่านั้นเอง "เมื่อไหร่พี่ จะบอกรักผมสักทีล่ะครับ" "บ้า! ฉันไม่ได้รักนาย ทำไมฉันต้องบอกรักด้วยล่ะ" "เวลาพี่โกหก สายตาของพี่จะไม่อยู่กับที่เลยนะครับ ไม่กล้าสบตาด้วย คิดว่าผมดูไม่ออกหรือไงครับ" "แสนรู้นักนะ!" "ยอมเป็นหมาให้กับพี่แค่คนเดียวนะครับ" "เหอะ! ทำเป็นพูดไปเถอะ เด็กบ้า!" ถึงจะอยู่กันสองคนรวมกับลูกที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่มันก็มีความสุขดี มันเหมือนครอบครัวเล็กๆ ที่ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร ไม่ต้องไปวุ่นวายกับใคร แค่ใช้ชีวิตของตัวเองอยู่ในโลกของตัวเอง มีความสุขจนบางครั้งธีร์ก็ลืมไปเลยเหมือนกันว่าเขายังมีแม่ของเขาอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกแม่ตัดออกไปจากชีวิตแล้วเลย "อิจฉาลูกจังเลยนะครับ ได้กินนมพี่ด้วย" "นายก็เคยกินไม่ใช่หรือไง" เผลอพูดหลุดปากออกไป จะกลับคำก็ไม่ทันแล้ว ย้อนเวลาก็ไม่ได้เสียด้วยสิ "คิกคิก พี่พูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอครับเนี่ย" ธีร์แกล้งแซว "ฉันพูดเล่น มันไม่เป็นความจริงสักหน่อย" "โกหกตกนรกนะครับ ผมเคยกินอยู่เห็นๆ พี่มาพูดได้ยังไงว่าผมไม่เคยกิน" "ไอ้บ้า! พูดอะไรลามกจริงนี่" "ฮ่ะฮ่ะ ก็พูดความจริงไงครับ" "เงียบไปเลย เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก" "หลับอยู่บนอกแบบนี้ไม่ตื่นง่ายๆ หรอกครับ ลองวางเมื่อไหร่สิ ไม่เกินห้านาที ตื่นพร้อมกับแหกปากร้องลั่นเลยแหละ" ธีร์ก้มหน้ามองลูกชายแล้วพูด เพราะเขารู้จักนิสัยของลูกดี เวลาที่หลับอยู่บนอกไม่ส่งเสียงร้องอะไรหรอก แต่เมื่อไหร่ที่เอาไปวางบนเปลหรือที่นอน จะตื่นขึ้นมาภายในห้านาที พร้อมกับเสียงร้องที่ดังกังวานแสบแก้วหู #สามเดือนต่อมา นี่เป็นช่วงระยะเวลาเดือนแรกที่ธีร์รู้สึกว่าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ กลางคืนได้นอนโดยที่ลูกน้อยไม่ตื่นขึ้นมาร้องเสียงดัง ตอนกลางวันก็เล่นแบบอารมณ์ดี ไม่ใช่เด็กขี้งอแงเหมือนตอนเด็กๆ พลอยทำให้พ่อกับแม่ได้พักชาร์จร่างกายไปด้วยในตัว "ลูกเริ่มโตแล้ว นายก็ทำงานของนายได้เลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก" ขนมหวานพูดขึ้นมาลอยๆ ขณะที่กำลังนั่งพับผ้าให้กับลูก "ไม่เป็นไรครับ ผมมีคนคอยดูแลให้อยู่" "แล้วเรื่องเรียนของนายล่ะ เดี๋ยวก็เรียนไม่จบกันพอดี" "จบสิครับ ธีร์ซะอย่าง" "คนอย่างนายเนี่ย ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่างเลยนะ!" ขนมหวานบ่นอุบ "แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่เงินแก้ปัญหาไม่ได้นะครับ" "อะไร?" "พี่ไง เงินซื้อได้ที่ไหน" "ซื้อได้ก็ให้มันรู้ไปสิ ฉันไม่ใช่พวกเห็นแก่เงินสักหน่อย" แต่ในใจจริงก็ชอบแหละ ชอบที่ตัวเองมีเงินเยอะๆ ชอบที่ตัวเองทำงานและมีเงินเก็บ ไม่ปฏิเสธหรอก เพราะความจริงใครๆ ก็ชอบทั้งนั้นแหละ ชีวิตนี้มันขับเคลื่อนด้วยเงินตราแล้ว ยุคสมัยนี้ความรักก็สำคัญแต่เงินมันสำคัญกว่า "พี่ขนม...." "หืม?" "ผมอยากให้เรามีชื่อเรียกกัน เรียกกันแบบนี้มาเป็นปีผมไม่ชินเลย มันดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้" "แล้วนายจะเรียกยังไง?" "แทนตัวเองว่า ป๊ากับม๊าดีไหม" "ฉันไม่ได้มีเชื้อสายจีนนะ ทำไมต้องเรียกแบบนั้นด้วย" "ผมมีเสี้ยวนะครับ เรียกได้ไม่เป็นอะไรหรอก" "ผมแทนตัวเองว่าป๊า เรียกพี่ว่าม๊า ส่วนพี่ก็ทำเหมือนผมไง แทนตัวเองว่าม๊า เรียกผมว่าป๊า แบบนี้ก็น่ารักดี" "ฮ่ะฮ่ะ ฉันว่าฉันไม่ชินนะ" ขนมหวานหัวเราะพร้อมกับทำหน้าแหยๆ ประกอบคำพูดของตัวเองว่าไม่ค่อยชินถ้าจะต้องเปลี่ยนสรรพนามอะไรแบบนั้น "เดี๋ยวก็ชินครับ เรียกกันบ่อยๆ เดี๋ยวลูกโตขึ้นก็คงถามว่าทำไมเราถึงคุยกันแบบนี้" "ตามใจ แต่ฉันคงยังปรับตัวไม่ได้เร็วๆ นี้หรอกนะ ก็คงจะมีหลุดพูดแบบที่เคยพูดกันไปบ้างแหละ" "ครับ ไม่เป็นไรครับ" ก่อนอื่นแนะนำตัวลูกชายตัวน้อยของธีร์และขนมหวานก่อนเลย เป็นเพศชายตอนนี้ก็อายุ 6 เดือนแล้ว ชื่อว่า ธีโน่ ชื่อนี้พ่อของเขาเป็นคนตั้งให้เอง และก็เน้นให้เหมือนทั้งพ่อและแม่เลยด้วย ส่วนเรื่องหน้าตาก็ค่อนข้างจะเอนเอียงไปทางพ่อ และก็คล้ายคลึงกันจนขนมหวานคิดว่าต่อให้จะตรวจดีเอ็นเอไปก็เท่านั้นแหละ เพราะทุกอย่างมันก็ชัดอยู่บนใบหน้าแล้ว และที่สำคัญลายก็เริ่มออกตั้งแต่ยังเด็กเลย มีแววเหมือนกับพ่อแบบไม่ต้องคาดเดาเลยแหละ "สนใจมีอีกคนไหมครับ" "ไม่สนใจ และก็ไม่ต้องถาม แค่คนเดียวก็เหนื่อยจะตายแล้ว" ขนมหวานตอบ "ฮ่ะฮ่ะ ป๊าว่ามีแบบอายุใกล้ๆ กันก็ดีนะ จะได้เป็นเพื่อนเล่นกัน ไม่โตกว่ากันมาก" "พอๆ แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่ ขอพักสัก 3-4 ปีละกัน" "โห..." "เหนื่อยไม่ไหว" "ถ้าอย่างนั้น ระหว่างนี้เรามาแต่งงานกันไหม" "???" "ป๊าจำได้นะ เราเคยสัญญากันแล้ว ลืมหรือเปล่าครับคุณม๊า" ทำหน้ากวน "แต่งงาน!" "ครับ เราสัญญากันไว้แล้วไงว่า เมื่อไหร่ที่ลูกคลอดออกมา เราจะแต่งงานกันทันที" "ขอเวลาอีกหน่อยนะ ดูสภาพฉันสิ หุ่นยังไม่กลับมาเหมือนเดิมเลย ใส่ชุดแต่งงานก็ไม่สวยหรอก" "ฮ่ะฮ่ะ โอเคครับ ป๊าจะรอ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม