ผมตามมิ้นต์ไปห่าง ๆ ท่าทางของเธอดูเฟรนด์ลี่กับทุกคน นั่นยิ่งทำให้ผมไม่พอใจ กับไอ้รุ่นน้องหน้าตี๋นั่นอีก มันดีกว่าผมตรงไหน ผมทั้งหล่อรวยขับรถสปอร์ต เป็นที่หมายปองของสาว ๆ ทั้งมหาวิทยาลัย แต่กลับถูกสายตาของอดีตเมียเมิน
“เจ็บใจชะมัด”
ผมกลับมาไม่คิดว่ามิ้นต์จะยังเรียนอยู่ คิดว่าเรียนจบและแยกย้ายไปนานแล้ว ตอนนั้นผมก็คิดแค่ว่าเป็นรักในวัยเรียนที่ไม่ได้จริงจังอะไร และช่วยไม่ได้ที่เธอจะตกหลุมผมเอง
ตอนแรกก็จริงจัง แต่เมื่อธุรกิจครอบครัวมากดดันผมก็เลยต้องห่างโดยการไปเรียนต่างประเทศเสีย อุตส่าห์ยกคอนโดให้อยู่ฟรี ๆ จะได้ไม่ต้องลำบากแต่กลับไปอยู่บ้านไอ้ยักษ์ ไม่ให้ผมหึงยังไงไหว
นอกจากผมจะหึงเพื่อนแล้วก็ยังต้องทนมองสายตาพวกนั้นที่ดูขาขาว ๆ ของเธอที่ใส่กระโปรงทรงเอสั้นไปถึงไหนต่อไหน ราวกับกลัวว่าจะไม่มีผัวเสียอย่างนั้น
ผมฮึดฮัดอยู่สักพักก็มีอาจารย์ที่ทำเรื่องให้ผมย้ายไปเรียนเมืองนอกเข้ามา บ่ายนี้เป็นวิชาสัมมนาเกี่ยวกับการจัดประชุมต่าง ๆ เป็นวิชาบังคับที่ปีสี่ต้องเรียน และเรียนรวมกันหลายคณะในห้องพวงครามที่มีที่นั่งต่างระดับทำให้เห็นผู้ที่เป็นวิทยากรในห้องประชุมชัดทุกตำแหน่ง
วันนี้เป็นคิวอาจารย์ชานนท์ หรืออาจารย์นน ที่เชิญวิทยากรมาให้ความรู้นักศึกษา แล้วประจวบเหมาะกับเจอผมที่หน้าห้องพวงคราม
“อ้าวรามสบายดีหรือ อาจารย์กำลังคิดถึงพอดี ไม่เจอกันนานเรียนจบแล้วใช่ไหม” อาจารย์ชานนท์ทักทายผม แล้วผมก็ได้ทีขอติดสอยห้อยก้นอาจารย์เข้าไปในห้องด้วย
“เรียนจบแล้วครับอาจารย์ ว่าแต่วันนี้ขอเข้าไปนั่งฟังด้วยได้ไหมครับ คิดถึงวันเก่า ๆ” และก็คนเก่า ๆ ด้วยแต่ไม่ได้พูดออกไปเพราะกลัวว่าจะโดนอาจารย์ทุบเข้าให้
“รู้หรือยังแฟนเราเขาท้องแล้วก็ดร็อปเรียนหลังจากเราไปเมืองนอกนะ”
คำพูดอาจารย์ชานนท์ทำให้ผมเหมือนโดนตีแสกหน้า ‘มิ้นต์ท้องเหรอ’ หลังจากที่ผมไปเรียนต่อ
นี่หรือว่า...
“เพิ่งรู้ครับ” รามตอบเสียงสั่นนิด ๆ แต่ยังบังคับให้มันเป็นคำพูดได้
“อาจารย์ถามแล้วว่าใครเป็นพ่อ เราหรือเปล่าแต่มิ้นต์ก็เงียบ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะถ้าใช่คงบอกเราไปแล้วใช่ไหม”
ผมเหมือนโดนด่าอีกรอบเมื่ออาจารย์บอกอย่างนั้น จะเป็นไปได้ยังไง มิ้นต์จะบอกผมได้ยังไงในเมื่อผมบล็อกเธอทุกช่องทาง
“เอ่อ...หลานน่ารักมากเลยนะ ได้แม่มาเต็ม ๆ”
เหมือนอาจารย์ด่าผมเลย ถ้าได้พ่ออย่างผมจะแย่งั้นเหรอ แล้วทำไมล่ะ ทำไมมิ้นต์ถึง...
ใช่เหรอ...เธอท้องตอนไหน ผมกับเธอเรื่องท้องเป็นไปได้ยากมากเลยนะ เพราะบางครั้งผมก็ใส่ถุงแล้วมิ้นต์ก็กินยาคุม เวลาเธอลืมผมมักใส่ถุงนะ
ผมเหมือนคนเป็นโรคเอ๋อนั่งที่โซฟากับคณะอาจารย์ แล้วก็มองไปยังคนต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ มิ้นต์เหลือบมองผมแค่นิดเดียวแล้วก็ยกขาขึ้นไขว่ห้าง...
นั่นเธออ่อยผม ไม่รู้หรือยังไงว่าตอนยกขากางเกงในมันออก แล้วเธอใส่สีขาวเห็นชัดอีกด้วย หัวใจผมเต้นอยู่นอกอกไปแล้วตอนนี้
มิ้นต์ talk..
สองชั่วโมงครึ่งกับวิชาสัมมนาที่แสนน่าเบื่อเป็นการบรรยายของวิทยากรจากนอกมหาวิทยาลัย บางครั้งก็น่าสนใจบางครั้งก็ไม่น่าสนใจเช่นวันนี้ แต่มีอีกสิ่งที่สนใจฉันจนออกนอกหน้า ทั้งมองมาที่ฉันไม่วางตา
ไอ้ตัวเหี้ยของดารินยังไงละ
เหอะคิดว่าเป็นรุ่นพี่สนิทกับอาจารย์ จะมาหลีหญิงเอ๊าะ ๆ รุ่นน้องปีหนึ่งสิท่า
‘เข้าผิดคลาสแล้วย่ะ นี่มันปีสี่’ นั่งจดใจความสำคัญได้ไม่เท่าไหร่เสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันเดินออกมารับสายข้างนอกไม่ให้เสียมารยาทเพราะฉันนั่งอยู่แถวบนสุดจึงออกไปด้านนอกได้ง่ายกว่าด้านล่างที่ติดกับอาจารย์
ฉันกระซิบบอกกับรุ่นน้องว่าก่อนออกให้ลงชื่อให้ฉันด้วย พอดีมีธุระเรื่องลูก อาจารย์คงไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจดีว่าฉันมีธุรกิจและเรื่องลูกที่ต้องดูแล
เสียงรองเท้าส้นสูงดังก๊อก ๆ หน้าห้องพวงคราวเพราะในเวลานี้ไร้นักศึกษาที่ด้านนอก ทุกคนกำลังเรียน พวกที่ไม่เรียนก็กลับหอพักกันหมดแล้ว
“อื้ม...ยักษ์ว่าไง”