บทนำ

1143 คำ
บทนำ ปริ้นนนน.... ตุบ! “อ๊ายยย ขับรถอะไรของแกเนี่ย” เสียงกรีดร้องของเด็กสาวในชุดนักศึกษาดังลั่นจนทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองคนที่ล้มลงกับพื้น ใบหน้าหวานรูปไข่แสดงอาการตกใจออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อเธอกำลังจะข้ามถนนแต่ดันถูกรถสปอร์ตคันหรูบีบแตรเสียงดังลั่นจนเธอตกใจทั้งที่มีสัญญาณไฟสีเขียวให้ผู้คนสามารถข้ามถนนได้แล้ว เอี๊ยดดด ในจังหวะเดียวกันกับที่หญิงสาวตะโกนด่า เสียงของล้อยางเสียดสีกับพื้นถนนส่งเสียงดังลั่น รถสปอร์ตคันหรูสีดำจอดนิ่งสนิทห่างออกไปไม่ไกลจากจุดที่มีคนล้มลง สายตาคมกริบปรายตามองกระจกมองหลังทำให้เห็นหญิงสาวตัวเล็กในชุดนักศึกษาที่หันมองมาทางรถด้วยอารมณ์โกรธเคือง ปากเล็กๆกำลังขมุบขมิบคล้ายกับด่าทอ มือหนาเปิดประตูลงจากรถสปอร์ตคันหรูคู่ใจในจังหวะต่อมา เท้าแกร่งที่สวมรองเท้าหนังสีดำเงาวับแตะพื้นด้วยท่าทางมั่นใจก่อนจะเดินตรงไปหาเด็กสาวที่กำลังลุกขึ้นยืนอยู่ไม่ไกล ต่อให้เด็กผู้หญิงคนนั้นจะมีท่าทางไม่พอใจแต่ใบหน้าคมคายยังเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก ไม่ได้สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว ตึก ตึก “เจโฮปเพื่อนของโรมันงั้นเหรอ?” ขนมผิงพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอพึ่งรู้จักผู้ชายคนนี้ได้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เป็นการเจอแบบไม่สนิท แค่รู้จักว่าเขาคือเพื่อนแก๊งเดียวกับคนรู้จักของเพื่อนสาวคนสนิทเธอ ไม่เคยคุย ไม่เคยสุงสิง แค่เจอหน้ากันตอนที่มาเยี่ยมเพื่อนสาวคนสนิทเท่านั้น มองจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่น่าเป็นมิตรเลยสักนิด และสีหน้าแววตาเรียบนิ่งเหมือนกันทั้งแก๊งเธอเลยไม่คิดจะพูดคุยด้วย แต่ก็ยังดีที่รู้ว่าตัวเองผิด จอดรถและลงมาขอโทษ เธอได้แต่คิดในใจเป็นจังหวะเดียวกันกับผู้ชายร่างสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรมายืนอยู่ตรงหน้า แต่ด้วยที่เขาสูงกว่าเธอเวลามองใบหน้าคมคายต้องเงยหน้ามอง เป็นแวมไพร์ทั้งแก๊งเลยเหรอไง ขาวจนเห็นเส้นเลือดแถมยังหน้านิ่งอีก ยิ่งใกล้ยิ่งขนลุก นัยส์ตาสีเทาหม่นคู่นั้นดูไร้ความรู้สึกและเย็นยะเยือกจนเสียวสันหลัง “ไอ้โรมันพาพริกหวานออกจากโรงพยาบาลแล้ว” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอกหญิงสาวตัวเล็กก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังรถสปอร์ตคันหรูตามเดิม เป็นการเจอแบบไม่คาดคิด แต่ในเมื่อเจอแล้วก็บอกเธอซะเลยจะได้จบ ไหนๆก็รับปากกับเพื่อนสนิทแล้วว่าจะจัดการทางนี้เอง “คะ? ว่าไงนะ พริกหวานออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ แล้วไปอยู่ไหนคะ?” ขนมผิงถามออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก อึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยบอกเธอเพราะคิดว่าเขาจะลงมาขอโทษที่ขับรถเกือบชนเธอ แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลยเขาไม่คิดจะขอโทษด้วยซ้ำ แถมยังมาพูดประโยคห้วน ๆ ทำให้เธอตั้งรับไม่ทันเกี่ยวกับเพื่อนสาวคนสนิท กว่าจะได้สติ ร่างสูงก็เดินเกือบจะถึงรถแล้ว ทำให้เท้าเรียวเล็กรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อไขข้อข้องใจเรื่องเพื่อนสาวคนสนิท และมีอารมณ์โมโหที่เขาไม่รู้จักขอโทษเธอ ใบหน้าหวานบึ้งตึงบ่งบอกว่าอารมณ์เธอไม่ดีในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ “นี่คุณ หยุดก่อนค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” “คุณเจโฮป ฉันบอกให้หยุดไงคะ!” “เฮ้ คุณฟังภาษาไทยไม่ออกเหรอหรือว่าคุณหูตึง คุณควรขอโทษที่ขับรถเกือบชนฉันนะคะ ไม่มีตามองสัญญาณไฟคนข้ามทางม้าลายเหรอไง” มือที่กำลังจะเปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของเธอจนทำให้ใบหน้าคมคายเงยมองหญิงสาวตัวเล็กที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาอยู่ประจันหน้า “ก็ไม่ได้หูตึงนิ ตาก็ไม่น่าบอด” ขนมผิงพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ และมองใบหน้าคมคายที่หันมาจ้องหน้าเธอตอบ แต่ด้วยสายตาคมที่น่ากลัวนั้นทำให้เธอเสียวสันหลังวาบอีกครั้ง สายตาคมจับจ้องหญิงสาวในชุดมหา'ลัย “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอ เธอไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน!” “ก็คุณไม่รอตอบคำถามฉันก่อนนิ่คะ ฉันต้องการรู้ว่าพริกหวานไปไหน เพื่อนของฉันไม่สบายอยู่นะคะ ห่างหมอแบบนี้มันอันตราย อีกอย่างคุณก็ขับรถจะชนฉันควรขอโทษค่ะไม่ใช่ทำมึนไม่รู้เรื่อง” ขนมผิงพูดร่ายยาวแต่คนตรงหน้ายังทำหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกอีกทั้งยังหันกลับไปตั้งท่าจะเปิดประตูรถสปอร์ตคันหรู ปึก ปัง มือหนาง้างที่เปิดเพื่อเปิดประตูแต่กลับเป็นจังหวะเดียวกันที่มือเรียวเล็กดันประตูปิด ใบหน้าคมคายหันมาทางหญิงสาวตัวเล็กอีกครั้ง สายตาคมเต็มไปด้วยความหงุดหงิดอย่างเปิดเผย จ้องลึกไปในดวงตากลมโตคู่นั้น บ่งบอกถึงความรำคาญที่เด็กคนนี้กำลังทำอยู่ตอนนี้ หมับ “อ๊ะ” ขนมผิงอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ลำคอระหง นิ้วมือทั้งห้าเริ่มลงน้ำหนักขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม มือเรียวเล็กรีบจับเข้าที่มือหนาของเขาเพื่อแกะมันออก แต่เหมือนเขาจะลงน้ำหนักจงใจทำให้เธอขาดลมหายใจตายตรงนี้ เจโฮปไม่สนใจสายตาของผู้คนที่ยืนอยู่แถวนี้เลยสักนิด “ขี้ขลาดตาขาวแบบเธออย่ามาทำอวดเก่งกับฉัน” เพียงแค่เห็นแววตาสั่นระริกในตอนแรกที่เขาเดินเข้าไปใกล้ก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ขี้ขลาดแต่อยากเก่ง พรึบ ปึก! “โอ๊ยยยย” บรื้นนนนน หญิงสาวร่างเล็กลงไปนั่งกองกับพื้นเมื่อถูกเหวี่ยงเต็มแรงจนทรงตัวไม่อยู่ และเจ้าของการกระทำก็ขึ้นรถไปอย่างหน้าตาเฉย ดวงตากลมโตได้แต่มองรถสปอร์ตคันหรูที่เร่งเครื่องขับออกไปต่อหน้าต่อตา “ไอ้คนบ้า ไอ้คนเถื่อน ชาตินี้หรือชาติไหนขออย่าได้เจอกันอีกเลย” กว่าจะอ้าปากด่าได้รถคันนั้นก็ไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา มือเรียวเล็กลูบลำคอระหงที่ถูกบีบ ใบหน้าหวานเหยเกกับความเจ็บที่ตกค้างยังจำน้ำหนักมือนั้นได้ดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม