ตอนที่ 5 : คำสัญญา
“แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าพริกหวานปลอดภัย แม้แต่คุณยังทำฉันแบบนี้ เพื่อนของฉันไม่เจ็บปางตายไปแล้วเหรอ”
“หึ ก็ไม่แน่”
“เจโฮป” ขนมผิงแผดเสียงเรียกชื่อชายหนุ่มสั้นๆ
“ดูสนิทกันเร็วดีนิ่” ริมฝีปากหนาพ่นควันขาวคลุ้งไปทั่ว และควันนั้นถูกพ่นไปตรงหน้าหญิงสาว ต่อให้เธอหันหน้าหนียังไงก็ไม่มีทางพ้น
“ต้องการอะไรจากฉัน” ขนมผิงพยายามรวบรวมสติอีกครั้งและพยายามใจเย็นเพื่อต่อรองกับคนตรงหน้า
โทรศัพท์เครื่องหรูของขนมผิงถูกยื่นมาตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าเขาหยิบออกมาด้วยตอนไหน แต่ตอนนี้โทรศัพท์ของเธอไปอยู่ในมือของเขา และเธอพยายามจะใช้มือที่ถูกมัดจับแต่เขาดึงมันกลับไป
“รหัส”
“ไม่” ขนมผิงตอบกลับเสียงดังลั่น
“มั่นใจว่านี่คือคำตอบ” คิ้วหนาเลิกขึ้นเมื่อได้รับคำปฏิเสธจากปากเธอทั้งที่ตัวเองกำลังจะตาย “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ที่นี่ไม่ต่างจากหลุมฝังศพ รอบๆบริเวณนี้เต็มไปด้วยศพที่ถูกฆ่า”
คำขู่ของเขาทำให้ขนมผิงรอบกลืนน้ำลายลงคอและหันไปมองรอบตึกร้าง ลมเย็นลอดผ่านมาจากช่องหน้าต่าง ทันทีที่เขาพูดรู้สึกเสียวสันหลังวาบจนไรขนอ่อนลุกชูชัน และถ้าให้คาดเดาศพที่ถูกฆ่าและฝังไว้ที่นี่ คนที่อยู่ตรงหน้าเธอคงมีส่วนในการลงมือ เพราะดูจากที่เขาลากเธอเข้ามาในนี้แบบไม่ลังเล อีกทั้งยังมีชายชุดดำยืนเฝ้าทั่วทั้งตึกบ่งบอกถึงความคุ้นเคย ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่
พริกหวานแกได้แฟนเป็นพวกมีอิทธิพลงั้นเหรอ นี่หรือเปล่าที่แกไม่บอกฉันว่าแกมีแฟน เพราะคนพวกนี้จะฆ่าแกใช่ไหม...
การที่เจโฮปจะปลดล็อกรหัสเครื่องไม่ใช่เรื่องยาก แค่อยากปั่นประสาทเธอก็เท่านั้น
โทรศัพท์เครื่องหรูของเธอถูกยื่นมาอีกครั้ง หน้าจอแสดงให้กดรหัสปลดล็อก มือที่มัดอยู่ค่อย ๆ ยกขึ้นและจิ้มรหัสทีละตัว
สายตาคมมองนิ้วเรียวเล็กที่จิ้มไปที่แป้นปลดล็อกและจำได้ดีว่ารหัสอะไรต่อให้เห็นมันแค่ครั้งเดียว
“บอกไอ้รุ่นพี่ของเธอว่าเจอพริกหวานแล้ว พริกหวานอยู่กับผัวสบายดี” น้ำเสียงเข้มออกคำสั่ง
“ทำไมต้องบอก”
“เพราะถ้าเธอไม่บอก...”
ปลายของบุหรี่ที่ยังมีไฟสีส้มถูกจ่อมาที่ใบหน้าหวาน ระยะห่างไม่ถึงมิลเพียงแค่เธอไม่ทำตามที่เขาต้องการ หน้าเธอได้มีรอยไหม้แน่
“เลือกเอา อยากมีหน้าสวยๆไว้หาผัว หรืออยากมีรอยวิบากกรรมจากฉัน”
“แค่นี้ใช่ไหมที่คุณต้องการ” สุดท้ายขนมผิงจำยอมอย่างง่ายดาย ไม่ใช่เรื่องดีถ้ามีรอยแผลไหม้บนใบหน้า ต่อให้หมอสมัยนี้เก่ง แต่กว่าจะกลับมาตามเดิมได้คงใช้เวลาระยะหนึ่ง
“.....” เจโฮปไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว แต่มือกดต่อสายหาเบอร์รุ่นพี่คนสนิทของพวกเธอทันที
ตื้ด ตื้ด...
เสียงรอสายเป็นจังหวะสม่ำเสมอระหว่างรอปลายสายกดรับ
“ถ้าแหกปากบอกมันว่าเธออยู่ที่ไหน นอกจากบุหรี่จะจี้ให้เป็นรอยแผลเป็นแล้ว ลูกน้องของฉันกำลังต้องการระบายพอดี”
คำขู่ของเจโฮปทำให้ขนมผิงหวาดผวา เข้าใจความหมายนั้นดีเพราะสายตาของเขามองไปที่ต้นขาของเธอ
(ว่าไงขนมผิง ได้เรื่องพริกหวานแล้วเหรอ พี่อยู่หน้าโรงพักพอดี)
“พี่นักรบ...” ขนมผิงเรียกชื่อคนปลายสาย และช้อนสายตามองเจ้าของใบหน้าคมคาย มองปลายบุหรี่ที่ยังจ่ออยู่ที่หน้า แต่เมื่อมีลมพัดเข้ามาทำให้ขี้เทาของบุหรี่ตกลงใส่แขนสร้างความเจ็บแสบให้กับเธอไม่น้อย
เมื่อเจโฮปเห็นว่าขี้บุหรี่ตกใจแขนเธอ ทำให้นิ้วแกร่งดีดก้นบุหรี่เบาๆจนขี้บุหรี่ก้อนใหญ่ตกใจแขนเธอเต็มๆ
“อื้อ...” ขนมผิงสร้างกัดฟันแน่นเมื่อเปลวไฟจากบุหรี่เสียดสีกับผิวหนัง น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาคลอเบ้า
(เป็นอะไร ใครทำอะไรหรือเปล่า)
“ปะ เปล่าค่ะ พอดีผิงรู้แล้วว่าพริกหวานอยู่ที่ไหน พริกหวานอยู่กับคุณโรมันค่ะ พริกหวานสบายดี พี่นักรบไม่ต้องตามหาแล้วนะคะ แล้วก็ไม่ต้องแจ้งความคนหายแล้วค่ะ”
(พี่อยากคุยกับพริกหวานพอจะมีช่องทางติดต่อไหม)
“พอดียัยพริกใช้เบอร์คุณโรมันโทรมา คงไม่สะดวกให้ติดต่อกลับหรอกค่ะ”
(อ่อ รู้แค่นี้พี่ก็สบายใจหน่อย แค่รู้ว่าน้องสาวของพี่ปลอดภัยก็ใจชื้นขึ้นมา ขอบใจนะที่โทรมาแจ้งข่าวพี่)
“ค่ะ ยัยพริกปลอดภัย”
ติ้ด...
ยังไม่ทันที่ปลายสายจะตอบกลับ นิ้วแกร่งกดตัดสายไปทันที และเก็บโทรศัพท์เครื่องหรูของขนมผิงไว้กับตัวเอง ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มชอบใจ
“ฉลาดตอบดีนิ” เจโฮปพึงพอใจในคำโกหกของเธอ สร้างเรื่องได้น่าประทับใจ
“จะปล่อยฉันไปได้หรือยัง ฉันทำตามสิ่งที่คุณต้องการแล้ว”
“ยัง”
“หมายความว่าไง”
“ฉันจะมั่นใจได้ไงว่าถ้าปล่อยเธอ แล้วจะไม่คาบข่าวไปบอกไอ้เวรนั่นว่าฉันทำอะไรกับเธอบ้าง”
“แล้วต้องการอะไรจากฉันอีก” ขนมผิงถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ร่างสูงยัดกายลุกขึ้น และวางโทรศัพท์เครื่องหรูของขนมผิงให้พิงไว้กับพนักพิง โดยที่เปิดกล้องโหมดถ่ายวิดีโอไว้ด้วย
มือหนาจัดการปลดเข็มขัดออกจากเอวสอบอย่างอ้อยอิ่ง
“จะ จะทำอะไร” ขนมผิงเห็นท่าทีของเขาทำให้ขาทั้งสองข้างดันพื้นเพื่อนเขยิบออกห่าง ดวงตากลมโตมองโทรศัพท์ของตัวเองที่หันหน้าจอมาทางนี้ทำให้เห็นตัวเธออย่างชัดเจน เธอพยายามถอยหนีมุมกล้องแต่...
เพลี๊ยะ
“โอ๊ย” ขนมผิงร้องออกมาจนเสียงหลงเมื่อเข็มขัดหนังฟาดเข้ามาที่ท่อนขาจนเจ็บแสบ น้ำตาที่แห้งเหือดไปได้ไหลออกมาอีกครั้ง
“ฉันเจ็บ” เสียงที่สั่นเครือบอกกับเจ้าของการกระทำ
“เจ็บจะได้จำ ถ้าขยับอีกนิดเดียว มันจะฟาดใส่ขาเธออีกข้าง”
ร่างเล็กหยุดการเคลื่อนไหว ได้แต่นั่งสะอื้นไห้มองชายหนุ่มที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออกจากร่างกาย
“ขอร้อง ฉันจะไม่บอกใครทั้งนั้น ปล่อยฉันไปเถอะนะ” มือที่ถูกมัดยกขึ้นคล้ายกับไหว้ขอร้องให้เขาเห็นใจ
เจโฮปยังไม่หยุดนิ้วแกร่งปลดกระดุมทีละเม็ด สายตาคมยังเรียบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึกต่อให้อีกคนกำลังยกมือไหว้ขอร้อง เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมทุกเม็ดและจัดการถอดออกจนเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้าม
“ขอร้อง ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใคร ปล่อยฉันไปเถอะนะ” ขนมผิงมองร่างกายกำยำด้วยแววตาวูบไหว ร่างกายของเขาไม่ได้ทำให้เธอหลงใหลแม้แต่น้อย แววตาและบุคลิกท่าทางของเขาทำให้เธอกลัว
“สัญญางั้นเหรอ” เจโฮปนั่งยองลงตรงหน้าขนมผิง มือหนาจับปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “แล้วถ้าผิดสัญญาล่ะ...ถ้าเธอผิดสัญญาควรทำยังไงดี”
“.....”
“ไม่มีคำตอบแสดงว่าเชื่อไม่ได้สินะ”
แคว่ก
“กรี๊ดดดด...” เสียงกรีดร้องของขนมผิงดังลั่นตึกร้างเมื่อถูกกระชากเสื้อนักศึกษาเต็มแรงจนกระดุมเหล็กทุกเม็ดกระจายเกลื่อนพื้น
สายตาคมกริบจ้องมองผิวขาวเนียนใต้เสื้อนักศึกษา ทำให้เห็นบราเซียสีดำที่แวบออกมาและเห็นเนื้อเนินอก แต่นั่นไม่ได้ทำให้เจโฮปหวั่นไหว สายตาคมจ้องมองดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาอีกครั้ง
“ถ้าฉันผิดสัญญาฆ่าฉันได้เลย” ขนมผิงตัดสินใจพูดออกไปเพื่อเอาตัวรอด ร่างเล็กสั่นเทาจนควบคุมสติไม่อยู่ กลัวจนหวาดผวาและระแวงในการกระทำของเขา
ไม่คิดว่าการที่เธอตามหาเพื่อนสาวคนสนิทและอยากรู้ว่าเพื่อนอยู่ไหนจะเป็นเรื่องราวที่จำฝังใจขนาดนี้
ขนมผิงส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวันและยกมือไหว้ขอร้องอย่างไร้ศักดิ์ศรี
“ฉันจะไม่พูดเรื่องวันนี้ ไม่ตามหาพริกหวานอีก และไม่บอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่เพื่อนของฉันจะไม่มีทางรู้ จะมีแค่เราที่รู้”
“เรา?” คิ้วหนาเลิกขึ้นหนึ่งข้างอย่างยียวนทำเหมือนไม่เข้าใจในคำถามของเธอ
“คุณกับฉัน”
“หึ แบบนี้ค่อยรู้สึกรื่นหูหน่อย” มือที่จับปลายคางมนสะบัดออกอย่างแรงจนหญิงสาวล้มตัวลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง สายตาคมมองหญิงสาวที่นอนสะอื้นไห้อยู่ที่พื้นด้วยสายตายากจะคาดเดา