หลังจากถึงบ้านผู้ใหญ่มั่น นิกากับเพื่อน ๆ ของเธอก็ไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย จากนั้นก็ขึ้นไปบนบ้านที่มีเครื่องเซ่นไหว้ อาหารจำพวกแป้ง และที่ขาดไม่ได้เลยคือเต่าที่ใช้ในการประกอบพิธี เพราะเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล
เมื่อถึงฤกษ์ยาม ผู้ใหญ่มั่นซึ่งเป็นผู้สืบทอดก็จุดเทียนตั้งวางข้าง ๆ เครื่องเซ่น จากนั้นก็จุดธูปไหว้ ‘อะโหนก’ หรือผีบรรพบุรุษ บอกกล่าวสิ่งที่ป๊อบได้กระทำผิดและล่วงเกินเมื่อคืน
ในขณะที่นิกาและเพื่อน ๆ ของเธอนั่งประนมมือไหว้อยู่ทางด้านหลัง มองดูพิธีกรรมห่าง ๆ ด้วยความรู้สึกผิด หลังจากผู้ใหญ่มั่นกล่าวถ้อยคำขอขมาเสร็จทุกคนก็ลงไปข้างล่าง นิกาจึงถามแพรวด้วยใบหน้าสงสัย...
“พิธีเสร็จแล้วใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ” สิ้นเสียงแพรวป๊อบถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกกับเรื่องที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับโปรดและนิกา แต่พอเห็นผู้ใหญ่มั่นเดินมา ป๊อบจึงรีบจับมือโปรดเดินไปหา
“ผู้ใหญ่คะ” จากนั้นทั้งสองคนก็ยกมือไหว้เจ้าของบ้านที่ยืนมองอยู่ แล้วกล่าวขอโทษจากความรู้สึกข้างใน
“เรื่องเมื่อคืนหนูขอโทษจริง ๆ นะคะ”
“ผมก็ขอโทษครับ ที่ทำให้ผู้ใหญ่เดือดร้อน” ทั้งสองเอ่ยบอกคนด้านหน้าด้วยความรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งหัวใจ หากรู้ว่ามีความเชื่อแบบนี้ พวกเธอคงปฏิบัติตามที่เจ้าของบ้านบอกอย่างเคร่งครัด จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน แต่ด้วยเป็นคนรุ่นใหม่แถมเป็นคนเมือง จึงมองข้ามความเชื่อของคนต่างถิ่นไป
ด้านผู้ใหญ่มั่นยืนมองเด็กน้อยรุ่นลูกที่รู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด ก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วตอบกลับ
“เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ได้ถือโทษโกรธหรอก แต่จำไว้หากไปบ้านใครเขาบอกอะไรก็ต้องเชื่อและปฏิบัติตามด้วย ไม่งั้นจะเดือดร้อนเอาได้” เพราะรู้ดีว่าทั้งสองคงไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ผู้ใหญ่มั่นจึงไม่ถือโทษโกรธอะไร ป๊อบกับโปรดได้ยินเช่นนั้นก็รีบยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อม ส่วนนิกากับแพรวก็นั่งมองภาพเบื้องหน้าโดยไม่พูดอะไร ขณะภายในใจนั้นโล่งเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
หลังจากเรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีเพียงแพรวกับนิกา ใบหน้าสวยหวานจึงหันไปทางลูกสาวเจ้าของบ้าน แล้วสูดหายใจลึก ๆ จากนั้นก็รวบรวมความกล้า ถามอีกคนในสิ่งที่ติดอยู่ภายในใจ
“ครูแพรวคะ พ่อครูเขาเป็นใครเหรอคะ ทำไมทุกคนดูเคารพเขาจัง”
“พ่อครูก็เป็นคนธรรมดานี่แหละค่ะ แต่เก่งไสยเวทคอยช่วยเหลือชาวบ้านในสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นที่พึ่งทางใจให้แก่ผู้คน ชาวบ้านก็เลยเคารพนับถือและเรียกเขาว่าพ่อครูค่ะ”
“ไม่ใช่พระใช่ไหมคะ?” แพรวถึงกับหลุดขำกับคำพูดของนิกา ก่อนจะรีบตอบเธอกลับไป
“ไม่ใช่ค่ะ ก็คนธรรมดานี่แหละค่ะ มีลูกมีเมียได้” ได้ยินเช่นนั้นก็ทำเอานิกากลั้นยิ้มจนแก้มจะแตก หัวใจดวงน้อย ๆ พองโตเมื่อเริ่มมีหวังกับสิ่งที่คิด จากนั้นก็ชวนแพรวพูดคุยเรื่องอื่น เพราะกลัวอีกคนจะจับได้
กระทั่งเพื่อนทั้งสองอาบน้ำเสร็จ นิกาก็รีบไปจัดการทำธุระส่วนตัว จากนั้นก็กินข้าวให้เรียบร้อย หลังจากไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่มั่นแพรวก็พาเธอไปบ้านพักครูที่อยู่ภายในโรงเรียนทันที
“พออยู่ได้ไหมคะ?”
“ได้ค่ะ สบายมากค่ะ”
ปากอวบอิ่มเอ่ยตอบ ขณะตาคู่สวยมองสำรวจภายในบ้านไม้สองชั้นมีใต้ถุน สภาพบ้านไม่ได้ทรุดโทรมเท่าไร แถมภายในบ้านยังสะอาดสะอ้าน เนื่องจากครูคนเก่าเพิ่งย้ายออกไปได้ไม่ถึงเดือน ซึ่งสภาพต่างจากที่เธอคิดไว้เยอะมาก
“ค่ะ งั้นถ้าขาดเหลืออะไรครูนิบอกแพรวได้เลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นแพรวกลับไปช่วยพ่อเก็บเครื่องเซ่นไหว้ก่อนนะคะ คงไม่ได้อยู่ช่วยทำความสะอาด”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวนิกับเพื่อน ๆ ทำความสะอาดเองค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่เป็นธุระให้”
“ยินดีค่ะ” เมื่อเอ่ยบอกกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแพรวก็กลับบ้าน ทำให้บนชั้นสองของบ้านนั้นเหลือเพียงนิกาและเพื่อน ๆ ของเธอ ก่อนที่ป๊อบจะพูดขึ้น
“ไหนดูซิ กลอนห้องนอนแกแน่นหนาไหม”
“เดี๋ยวเค้าดูให้เอง ตัวเองกับนิไปทำความสะอาดบ้านเถอะ”
“ได้ค่ะ” จากนั้นโปรดกับป๊อบก็แยกกันไปทำหน้าที่ตามตกลง โดยมีนิกายืนมองเพื่อนทั้งสองที่เป็นห่วงเธอด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันขอบใจพวกแกสองคนมากนะ”
“ไม่เป็นไร เราเพื่อนกัน”
“ใช่ แกเพื่อนฉัน ไม่ให้ฉันช่วยแกแล้วจะไปช่วยใคร” สิ้นเสียงป๊อบ นิกาก็ยิ่งซึ้งใจ จากนั้นก็รีบไปทำความสะอาดบ้านรอพ่อกับแม่ของเธอมาถึง
นิกากับป๊อบช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ส่วนโปรดก็ทำกลอนประตูใหม่ เนื่องจากอันเดิมมันไม่ค่อยแน่นหนาเท่าไร กระทั่งช่วงบ่ายเมื่อทำความสะอาดบ้านเสร็จทั้งสามก็นั่งพักให้หายเหนื่อย ไม่นานพ่อแม่ของนิกาก็มาถึงหน้าหมู่บ้าน โปรดจึงออกไปรับ
จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันแบกที่นอนหมอนมุ้งและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขนใส่รถกระบะเอาไปไว้บนบ้าน กว่าจะช่วยกันจัดของเสร็จก็เกือบเย็น
ขณะทุกคนกำลังนั่งพักและพูดคุยให้หายเหนื่อย พอเห็นว่าเย็นแล้วนิกาจึงชวนป๊อบและโปรดไปซื้อกับข้าวที่ตลาดคลองถมเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ส่วนกานดาและประดิษฐ์พ่อแม่ของนิกานั่งรอที่บ้าน เนื่องจากเดินทางมาเหนื่อย ๆ ไหนจะช่วยจัดข้าวของกว่าจะเสร็จ อีกทั้งพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับ เช่นเดียวกับป๊อบและโปรด นิกาจึงให้ท่านทั้งสองพักผ่อนเพื่อเอาแรง
เมื่อทั้งสามเดินทางมาถึงตลาดเล็ก ๆ ของหมู่บ้าน ทว่ามีของขายเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกับข้าว เสื้อผ้า หรือของเล่นเด็กให้ชาวบ้านได้จับจ่ายใช้สอย หลังจากเดินดูนู่นดูนี่สักพัก นิกากับเพื่อน ๆ ของเธอก็หยุดหน้าร้านข้าวแกง จากนั้นก็ช่วยกันเลือกอาหารมื้อเย็นกลับไปกินที่บ้านสี่ห้าอย่าง เนื่องจากไม่อยากทำกินเอง ด้วยอุปกรณ์และวัตถุดิบที่บ้านพักยังไม่เข้าที่เท่าไร
หลังจากได้กับข้าวมื้อเย็นเรียบร้อยทั้งสามก็ชวนกันกลับ ขณะนิกาและเพื่อน ๆ ของเธอเดินพูดคุยไปยังรถเก๋งที่จอดอยู่ไม่ไกล จู่ ๆ ร่างเล็กก็ชนกับใครคนหนึ่งทว่าไม่แรงมาก พอได้สตินิกาก็รีบหันไปยังคู่กรณีของเธอแล้วรีบเอ่ยบอก
“ขอโทษค่ะ”
ใบหน้าเล็กนั้นรู้สึกผิดที่มัวแต่คุยกับเพื่อนจนไม่ได้มองทาง ในขณะที่ผู้ชายคนนั้นมองเธอนิ่ง ๆ คล้ายกับอึ้งอะไรอยู่ ไม่นานก็ระบายยิ้มด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม แล้วเอ่ยบอกเธอด้วยท่าทีเก๊ก ๆ
“ไม่เป็นไรครับ” สิ้นเสียงของผู้ชายที่ดูอายุไล่เลี่ยกับเธอ นิกาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากยิ้มให้อีกคนตามมารยาท จากนั้นก็เดินไปยังรถกับเพื่อนของเธอ
โดยมี ขุน มองด้วยนัยน์ตาแพรวพราว กระทั่งนิกาพ้นสายตา ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าหน้าตาดีแต่สันดานเสียที่สุดในหมู่บ้านก็หันไปถาม เกื้อ เพื่อนสนิทด้วยใบหน้าสงสัย
“ผู้หญิงเมื่อกี้ใครวะ?”
“เห็นไอ้ดินบอกว่าครูบรรจุใหม่ของหมู่บ้านเราว่ะ”
“โคตรสวย โคตรโดนใจจนกูอยากได้มาเป็นเมียเลย” เพราะตนไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยจับใจเท่านี้มาก่อน จึงอยากได้อีกคนมาครอบครอง
“แต่มึงคงเหนื่อยหน่อยนะเพราะผู้ชายสนใจครูเขาเยอะว่ะ”
“อย่างกูยังต้องสู้กับไอ้พวกนั้นอีกเหรอวะ!”
“กูไม่รู้ เห็นพวกไอ้ดินมันบอกไปขอของดีกับพ่อครูมา”
“เหรอวะ! งั้นกูก็เอาบ้าง ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ ก็ต้องเอาด้วยคาถา”
ขุนพูดด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ขณะมือสองข้างล้วงกระเป๋า ส่วนดวงตาก็กวาดมองผู้หญิงในหมู่บ้าน ไม่นานก็เดินผ่านร้านของเล่นที่มีพ่อครูหนุ่มยืนอยู่หน้าร้าน
สิ้นประโยคดังกล่าวเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็หันมองชายหนุ่มสองคนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่พอได้ยินหลานชายเอ่ยเรียกก็ล้มเลิกความสนใจไป
“พ่อจ๋า ไข่เอาอันนี้”
กาญละสายตาจากขุนและเกื้อไปยังไข่หวานที่ยื่นของเล่นให้ดู ก่อนจะล้วงแบงก์สีม่วงที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อให้หลานพร้อมเอ่ยบอก
“เลือกได้แล้ว มึงก็เอาเงินไปจ่ายเขา”
“จ้ะพ่อจ๋า”
เมื่อไข่หวานเดินไปจ่ายเงินแม่ค้า กาญก็หันไปทางขุนอีกครั้ง ก่อนจะจ้องมองอีกคนเขม็ง กระทั่งชายหนุ่มเดินพ้นสายตาก็หันหน้ากลับมาทางเดิม เมื่อไข่หวานซื้อของเล่นเรียบร้อยสองลุงหลานก็เดินกลับไปยังรถจักรยานที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ จากนั้นคนตัวสูงก็พาหลานชายปั่นจักรยานกลับบ้าน
ซึ่งคราแรกจะให้มิ่งพาไข่หวานมาซื้อ ทว่าอีกคนไม่ว่างตนจึงได้มาแทน...
ทางด้านนิกาหลังจากกลับมาถึงบ้านก็รีบจัดกับข้าวใส่จาน จากนั้นก็นั่งล้อมวงกินข้าวพูดคุยกับเพื่อนและพ่อแม่ของเธอบนบ้าน
หลังจากทำอะไรเสร็จก็แยกย้ายกันเข้านอน โดยนิกานอนอยู่ในห้องกับพ่อและแม่ของเธอ ส่วนป๊อบกับโปรดนั้นนอนอยู่ข้างนอก เมื่อรีดผ้าเสร็จร่างเล็กก็เข้าไปในมุ้ง จากนั้นก็นั่งไหว้พระบอกพระภูมิเจ้าที่ เนื่องจากเข้ามาอยู่อาศัยใหม่เพื่อให้ท่านปกปักรักษาให้แคล้วคลาดต่อสิ่งไม่ดี
จากนั้นก็นอนลงข้างแม่ของเธอ...
“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหมลูก?”
แม้รู้ดีว่ายังไงนิกาก็ต้องอยู่ ทว่ากานดาก็อดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ ที่ต้องมาอยู่ต่างถิ่นคนเดียวเพียงลำพังแบบนี้
“อยู่ได้แม่”
“ถ้าขาดเหลือหรืออยากได้อะไรก็บอกพ่อนะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ขับรถเอามาให้”
“จ้ะพ่อ”
“ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยนะนิกา”
“จ้ะแม่”
สิ้นเสียงใสนิกาก็ขยับเข้าไปกอดพ่อและแม่ของเธอ พร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพื่อให้แม่และพ่อของเธอหมดห่วง
จากนั้นทั้งสามก็นอนหลับพักผ่อน เนื่องจากพรุ่งนี้กานดากับประดิษฐ์ต้องเดินทางกลับ ส่วนนิกาก็ต้องเข้าร่วมพิธีต้อนรับครูใหม่ในช่วงเช้า...