Memories of the night ❤️ ดวงใจภูบดินทร์ EP. 1 ภาคย์ ภูบดินทร์

3371 คำ
หลังจากที่ตกลงเปลี่ยนชื่อวงตามใจมือเบสเรียบร้อยแล้วสิงห์จึงชวนภาคย์มานั่งดื่มด้วยกันพร้อมเล่าความเป็นมาของวง Rain ให้ภาคย์ฟังคร่าวๆภาคย์ถึงได้รู้ว่าทั้งสามคนยังเป็นเพียงนักศึกษาปีสองคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัย M ที่ชื่นชอบและหลงใหลในการเล่นดนตรีจึงฟอร์มวงขึ้นมาโดยชวนมอสรุ่นน้องในคณะมาร่วมวงด้วย เมื่อซ้อมฟอร์มวงกันมาได้ครึ่งปีจีนก็เกิดปิ๊งไอเดียอยากชวนทุกคนมาเล่นดนตรีที่ผับที่พวกเขาชอบดื่มซึ่งตอนที่มาเสนอตัวของานเฮียเจตต์เจ้าของร้านเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมรับจีนจึงใช้ลูกไม้ข่มขู่เฮียเจตต์ไปทีสองทีอีกฝ่ายถึงได้ยอมพยักหน้ารับอย่างจำใจทำให้วง Rain ได้เป็นนักร้องประจำที่ผับตั้งแต่นั้นมารวมระยะเวลานี่ก็เพิ่งเข้าเดือนที่สามที่พวกเขาเล่นดนตรีอยู่ที่นี่ซึ่งพวกเขารับงานร้องเพลงสี่วันต่อสัปดาห์เท่านั้น “แล้วมึงล่ะเฮียทำไมอยู่ ๆถึงได้อยากมาเล่นดนตรี ?” หลังจากทำความรู้จักกันในระดับหนึ่งสิงห์ก็รู้ว่าตัวเองกับเพื่อนๆนั้นอายุน้อยกว่าภาคย์ถึงสี่ปีคำเรียกขานที่เป็นเพียงชื่อสั้นๆก่อนหน้านี้จึงกลายมาเป็นพี่และเฮียในที่สุดแต่คำพูดคำจาก็ยังคงเป็น มึง และ กู เหมือนเดิมทำเอาภาคย์ถึงกับพูดไม่ออกนี่มันเป็นการนับพี่นับน้องแบบไหนกันทั้ง ๆที่เขาเป็นพี่ถึงสี่ปีแต่ไอ้คนวอนตีนข้างๆก็ยังคงพูดจากับเขาด้วยคำว่ามึงและกูเหมือนเดิม “ก็แค่อยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำน่ะ ?” ภาคย์ตอบไปตามความจริงเพราะตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงพักงานหลังจากที่ไปตรากตำทำงานหนักอยู่ที่สนามรบมากกว่าครึ่งปีซึ่งความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้อยากพักงานหรอกนะพูดให้ถูกก็คือถูกนางยักษ์ โอ๊ะ ! ไม่ใช่สิไม่ใช่คุณแม่กอหญ้าคนสวยสั่งพักงานต่างหาก “ทำไมไม่หางานดีๆทำมาเป็นมือกีตาร์ได้แค่อาทิตย์ละ 4000 เองนะเฮีย” ถึงจะดีใจและยินดีแค่ไหนที่ได้ภาคย์มาเป็นมือกีตาร์คนใหม่ของวงแต่ไฟก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่หางานดีๆทำ “ขี้เกียจน่ะ” เป็นคำตอบที่ดูสั้นแต่ความหมายชัดเจนเป็นอย่างมาก “บ้านรวย ?” เจ้าของคำถามคือจีนที่ยกยิ้มมุมปากรอฟังคำตอบ “ไม่รวยแต่ก็ไม่จน” คำตอบของภาคย์ทำให้ทุกคนหมดคำถามในเมื่อเจ้าตัวเขาอยากให้รู้แค่นี้พวกเขาก็ไม่ควรล้ำเส้น “ว่าแต่เฮียจะเล่นกีตาร์อย่างเดียวหรือไงมึงช่วยกูร้องเพลงด้วยดิ” หลังจากรู้จักข้อมูลส่วนตัวกันคร่าวๆสิงห์ก็วกกลับมาถึงเรื่องที่วนอยู่ในหัวต่อเขาอยากให้ภาคย์มาช่วยร้องเพลงสากลเพราะเสียงของภาคย์นั้นดีกว่าเขามาก “ไม่ล่ะ บอกแล้วไงว่ามาอยู่แค่ชั่วคราว” สีหน้าและคำพูดที่ไม่แยแสของอีกฝ่ายทำให้สิงห์ไร้คำจะเอ่ยในเมื่อคนเขาไม่ยินดีเขาก็ไม่คิดฝืนใจ “เฮียมึงแม่งใจร้ายว่ะเห็นคนตกทุกข์ได้ยากไม่คิดจะช่วยกันหน่อยหรือไง ?” จีนตัดพ้อด้วยความน้อยใจใบหน้างดงามภายใต้แสงไฟสลัวง้ำงออย่างเห็นได้ชัด “ตกทุกข์ได้ยากเหี้ยอะไรแดกเหล้าขวดละสามพัน” ภาคย์แค่นหัวเราะเสียงเบาก่อนจะตามมาด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟังถึงกับสะอึกสิงห์กับไฟได้แต่เบือนหน้าหนีแสร้งทำเป็นมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อยพวกเขาไม่อยู่ตรงนี้ พวกเขาไม่อยู่ตรงนี้ ในขณะที่จีนยังคงฮึดสู้ไม่ถอดใจเจอพี่ชายใจดีมากความสามารถแบบนี้เธอจะกอดต้นขาทองคำต้นนี้เอาไว้ให้แน่นเลยคอยดู “อ้อ ใช้คำผิดน่ะต้องบอกว่าเห็นคนลำบากไม่ยอมช่วยสิหรือจะเป็นเห็นคนตกน้ำใกล้จมแล้วไม่ยอมช่วยก็ได้ น้านะเฮียภาคย์มีเฮียช่วยร้องเพลงความนิยมของวงจะได้เพิ่มมากขึ้นไง พอความนิยมเพิ่มขึ้นงานก็มีเงินก็มา” “ไหนว่าไม่ลำบากเรื่องเงิน ?” ภาคย์หันไปถามจีนที่เริ่มปั้นยิ้มหวานอย่างประจบประแจงทำเอาเพื่อนสนิททั้งสองคนถึงกับขนลุกซู่ “มีมากก็ดีกว่าขาดไงช่วยพวกเราหน่อยนะเฮียวันไหนที่วงของเราดังกว่าวงไอ้พีทจีนสัญญาว่าจะไม่ลืมบุญคุณเฮียเลยนะ” มือเรียวบางนุ่มนิ่มยื่นไปจับแขนของภาคย์เขย่าออดอ้อนอย่างลืมตัว “หึ ได้คืบจะเอาศอก” ดวงตาดอกท้อเหลือบมองมือของจีนที่กำลังเขย่าแขนตัวเองด้วยสายตาเย็นชาเป็นเชิงบอกให้ปล่อยแต่คนหน้ามึนอย่างจีนกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยังคงเขย่าแขนภาคย์ด้วยสีหน้าออดอ้อนต่อไปส่งผลให้เพื่อนสนิททั้งสองคนลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าของภาคย์เริ่มมืดครึ้มลงเรื่อย ๆ “ไม่ได้จะเอาคืบเอาศอกแต่จีนจะเอาเฮีย” คิ้วของภาคย์เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเด็กนี่ไม่ได้เมาจนเพ้อใช่ไหมในขณะที่สิงห์กับไฟหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ช่างใจกล้าบ้าบิ่นของจีน “เอาใครนะไหนพูดใหม่สิ ?” ใบหน้าหล่อเหลาที่ยื่นเข้ามาใกล้อย่างกะทันหันจนลมหายใจของเธอและเขาแทบหลอมรวมกันทำให้จีนผงะถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะค่อยๆขยับถอยห่างออกมาอย่างแนบเนียนอยู่ใกล้เขาแบบนี้ใจไม่ดีเลยเสน่ห์ของเขาอันตรายเกินไปจนเธอต้านแทบไม่ไหว “อะ เอา เอาเฮียภาคย์ เอ๊ย! ไม่ใช่สิออกทะเลไปไกลแล้วจีนหมายความว่าอยากให้เฮียภาคย์ช่วยไอ้สิงห์มันร้องเพลงไงความหมายของจีนคือแบบนี้” จีนอธิบายด้วยสีหน้าจริงจังมือที่เปลี่ยนตำแหน่งมาวางไว้บนตักลอบกำหมัดแน่นจนเธอสัมผัสได้ถึงความชื้นจากฝ่ามือ “จะเอาให้ได้ ?” จีน “_” อะไรของพี่มันเธอบอกไปแล้วนี่นาว่าเอาของเธอหมายถึงให้พี่มันมาช่วยร้องเพลงไง “ใช่จะเอาให้ได้และต้องได้ด้วย” จีนกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างเอาแต่ใจเป็นท่าทางที่ชวนให้ภาคย์นึกเอ็นดูเธอไม่น้อยเด็กนี่ตรงไปตรงมาดีแฮะทั้งที่เขาบอกปฏิเสธไปแต่ก็ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมแพ้ “เฮ้อ เรานี่นะเอาแต่ใจชะมัดเลย” คำพูดต่อว่าที่ไม่จริงจังพร้อมกำปั้นที่เขกหัวเธอเบาๆทำให้จีนเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจคำพูดนี้ของเขาคือใจอ่อนยอมช่วยพวกเธอแล้วใช่ไหม ? “พูดแบบนี้หมายความว่าเฮียยอมช่วยแล้วใช่ไหม ?” จีนเอ่ยถามภาคย์เพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าเขายอมช่วยพวกเธอแล้วจริงๆ “เฮียพูดตอนไหนว่าจะช่วย ?” จีนหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของภาคย์ “เฮียเอาดีๆจีนจะร้องไห้แล้วนะถ้าไม่ช่วย” จีนเบะปากคล้ายจะร้องไห้อย่างที่บอกจริงๆ “ร้องสิเดี๋ยวช่วยเช็ดน้ำตา” ภาคย์ยังคงแกล้งคนอย่างไม่รู้สึกรู้สาอยากร้องก็ร้องไปกล้าร้องเหมือนที่พูดไหมแค่นั้นแหละ “ถ้าจีนร้องแล้วเฮียจะยอมช่วยไหม ?” ใบหน้าเบะงอเอ่ยต่อรองภาคย์อย่างไม่ยอมแพ้ “กล้าร้องก็กล้าช่วย” ภาคย์รับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฮึก ฮือ แง แง เฮียยอมช่วยได้ยัง ?” สิงห์กับไฟยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอับอายเพื่อผลประโยชน์แล้วเพื่อนสนิทของพวกเขาคนนี้ยอมทำได้ทุกอย่างจริงๆ “เอาละ เอาละ หยุดร้องได้แล้วยอมช่วยแล้ว” ภาคย์จำใจตอบตกลงเมื่อเขากล้าท้าเด็กนี่ก็กล้าร้องแถมยังร้องไห้ราวกับเขื่อนแตกอีกด้วยไม่ต้องเป็นมันแล้วมั้งมือเบสเล่นละครเก่งแบบนี้ควรไปเดบิวต์เป็นนักแสดงมากกว่า “โอเค ไม่ร้องแล้ว” จีนยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มออกลวกๆก่อนจะยื่นมือไปหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับว่าคนที่ร้องไห้งอแงก่อนหน้านี้ไม่ใช่เธออย่างไรอย่างนั้น “ดีลนะเว่ยเฮียมึงพูดแล้วห้ามคืนคำ มา ๆ ๆ ชนแก้วให้กับความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของพวกเรา” จีนชงเหล้าให้ตัวเองอีกแก้วก่อนจะยื่นไปตรงหน้าตามมาด้วยไฟและสิงห์ที่ยื่นแก้วไปชนกันเหลือเพียงภาคย์ที่ยังคงนั่งจิบไวน์เบาๆอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์จนกระทั่งดวงตาคู่สวยของจีนเหลือบมองมาที่เขาปริบๆแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามถึงได้ยอมยกแก้วยื่นออกไปด้วยความรู้สึกจนใจ “พี่ไฟเตรียมตัวได้เลยถึงคิวแล้ว” เสียงร้องเตือนของแฮกซ์เด็กเสิร์ฟในร้านทำให้ทุกคนต่างยกแก้วกระดกเข้าปากรวดเดียวหมดก่อนจะพากันลุกขึ้นยืนและเดินออกไปด้วยความเร่งรีบเมื่อเห็นว่าวงที่เล่นก่อนหน้านี้พากันเดินลงมาหลังเวทีแล้ว “พร้อมนะเว่ยเฮีย” ไฟหันมาถามภาคย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง “อืม พร้อม” ภาคย์ครางรับด้วยท่าทีเกียจคร้าน “โอเคไปเว้ยพวกเรา” ไฟตะโกนบอกสิงห์ที่หันมาทำมือโอเคก่อนที่เขาจะเดินออกไปคนแรกตามมาด้วยจีน ไฟตบท้ายด้วยภาคย์ซึ่งทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นของเหล่าผีเสื้อสาวก็พลันดังสนั่นไปทั่วบริเวณสายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดเสื้อไหมพรมสีดำดวงตาดอกท้อที่ลึกล้ำพลันดึงดูดสาวๆให้เผลอหลงใหลไปชั่วขณะก่อนที่เสียงของสิงห์นักร้องนำวง Rain จะดังขึ้น โซน VIP “ณดาแกดูนั่นดิมือกีตาร์วง Rain โคตรหน้าตาดีเลยอะเห็นแล้วใจเต้นแรงฉิบหาย” เมษาหันมาเขย่าแขนเพื่อนสนิทด้วยความตื่นเต้นเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของมือกีตาร์คนใหม่สะท้อนเข้าสู่ม่านตา “หืม เพิ่งเคยได้ยินแกบอกว่าใจเต้นแรงเพราะผู้ชายไหนขอดูหน้าคนหล่อของแกหน่อยสิว่าหล่อแบบไหนกันน้าถึงทำให้เมษาของเราใจเต้นแรงได้” ณดาเงยหน้าขึ้นจากแชทที่พิมพ์ค้างไว้แล้วมองไปทางเวทีด้วยความสนใจก่อนที่ดวงตาของเธอจะสบเข้ากับดวงตาดอกท้องดงามที่แสนเย็นชาของใครบางคนเข้าอย่างจัง ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ทั้ง ๆที่ไม่ใช่คนใจง่ายและผ่านความสัมพันธ์แบบวันไนท์มาก็หลายครั้งแต่ไม่มีผู้ชายคนไหนเลยที่ทำให้ณดาใจเต้นแรงได้เหมือนเขาคนนี้เพียงแค่ได้สบตาก็เหมือนถูกเขากระชากหัวใจออกไปแล้วครึ่งดวง “ณดา ณดา” เมษายกมือขึ้นโบกไปมาตรงหน้าเพื่อนสนิทเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจ้องมองผู้ชายที่อยู่บนเวทีด้วยแววตา อืม เรียกว่าหลงใหลได้ไหมนะมันดูหวานหยาดเยิ้มดูเคลิบเคลิ้มราวกับตกอยู่ในภวังค์อย่างไรไม่รู้ “อ๊ะ ว่าไงเมย์” สติที่ถูกเสน่ห์ของผู้ชายที่อยู่บนเวทีล่อลวงไปมากกว่าครึ่งของณดาพลันกลับคืนมา “นี่อย่าบอกนะว่าเหม่อ” เมษาเอ่ยแซวเพื่อนด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “หล่อจนแทบหยุดหายใจแบบนี้ไม่เหม่อสิแปลก” ณดายอมรับอย่างตรงไปตรงมาในใจพลันเกิดความรู้สึกหิวกระหายอยากมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าวันไนท์กับเขาอย่างบอกไม่ถูก “อยากได้ ?” เมษาที่รู้จักรสนิยมผู้ชายของเพื่อนเอ่ยถามหยั่งเชิง “อืม อยากได้รวมถึงอยากโดน” ณดาเองก็ยอมรับอย่างไม่ปิดบังเรื่องเซ็กซ์สำหรับเธอแล้วมันคือธรรมชาติของของมนุษย์ในเมื่อเกิดความต้องการก็ต้องหาทางปลดปล่อยมันออกมาสิจริงไหมส่วนจะปลดปล่อยกับใครก็ต้องดูว่าเสน่ห์ของเธอจะตกผู้ชายคนนั้นได้หรือเปล่า ? “เฮ้ย แกเอาจริงดิณดาหน้าตาแบบนี้ยากไม่หยอกตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่เคยเจอใครที่หน้าตาดีแถมเซ็กซ์แอพพีลสูงแบบนี้เลย” “ยากไม่ยากเดี๋ยวก็รู้” ณดายกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยมือเรียวสวยยื่นไปหยิบแก้วเหล้ามาจิบเบาๆอย่างสบายอารมณ์ก็ให้มันรู้ไปว่าดาวมหา’ลัยที่พ่วงด้วยตำแหน่งเน็ตไอดอลที่มีคนติดตามถึงห้าล้านจะคว้าผู้ชายคนนี้มาเชยชมไม่ได้ การปรากฏตัวของมือกีตาร์วง Rain คนใหม่ที่ไม่รู้ว่ามาแทนที่คนเก่าหรือแค่ชั่วคราวดึงดูดสายตาของสาวๆที่นั่งดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลงได้เป็นอย่างดีมีหลายคนให้เด็กเสิร์ฟนำทิปมาให้พร้อมแผ่นกระดาษเล็กๆที่เต็มไปด้วยข้อความอยากทำความรู้จักแต่ก็ถูกภาคย์ปฏิเสธกลับไปอย่างไม่ไยดีทุกรายถึงเขาจะชื่นชอบความสัมพันธ์แบบวันไนท์ที่จบลงเพียงชั่วข้ามคืนแต่เขาไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่ใครๆคิดหรอกนะ อ้อ นี่ไม่ได้เล่นตัวนะเพียงแค่ไม่มีใครสวยถูกใจเขาแค่นั้นเอง “โอ้โห ! เฮียภาคย์มึงมาวันแรกพวกเราได้ทิปตั้งหมื่นกว่าแหนะ” จีนที่นั่งนับทิปที่ได้รับวันนี้อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น “แถมสาวๆยังมาขอจีบอีกเพียบ” ไฟหยิบกระดาษที่เต็มไปด้วยเบอร์โทรและไอดีไลน์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยื่นไปให้ภาคย์แต่เขากลับทำเพียงปรายตามองอย่างเย็นชาเท่านั้น “โทษทีกูตั้งใจมาหาอะไรทำแก้เบื่อไม่ได้ตั้งใจมาหาแฟน” “เฮียมึงแม่งใจแข็งว่ะดูสาวๆพวกนั้นสิมองมึงจนตาเยิ้มไปหมดดังใหญ่แล้วนะเรา” สิงห์เอ่ยกระเซ้าเย้าหยอกภาคย์ที่ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “มีปัญญามองได้ก็มองไปกูไม่หวง” คนไม่หวงตัวยามถูกจ้องมองพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ตัวไม่หวงแล้วหัวใจล่ะไม่หวงด้วยปะเฮีย ?” ไฟที่เริ่มเมาเผลอคะนองปากเอ่ยถามภาคย์ออกไปด้วยความอยากรู้ “หวง” คำตอบสั้นๆง่ายๆได้ใจความเรียกเสียงโห่แซวจากทั้งสามคนได้เป็นอย่างดี “เฮ้ย! เฮียผับนี่แม่งมีอาถรรพ์นะเว่ยเขาเล่าต่อๆกันมาว่าคนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่แม่งเสียตัวเสียใจกันทุกรายบางคนถึงขั้นแต่งงานมีลูกด้วยกันเลยนะเว่ย” จีนที่เคยฟังอาถรรพ์ของผับเล่าให้ทุกคนฟังอย่างออกรสก่อนจะยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียวหมดแก้ว “นิทานหลอกเด็กมึงก็เชื่อ” ภาคย์เลิกคิ้วถามจีนที่พยักหน้ารับหงึกหงัก “ไม่เชื่อก็อย่าหลบลู่ไปเว่ยเฮีย รุ่นพี่กูหลายคนได้ผัวได้เมียจนแต่งงานมีลูกเพราะเจอกันที่นี่ทั้งนั้น” จีนยังคงโม้ไม่หยุด “รวมถึงมึงด้วย” ภาคย์หรี่ตาเอ่ยถาม “ก็เออน่ะสิ ถุย ถุย ถุย ไอ้พี่เวรกูไม่เอาผัวง่ายๆหรอกโว้ย” จีนที่เผลอหลวมตัวตอบรับพลันพลิกลิ้นพร้อมเชิดหน้าขึ้นด้วยความมั่นใจ “มึงไม่เอาผัวง่ายๆส่วนกูไม่มีทางเสียตัวเสียใจให้ใครที่นี่แน่นอน” ภาคย์ที่ไม่เชื่ออาถรรพ์เรื่องเล่าพูดขึ้นด้วยความมั่นใจโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาจะต้องเสียทั้งตัวและหัวใจให้กับใครบางคนที่นี่ “มึงอย่ามั่นระวังหอน” สิงห์ที่นั่งฟังเงียบๆเอ่ยเตือนภาคย์ด้วยความหวังดี “ไม่มีทาง กลัวว่าจะเป็นมึงมากกว่าที่หอนเหมือนหมา” ภาคย์ตอบกลับสิงห์ยิ้มๆก่อนจะยกแก้วชนอีกฝ่ายที่ยื่นแก้วมาตรงหน้า “ไม่ต้องโยนให้กันระวังหอนคู่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไฟที่เมาได้ที่เพราะมัวแต่ตั้งใจดื่มพูดแทรกขึ้นมาก่อนจะหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจที่ไม่รู้ว่าสะใจเรื่องอะไร “อืม หอนคู่รวมถึงมึงด้วยไอ้ไฟ คิก คิก คิก” จีนที่เริ่มสติเลือนรางชี้นิ้วมาที่ไฟพร้อมหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ “พวกมึงนี่แม่งแดกเหล้าเหมือนน้ำเมาทีไรลำบากกูทุกทีเลย” สิงห์พูดขึ้นด้วยความเหนื่อยใจมือก็คว้าคอที่เริ่มอ่อนพับของจีนเข้ามาซบบนไหล่ “นี่ก็ดึกแล้วกูกลับล่ะพรุ่งนี้เจอกัน” ภาคย์ที่ยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาเอ่ยขอตัวเพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว “อืม เจอกันพรุ่งนี้เว่ยเฮีย บาย” สิงห์ยกมือโบกลาภาคย์ที่พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินจากไปท่ามกลางเหล่าผีเสื้อราตรีที่พากันจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเชิญชวนภาคย์เดินล้วงกระเป๋าเดินไปเรื่อย ๆอย่างไม่เร่งรีบท่าทีของเขาแฝงความเกียจคร้านอยู่หลายส่วนก่อนที่ฝีเท้าของเขาจะหยุดลงเมื่อใครบางคนเดินออกจากมุมมืดมาขวางทางเขาเอาไว้ “สวัสดีสุดหล่อสนใจวันไนท์ด้วยกันสักคืนไหม ?” ริมฝีปากอวบอิ่มที่ชวนให้คนพบเห็นอยากลิ้มลองเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้าที่ตนเองหมายตาอย่างตรงไปตรงมาก่อนที่ณดาจะเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของภาคย์พร้อมส่งสายตาเชิญชวนเพื่อกระตุ้นความหื่นกระหายของเขา “เรารู้จักกัน ?” ภาคย์เอ่ยถามสาวสวยที่ยืนจนตัวแนบชิดติดกับเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “ก่อนหน้านี้ไม่แต่ตอนนี้รู้จักแล้วชื่อณดานะคะแล้วคุณล่ะชื่ออะไร ?” ใบหน้าสวยเย้ายวนเงยหน้าขึ้นส่งสายตาหวานเยิ้มให้ภาคย์ก่อนณดาจะทำใจกล้ายื่นมือไปลูบแขนของเขาเบาๆ “โทษทีว่ะพอดีวันนี้ไม่อยาก” มือใหญ่ผลักร่างบอบบางของณดาจนเธอกระเด็นเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะก้าวเท้าเตรียมเดินจากไปแต่เหมือนเขาจะคิดอะไรขึ้นมาได้ฝีเท้าจึงหยุดชะงักและหันกลับมามองหน้าณดาที่เผยรอยยิ้มดีใจออกมาพลางคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาเกิดเปลี่ยนใจ “อ้อ เหมือนจะลืมบอกไปว่าต่อให้อยากฉันก็ไม่คิดจะเอากับเธอ” จบประโยคภาคย์ก็หันหลังเตรียมเดินจากไปจริงๆแต่กลับถูกณดายื่นมือมารั้งข้อมือของเขาเอาไว้ก่อน “คุณ...จะไม่คิดดูให้ดีหน่อยเหรอคะ ?” ถึงแม้จะเสียหน้าที่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างไม่ไยดีแต่ณดาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ “ถ้าคันมากจนไม่มีที่ระบายก็ไปหาคาลามายด์ทาหรือถ้าทาแล้วไม่หายคันก็นู่นมันยังว่างแถมว่างจัดซะด้วย” ความโกรธพลันแล่นขึ้นสมองของณดาแทบจะทันทีที่ได้ยินคำพูดไม่น่าฟังของอีกฝ่ายในขณะที่ภาคย์สะบัดมือของผู้หญิงน่ารำคาญทิ้งอย่างไม่ทะนุถนอมก่อนจะเดินจากไปไม่เหลียวหลังทิ้งให้สาวมั่นอย่างณดายืนกระทืบเท้าอยู่กับที่ด้วยความโมโหก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปมอง ‘มัน’ ที่เขาคนนั้นพูดถึงด้วยสายตาขยะแขยงจนขนของเธอลุกชันส่วน ‘มัน’ ที่ถูกมองทำได้เพียงแค่ร้องครางหงิงหงิงแล้ววิ่งจากไปอีกตัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม