ต้นไม้ลำต้นเพรียว แต่ใบใหญ่ราวกระด้งเรียงเป็นแถวสุดลูกหูลูกตา ล้วนเป็นต้นสักทอง ที่ปลูกในเชิงพาณิชย์ของไร่สลุงคำ ธุรกิจที่สืบทอดกันมามากกว่าร้อยปี และที่นี่ยังมีปางช้าง แม้จะดำเนินการในเชิงธุรกิจ แต่ก็เป็นการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสัตว์แล้วสิ่งแวดล้อม
ทับทิม ปราณีตา เพื่อนร่วมชั้นของปลีกับปลังตั้งแต่อนุบาล เป็นแขกประจำของไร่จันทรัช และจากเพื่อนก็ข้ามเส้นมาเป็นแฟนของปลี
สัตวแพทย์หญิงปราณีตา สัตว์แพทย์ป้ายแดง ก่อนหน้านี้เธอยังสามารถคว้าปริญญาตรีหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาวิชาเอกปฐพีศาสตร์และอนุรักษ์ศาสตร์มาครองได้ด้วย และเธอคือทายาทคนปัจจุบันของไร่สลุงคำ จากธุรกิจที่ไม่มีลูกหลานคนใดสนใจ ทั้งที่ตากับยายมีลูกถึงหกคน ต่างแยกย้ายไปทำธุรกิจในตัวเมือง หรือรับราชการ ตาทองคำกับยายสลุงเงินจึงดูแลที่นี่กันมาลำพัง
ความขุ่นเคืองที่ไม่มีลูกหลานคนไหนสนใจสานต่อธุรกิจเพราะความเหนื่อยยากในการทำไร่สักทอง ตาทองคำกับยายสลุงเงินจึงประกาศตัดขาดลูกๆ แม้ในช่วงแรกทุกคนจะแวะเวียนมาหา แต่ก็ถูกไล่ตะเพิดทุกครั้ง จนในที่สุดก็ทำใจและห่างหายกันไป จะมีก็แต่แม่ของเธอ ซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกท่าน ที่ยังพาเธอมาเยี่ยมเยียนท่านทั้งสอง แต่เพราะความดุทำให้เธอไม่กล้าเข้าใกล้ และจะร้องไห้งอแงทุกครั้งที่แม่จะพาไปหาตากับยาย จนกระทั่งตอนเรียนอยู่ grade 10
ทับทิมคลุกคลี่กับไร่จันทรัช จึงทำให้ชอบงานไร่ และปศุสัตว์ เธอจึงกล้าที่จะเดินเข้าไปหาพวกท่าน แม้จะถูกดุว่า สบประมาท แต่เธอก็ถือคติ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก
ตาทองคำกับยายสลุงเงินยื่นความท้าทายมาให้ เริ่มจากสอบเข้าคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ เพื่อต่อไปจะได้มาดูแลรักษาสุขภาพช้างในปางที่มีกว่าสี่สิบเชือก ระหว่างเรียนในวันหยุดก็ต้องมาทำงานที่ปางช้าง ตั้งแต่อาบน้ำช้าง ไปจนถึงตักขี้ช้าง แม้จะต้องไปเรียนที่เชียงใหม่ แต่เธอก็ไม่เคยปริปากบ่น
ความใกล้ชิด ความช่างพูด และความพยายามของทับทิม ทำให้ตาทองคำกับยายสลุงเงินใจอ่อน ยอมรับในตัวหลานสาว และนั่นทำให้ทับทิมล้มเลิกการไปเรียนต่ออเมริกา ต้องอยู่ห่างกับปลี
“วันนี้ปลีกับปลังกลับมาแล้วไม่ใช่รึทับทิม ทำไมยังมาอาบน้ำให้เจ้าศรีมอยอยู่อีก” ยายสลุงเงินเดินเข้ามาหาหลานสาวที่กำลังอาบน้ำให้ลูกช้างเพศเมีย สมาชิกใหม่ของปางช้าง
“กว่าจะมาถึงไร่จันทรัชก็น่าจะบ่ายๆ ค่ะ ยังมีเวลา” ทิบทิมตอบคนเป็นยาย มือก็จับแปรงขัดถูตัวลูกช้าง ดูมันจะชอบเป็นอย่างมาก
“ป่านนี้คงเป็นหนุ่มสูงใหญ่”
“สูงมากค่ะ ทิมจำได้ว่าตอน grade เจ็ด ตัวยังเท่าๆ กันอยู่เลย แต่ตอนนี้ทิมสูงแค่หัวไหล่ปลีเองค่ะ แล้วทิมจะชวนมาหาคุณยายกับคุณตานะคะ” ถึงจะไม่ได้เจอกัน หรือแม้แต่พูดคุย เพราะต่างฝ่ายต่างคร่ำเคร่งกับการเรียน แต่ก็ยังติดต่อกันผ่านสื่อโซเชียลเรื่อยๆ
“ยายว่าทับทิมไปเตรียมตัวได้แล้ว กว่าจะขับรถไปถึงไร่จันทรัชอีก”
“ค่ะคุณยาย ไปแล้วนะศรีมอย” ทับทิมตอบรับคนเป็นยาย ก่อนจะวางมือจากเจ้าลูกช้าง
ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี
“กลัวเหรอครับ” ปลีสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบจากมือของลูกสาว
“หนูไม่กลัว หนูตื่งเต้ง” ทิวาไม่ได้กลัวเพราะมีปะป๊ากับอาปลังอยู่ด้วยตลอดเวลา แต่นี่เป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรกของตน จึงทำให้ตื่นเต้นมาก
“ตอนปะป๊านั่งเครื่องบินครั้งแรกก็ตื่นเต้นเหมือนทิวาครับ”
“หนูเหมืองปะป๊า” ทิวาภูมิใจที่ตัวเองมีอะไรๆ เหมือนผู้เป็นพ่อ
“อานั่งเครื่องบินครั้งแรกก็ตื่นเต้นนะครับ” ปลังก็ช่วยให้หลานสาวผ่อนคลาย
“หนูเหมืองอาปลัง”
“ไปถึงไร่จันทรัช ทิวาจะได้เจอทวดเดล ทวดเอวา ปู่ศิรา ย่าจอม แล้วนะครับ”
“หนูตื่งเต้งอีกแย้ว” แค่รู้ว่าอีกยี่สิบกว่าชั่วโมงข้างหน้าจะได้เจอทวดเดล ทวดเอวา ปู่ศิรา และย่าจอม ความตื่นเต้นก็ก่อเกิดขึ้นมาอีก
“ทุกคนต้องรักทิวาครับ”
“ทวดเดลจะยักหนู ทวดเอวาจะยักหนู ปู่ฉิยาจะยักหนู ย่าจอมจะยักหนู”
“ทุกคนที่ไร่จันทรัชจะรักทิวาด้วย”
“ทุกคงยักหนู หนูยักทุกคงคงเดียว” สองมือเล็กยกขึ้นมาวางประสานที่อกของตัวเอง ทุกคนจะรักตน ตนจะเก็บรักของทุกคนไว้คนเดียว
“ลูกสาวใครนะขี้งกจริงๆ” ปลีบีบจมูกโด่งเล็กอย่างมันเขี้ยว
เมื่อถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปลีกับปลังก็ได้รับอำนวยความสะดวกจาก เมฆ ม่านเมฆ เจ้าของสายการบิน คลาวด์ แอร์ไลน์ (Cloud Airlines) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในธุรกิจการบิน ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวสู่ ไร่จันทรัช จังหวัดเชียงราย ซึ่งปัจจุบันมีสนามบินและลานจอดเครื่องบินเป็นของตัวเอง
ทุกคนต่างแปลกใจที่ปลีกับปลังกลับมาพร้อมเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าชัง
“ทิวา แนะนำตัวกับทุกคนสิครับ” ปลีให้ลูกสาวแนะนำตัวเองกับทุกคน
“ฉะหวัดดีค่ะ หนูน้องทิวา ดุจทิวา ยูกฉาวของปะป๊าปลีค่ะ” ทิวาทักทายทุกคนตามที่ได้ซักซ้อมมาจนจำได้แม่น พร้อมกับแนะนำตัวเองในฐานะลูกสาวของปะป๊าปลี
“ลูกสาวปลี!!” เสียงตกใจของพ่อ แม่ และพี่ๆ ที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“ลูกสาวปลี?” ทับทิมที่เพิ่งมาถึงได้ยินชัดเต็มสองหู
“ทับทิม” ปลีกลับหลังหันไปมองหญิงสาวที่คิดถึงพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ปะป๊า” ทิวาเข้ามากอดขาคนเป็นพ่อ
“ทิวามาหาอาก่อนครับ” ปลังประเมินสถานการณ์ เห็นท่าจะไม่ดีจึงเข้าไปอุ้มหลานออกมา
“ปะป๊างั้นเหรอ” สีหน้าและแววตาของทับทิมเต็มไปด้วยคำถาม
“ทับทิม” ปลีเดินเข้าไปหาทับทิมด้วยความดีใจ แต่ดูเหมือนว่าความกรุ่นโกรธกำลังปะทุออกมาจากตัวเธอ
“ไอ้คนหลอกลวง ไอ้คนผิดสัญญา”
“ทับทิมฟังปลีก่อน” ปลียื่นมือไปข้างหน้าหมายยับยั้งอีกฝ่าย
“ยังจะให้ฟังอะไรอีก ย๊าก~~” ทับทิมวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด
“ทับทิม...”
พลั่ก!!
ปลีหงายหลังเพราะฝ่าเท้าอันทรงพลังข้างขวาของทับทิมที่ประทับกลางอกอย่างไม่พลาดเป้า สมกับที่เรียนเทควันโดมาตั้งแต่เด็ก
“ปะป๊า!! หนูหาปะป๊า” ทิวาเห็นคนเป็นพ่อถูกทำร้ายก็ดิ้นออกจากอ้อมแขนของอาปลัง
เสียงร้องเรียกจากเด็กหญิงตอกย้ำสิ่งที่ได้ยิน ความเสียใจ ความผิดหวัง ถาโถมหัวใจของทับทิมอย่างร้ายกาจ