พลอยนารากลับจากโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่สุด อาการของหมอตะวันที่เธอเห็นวันนี้มันดูแย่กว่าทุกครั้ง เปรมยุดาบอกเธอให้พยายามทำใจเพราะมีโอกาสสูงที่เขาจะจากไปได้ทุกเมื่อ
หญิงสาวไม่รู้จะบอกเล่าเรื่องราวนี้ให้กับใครฟัง ถ้าหมอตะวันจากไปจริงๆ ก็เท่ากับว่าจากนี้ชีวิตของเธอจะเหลือกันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น
“คุณแม่ขา เป็นอะไรหรือเปล่าคะ น้องพราวเรียกตั้งนานแล้วคุณแม่ไปตอบสักที”
“แม่ขอโทษนะคะน้องพราว แม่เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ต้องดื่มนมเยอะๆ แล้วก็นอนพักนะคะ”
“ได้สิคะ งั้นเราดื่มนมแล้วไปนอนกันดีไหม นอนพักเยอะๆแผลจะได้หายเร็ว”
“ค่ะแม่ น้องพราวจะไปโรงเรียนตอนเปิดเทอมได้ไหมคะ”
“ได้สิลูก อีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดทอม หนูตื่นเต้นไหมคะ”
“ตื่นเต้นค่ะ น้องพราวจะเล่าให้เพื่อนฟังด้วยว่าได้เข้าไปในห้องผ่าตัด”
พอลูกสาวหลับไปแล้วเธอก็โทรศัพท์ไปหาเปรมยุดาอีกครั้ง ตำตอบที่ได้ก็ยังเหมือนเดิม
“พรุ่งนี้เช้า สัก 7 โมง นาราพาน้องพราวมาได้ไหม”
“ได้ค่ะพี่เปรม แล้วนาราจะไม่เจอคนอื่นใช่ไหมคะ”
“ไม่จ้ะ” เพราะทำงานที่นี่มานานเปรมยุดารู้ดีว่าเวลานั้นเป็นเวลาสะดวกที่สุด
พลอยนาราปลุกลูกสาวให้ตื่นเช้ากว่าปกติ แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปเยี่ยมคุณลุงใจดีแต่เช้าแต่พิมพ์พิชาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“น้องพราว ไปยืนใกล้คุณลุงหน่อยนะคะ แม่จะถ่ายรูปให้” แม่รู้ว่ามันผิดกฎของโรงพยาบาลแต่พลอยนาราก็อยากให้ลูกสาวมีรูปที่ถ่ายคู่กับหมอตะวันเก็บไว้ เรื่องราวทุกอย่างมันซับซ้อน แต่เธอตั้งใจจะบอกทุกอย่างกับลูกสาวเมื่อโตขึ้นกว่านี้
“น้องพราวคะ บอกลาคุณลุงนะคะ เราอาจไม่ได้มาเยี่ยมคุณลุงอีกแล้ว”
“ทำไมคะแม่ คุณลุงจะไปไหน”
“คุณลุงอาจต้องย้ายไปอยู่ที่ไกลๆค่ะ”
“น้องพราวไม่อยากให้คุณลุงไปเลยค่ะ ถ้าคุณลุงไปแล้วใครจะพาเราไปหาพ่อล่ะคะ”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ บางทีถ้าน้องพราวโตขึ้น เรียนเก่งๆ เราสองคนอาจไปหาพ่อด้วยกันได้”
“เหรอคะ น้องพราวจะตั้งใจเรียนค่ะ”
“ดีมากจ้ะ”
“คุณลุงขา น้องพราวจะกลับแล้วนะคะ คุณลุงจะไปอยู่ที่ไหนอย่าลืมบอกน้องพราวกับแม่นะคะ ถ้าโตขึ้นร้องพราวจะไปตามหาคุณลุงกับคุณพ่อนะคะ”
คำพูดไร้เดียงสาของลูกสาวทำให้พลอยนารากลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ ทุกคำพูดมันบาดลึกลงไปในหัวใจ ถ้าพิมพ์พิชาโตขึ้นและเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้ก็คงดี แต่ในเมื่อเธอยังเด็กพลอยนาราก็เลยต้องทำแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง เธอรู้ แต่เธอไม่มีทางเลือก เธอไม่มีใครคอยให้คำปรึกษา ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยนอกจากพิมพ์พิชาเพียงคนเดียวเท่านั้น
โลกใบเล็กของพลอยนาราพังทลายทันทีเมื่อได้รับสายจากเปรมยุดาหัวหน้าพยาบาล เธอทำอะไรแทบไม่ถูก แม้วันก่อนจะไปเยี่ยมอาการของหมอตะวันมาแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะจากไปเร็วถึงเพียงนี้
หญิงสาวร้องไห้อยู่ในห้องน้ำตั้งแต่ได้รับสาย ร้องจนแทบไม่เหลือน้ำตาอีกแล้ว พลอยนาราสัญญากับตัวเองว่าครั้งนี้จะเป็นการร้องไห้ครั้งสุดท้าย จากนี้เธอจะต้องเข้มแข็ง แม้หนทางข้างหน้ามืดมนไปหมด แต่เธอต้องไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น เธอต้องดูแลลูกสาวตามลำพัง และต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ในคนเดียวกัน
พลอยนารารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงลูกสาวเรียกหาเพราะตื่นมาได้เจอแม่ของตัวเอง
“คุณแม่ขา คุณแม่อยู่ไหนคะ”
“แม่เข้าห้องน้ำค่ะน้องพราว” เธอรีบล้างหน้า แต่ก็ไม่อาจปิดดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักเลยสักนิด หญิงสาวถือผ้าเช็ดตัวปิดใบหน้า เพราะกลัวลูกสาวจะเห็น
พอเปิดประตูห้องออกมาพิมพ์พิชาก็รออยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำแล้ว
“น้องพราวจะเข้าห้องน้ำเหรอคะ”
“ค่ะแม่ น้องพราวอยากรีบไปโรงเรียนวันนี้เปิดเทอมวันแรกนะคะ คุณแม่ลืมหรือเปล่า”
“ไม่ลืมหรอกค่ะ เดี๋ยวแม่เตรียมอาหารเช้ารอนะคะ น้องพราวอาบน้ำแต่งตัวเองได้หรือเปล่า”
“ได้นิดหน่อยค่ะ”
เพราะเธอฝึกให้ลูกสาวช่วยตัวเองมาตลอด ตอนเช้าจึงไม่ได้วุ่นวายมาก เพียงแค่ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านอีกครั้งก็พอ
ลูกสาวเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว พลอยนารารีบเปิดลิ้นชักหาเครื่องสำอางอย่างน้อยมันก็ช่วยปกปิดได้บ้าง
พอส่งลูกสาวที่โรงเรียนพลอยนาราก็มาทำงาน แต่ตลอดทั้งวันแทบไม่มีสมาธิเลยสักนิด จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน พลอยนาราไม่ต้องรีบไปรับลูกสาวเพราะบอกกับยายสายทิพย์ไว้แล้วว่าเธอจะกลับช้า
“นารา”
“ค่ะ พี่กวาง”
“เย็นนี้ว่างไหม รีบไปไหนหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ พี่กวางมีงานเพิ่มเหรอคะ”
“นารารู้ข่าวหมอตะวันแล้วใช่ไหม เย็นนี้พี่กับพี่อั๋นจะไปงานสวดที่วัด ก็เลยอยากชวนนาราไปด้วย”
พลอยนารายิ้มออกครั้งแรกของวันนี้ เพราะเธออยากไปงามศพของเขามากแต่ไม่รู้จะไปยังไงจะไปในฐานะอะไร
“ขอบคุณนะคะพี่กวาง ที่ชวนนารา”
“คุณแม่ขา คุณครูฝากจดหมายมาให้คุณแม่ด้วยนะคะ” พิมพ์พิชาหยิบซองสีขาวออกมาจากกระเป๋านักเรียนให้กับมารดา ขณะที่กำลังนั่งทานซีเรียลกับนมก่อนไปโรงเรียน ในเช้าวันหนึ่ง
“เหรอคะ จดหมายอะไรเอ่ย”
พลอยนารารับจดหมายมาเปิดดู แล้วคิ้วสวยก็ขมวดจนติดกัน
“จดหมายอะไรเหรอคะคุณแม่”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่คุณครูแจ้งข่าวสารทั่วไปเท่านั้น” พลอยนาราอ่านข้อความในจดหมายซ้ำอีกครั้ง เธอลืมเรื่องนี้ไปสนิท เพราะหลายวันมานี้ชีวิตของเธอวุ่นวายเหลือเกิน
พลอยนาราส่งลูกเข้าเรียนแล้วก็มายังตู้ ATM เพื่อกดเงินไปจ่ายค่าเทอมให้กับลูกสาวจากจดหมายแจ้ง ทางโรงเรียนมีเวลาให้ผู้ปกครองจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยหลังจากได้รับจดหมาย 15 วัน
เหมือนฟ้าถล่มตรงหน้าเมื่อเธอไม่สามารถกดเงินออกมาได้บัญชีของเธอถูกระงับ ซึ่งบัญชีนี้พ่อของพิมพ์พิชาเป็นชื่อเจ้าของบัญชี พลอยนาราไม่เคยกดเงินในนั้นออกมาเก็บไว้ที่อื่นเพราะอยากให้เป็นทุนการศึกษาของลูกสาว ไม่คิดเลยว่าบัญชีจะถูกระงับ
แม้รู้ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วถึงเพียงนี้ทุกอย่างมันเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เงินจำนวนมากที่เคยได้รับทุกเดือนจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว เงินเดือนของตัวเองคงพอแค่ค่ากินค่าอยู่เท่านั้น ส่วนค่าเทอมและเงินที่จะต้องคืนให้กับเจ้านายคงต้องหาทำงานอื่นเพิ่ม
เงินเกือบสามหมื่นเธอจะไปหาที่ไหนได้ภายในเวลา 15 วัน ในเมื่อความจำเป็นมันบีบบังคับถึงขั้นนี้ พลอยนาราคงต้องกลืนน้ำลายตัวเอง