จุดเริ่มต้น

1444 คำ
คำเตือน **นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ชื่อ สกุล สถานที่ ตัวละคร เป็นเพียงเรื่องสมมุติไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของใครทั้งสิ้น **นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ ความรุนแรงไม่เหมาะสมสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี **นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำ สแกนหนังสือหรือกระบวนการอิเล็กทรอนิกซ์ใดๆ ของเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของนิยาย (หากพบเห็นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย) ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น “กฎของคุณมีอะไรบ้างคะ ถ้าไม่ยากฉันยินดีรับงานนี้” หญิงสาวถาม ตอนนี้เธอเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม ผู้ชายคนนี้เจ๊เพ็ญบอกว่าเขาเป็นเสี่ยกระเป๋าหนัก ที่ยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับความสุขบนเตียง “ผมจะบอกก็ต่อเมื่อคุณรับงานของผม” เรื่องกฎเหล็กของเขา เธอก็พอรู้มาบ้าง เพียงแต่อยากได้ยินจากปากของคนตรงหน้ามากกว่าได้ยินจากคนอื่น “ถ้าฉันไม่รับล่ะคะ” “ผมไม่เคยบังคับใครนะ” วายุชายหนุ่มอายุ 32 ปี ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ และเป็นเจ้าของบริษัทนำเขาอุปกรณ์การแพทย์ เขาเป็นคนรักสนุก ไม่คิดจริงจังกับใคร ผู้หญิงที่ผ่านมาทุกคนล้วนเต็มใจที่จะอยู่ในกฎที่เขาตั้งขึ้น แต่ครั้งนี้ เขารู้สึกพอใจกับผู้หญิงที่กำลังยืนตรงอยู่ตรงหน้า เขารู้สึกประทับใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มอยากได้เธอมาเป็นผู้หญิงของเขา วายุให้เพื่อนติดต่อแต่เธอปฏิเสธเขาไปแล้วในครั้งแรก หลังจากนั้นเขาก็ยังให้ลูกน้องสืบเรื่องของหญิงสาวต่อ จนรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน “ฉันคงไม่กล้ารับงานนี้ ตราบใดที่ฉันยงไม่รู้กฎ” “ถ้าไม่รับก็กลับไปได้ ผมไม่อยากเสียเวลา แต่บอกก่อนว่าถ้าออกไปแล้วคุณจะไม่ได้กลับเข้ามาอีก เวลาไม่กี่วันคุณคงหาเงินมากอย่างนั้นไม่ได้หรอก” “คุณรู้?” “ใช่ ผมไม่เคยนอนกับใครโดยไม่สืบประวัติหรอกนะ” “ถ้าอย่างนั้น คุณก็คงรู้ว่าฉันมีลูกแล้ว” “นั่นเป็นเรื่องดี เพราะมันหมายถึงคุณมีประสบการณ์มาแล้ว” “ฉันนึกว่าคุณชอบผู้หญิงบริสุทธิ์เสียอีก” “ผมจ่ายเงินเพื่อซื้อความสุข ผู้หญิงเวอร์จิ้นพวกนั้นจะเอาประสบการณ์จากไหนมากันล่ะ จริงไหม” เขาถามหญิงสาว “มันก็จริงนะคะ” “ผมต้องเข้าประชุม ถ้าคุณตัดสินใจได้แล้วก็ให้บอกภูวิศ เขาจะจัดการทุกอย่างแทนผม” หญิงสาวเดินออกมาจากห้องของชายหนุ่มด้วยใบหน้าเครียด เธอคิดไม่ตกว่าจะรับงานของเขาหรือเปล่า เงินค่าจ้างที่เขาเสนอมากถึงหนึ่งแสนบาท ภายในเวลาไม่กี่วันนี้เธอจะหาเงินจำนวนมากอย่างนั้นได้ที่ไหน แต่ติดอยู่เรื่องเดียว เธอกลัวว่าถ้าเขารู้ทีหลังแล้วจะเรียกเงินคืน เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น “คุณแม่ขา โรงเรียนใหม่คุณครูจะใจดีไหมคะ” “ใจดีสิคะลูก ที่โรงเรียนใหม่คุณครูใจดี เพื่อนเยอะ แล้วยังมีสนามเด็กเล่นใหญ่กว่าเดิมด้วยนะน้องพราว” “น้องพราวอยากไปโรงเรียนแล้วค่ะแม่” พลอยนาราหญิงสาววัย 23 ปี มองดูลูกสาวตัวน้อยกับท่าทางตื่นเต้นที่จะได้ไปโรงเรียนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เดิมเด็กหญิงพิมพ์พิชาหรือน้องพราววัย 4 ขวบเรียนที่เนอสเซอร์รี่ใกล้บ้าน แต่ปีนี้ครับกำหนดที่ต้องเข้าเรียนอนุบาล พลอยนาราเลยเลือกเรียนโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง แต่เธอเลือกให้ลูกสาวคนเดียวเรียนแผนกภาษาอังกฤษ เพราะอยากให้ลูกสาวได้ทักษะทางภาษา เธอไม่อยากให้ลูกเหมือนกับตัวเองที่เรียนจบแค่ชั้น มัธยมปลายและอีกอย่างพ่อของพิมพ์พิชาก็เคยบอกไว้ แม้ค่าใช้จ่ายจะมากกว่าห้องเรียนปกติ แต่พลอยนาราก็พอมีเงิน ซึ่งพ่อของเด็กหญิงเปิดบัญชีไว้ให้และโอนเข้าทุกเดือน บวกกับเงินเดือนของเธออีก ก็ทำให้สองแม่ลูกอยู่กันแบบไม่ลำบาก “แม่คะ น้องพราวอยากใส่ชุดไปนี้ไปอวดคุณลุงใจดี” พิมพ์พิชาบอกกับแม่หลังจากที่โรงเรียนเปิดเทอมไปได้สองสัปดาห์ “ได้สิคะ เย็นนี้เราไปหลังจากเลิกเรียนดีไหมคะ” “ดีค่ะแม่ น้องพราวจะเล่าให้คุณลุงฟังด้วยว่าโรงเรียนใหม่สนุกมากๆ” พลอยนารายิ้มกับให้ลูกสาวด้วยความเอ็นดู          เธอส่งลูกสาวแล้วขี่จักรยานยนต์คู่ใจมาทำงานที่สำนักงานทนายความเห็นหนึ่ง ในตำแหน่งเสมียน แต่จริงแล้วเธอทำทุกอย่าง ตั้งแต่ พิมพ์สำนวนฟ้อง จัดเรียงเอกสาร ทำความสะอาดสำนักงาน แล้วแต่ว่าทนายความคนไหนจะเรียกเธอไปใช้งานอะไร หญิงสาวเริ่มทำงานที่นี่หลังจากคลอดลูกสาวได้ 3 เดือน เธออยากหารายได้เพิ่ม เพราะไม่อยากรอแค่เงินเดือนจากพ่อของพิมพ์พิชาเพียงอย่างเดียว เจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่นี่ดีกับเธอมาก ทุกคนรู้ว่าเธอมีลูก บางครั้งก็ต้องลางานไปดูแลลูกเวลาไม่สบาย แต่ไม่มีใครต่อว่า เพราะในเวลางานเธอก็ทำอย่างเต็มที่ บางครั้งก็พาลูกสาวมาทำงานต่อหลังจากไปรับที่โรงเรียน คนในสำนักงานเอ็นดูลูกสาวของเธอกันทุกคน ไม่มีใครกล้าถามถึงพ่อของพิมพ์พิชา ทุกคนรู้แค่เพียงว่าหญิงสาวอยู่กับลูกเพียงสองคนเท่านั้น พลอยนาราเองก็ไม่เคยพูดถึง หญิงสาวเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ พิมพ์พิชาเคยถามถึงพอของเธอ แต่หญิงสาวก็บอกลูกไปแค่เพียงว่าพ่อไปทำงาน มีหลายครั้งที่ลูกสาวร้องไห้หาพ่อ พิมพ์พิชาก็ได้แต่ปลอบใจและบอกว่าพ่ออยู่ไกล ยังมาไม่ได้ แต่พ่อส่งของขวัญวันเกิด ส่งเงินค่าขนมมาให้ทุกเดือน คำพูดพวกนั้นทำให้ลูกสาวของเธอสงบลงได้บ้าง พลอยนาราอยากรอให้ลูกสาวโตขึ้นอีกสักนิดถึงจะบอกเรื่องของพ่อให้เธอทราบ ระหว่างนี้ก็ต้องพยายามหาทางหลอกล่อเอาไว้ก่อน “นารา พี่ฝากบันทึกสำนวนลงคอมพ์หน่อยนะ” อิศเรศ เจ้าของสำนักงานทนายความยื่นเอกสารมาให้เธอ “ค่ะ พี่อั๋น ด่วนไหมคะ เย็นนี้นาราว่าจะรับน้องพราวแล้วจะขอออกไปเลย” “ไม่ด่วน ว่าแต่จะพากันไปเที่ยวที่ไหนเหรอ” “ไม่ได้ไปเที่ยวค่ะ นาราจะพาน้องพราวไปเยี่ยมคุณตะวันค่ะ” “อาการยังไม่ดีขึ้นเลยเหรอนารา” “ค่ะ ยังเหมือนเดิม” อิศเรศถอนหายใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปยังห้องทำงาน เขารู้ดีว่าคุณตะวันนั้นเป็นผู้มีบุญคุณกับพลอยนาราและลูกสาว อันที่จริงก็รู้มากกว่านั้นเพราะเขากับตะวันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่บางอย่างเขาก็ไม่สามารถพูดให้ใครฟังได้ คำว่าจรรยาบรรณมันค้ำคอเขาอยู่ พลอยนารารับลูกสาวจากโรงเรียนแล้วพาแวะทานไอศกรีมของโปรด “คุณแม่ขา น้องพราวอยากซื้อไอติมไปฝากคุณลุงค่ะ” “คุณลุงยังกินไอติมไม่ได้ค่ะลูก” “เหรอคะ แล้วคุณลุงกินอะไรคะ หนูไปเยี่ยมทีไรคุณลุงก็หลับตลอดเลย แม่ขา วันนี้เรารอให้คุณลุงตื่นได้ไหมคะ หนูอยากให้คุณลุงเห็นชุดนักเรียนใหม่” “คุณลุงไม่สบายค่ะน้องพราว เลยต้องนอนหลับตาอย่างนั้น แต่ที่เราพูดกับคุณลุงท่านได้ยินทุกคำนะคะ” “จริงเหรอคะแม่” “จริงสิคะ” “งั้นวันนี้น้องพราวจะเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณลงฟังนะคะ แล้วถ้าคุณลุงหายจะชวนมากินไอติมด้วยกัน” “ได้ค่ะ คุณลุงคงดีใจที่รู้ว่าตอนนี้หนูเข้าโรงเรียนใหม่แล้ว” “แม่ขา ถ้าคุณลุงไม่ตื่น เราจะได้เจอพ่อไหม” “ต้องรอเวลาค่ะลูก” พลอยนาราไม่คิดว่าลูกสาวจะจำที่เธอเคยพูดได้ ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกว่าถ้าคุณลุงตื่น จะให้พาไปหาพ่อเพราะคุณลุงคนนี้เป็นคนเดียวที่จะพาเราไปได้ “นานไหมคะ” “แม่ก็ไม่แน่ใจค่ะลูก เรามาช่วยกันภาวนาให้คุณลุงหายไวๆดีไหมคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม