เตรียมเข้าหอ

1569 คำ
ยามเหม่า ณ เรือนอวี้ฮวา ดรุณีน้อยตื่นตั้งแต่ฟ้ามืด ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งกาย รับประทานอาหารเช้าตั้งแต่ยามเหม่า สาวใช้ได้แต่แปลกใจในตัวพระชายา หากเป็นชายาตำหนักอื่นหรือหญิงสูงศักดิ์ แม้แต่คุณหนูทั่วไป มิค่อยมีผู้ใดตื่นเช้าแต่ไก่โห่ราวกับบ่าวไพร่ ส่วนใหญ่มักนวยนาด ตื่นยามตะวันส่องก้น ใกล้เวลาสำรับเที่ยงเสียมากกว่า หลุนเหอจิ้งแต่งกายด้วยชุดเรียบๆ สีเปลือกข้าว บนชุดไม่มีลายปัก มัดผมขึ้นสูง สวมกางเกงพอดีตัว อาภรณ์ตัวบนมิได้ยาวรุ่มร่าม นางเอาเสื้อเข้าในกางเกงที่ตัดเย็บเรียบๆ แต่เข้ารูป สวมรองเท้ารูปทรงประหลาดที่นางเพิ่งสั่งตัดจากร้านเครื่องหนังแล้วนำไปให้ร้านรองเท้าเย็บเป็นรูปทรงที่นางต้องการ รองเท้าหนังมีเชือกผูก หนา ทนทาน รูปทรงของมันคือรองเท้าทรงทหาร หรือรองเท้าคอมแบท สาวใช้เรือนอวี้ฮวาพลอยได้ตื่นแต่เช้ากว่าเรือนอื่นไปด้วย เพราะต้องคอยถ่างตามาปรนนิบัตินายหญิงผู้ไม่เหมือนผู้ใด สาวใช้ได้แต่เอียงคอมองพระชายาจวิ้นอ๋องซึ่งทำตัวพึลึกต่างจากสตรีในห้องหอทั่วไป ร่างบางระหงเดินเข้าไปในห้องเครื่องตำหนักจวิ้นอ๋องที่ตั้งอยู่บริเวณหลังตำหนัก พ่อครัวใหญ่คราแรกต่างประหลาดใจ เพราะเจ้านายชั้นสูงไม่ค่อยย่างกรายมาแถวห้องเครื่อง แต่ช่วงหลังเริ่มชาชิน พระชายามักเข้าครัวเป็นว่าเล่น ยามที่นางต้องการจะทำสิ่งใดก็เดินเข้ามาทำเลยไม่ได้มากพิธี อลิซ แลงค์ในร่างดรุณีน้อยคิดไปถึงชีวิตในชาติก่อน ชีวิตนางทั้งหดหู่ อันตราย และเจ็บปวด แถมยุ่งมากเพราะมัวแต่หาเงิน และทำการทดลองลับให้องค์กรมืด ชีวิตในชาตินี้นั้นฟื้นมาในร่างชายาผู้สูงศักดิ์ ในวันหนึ่งๆ ไม่ค่อยมีอันใดทำนัก นางแค่อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ และใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิม “คารวะ พระชายา ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษรึขอรับ” พ่อครัวกล่าวอย่างนอบน้อม “ช่วยข้าเตรียมสำรับเที่ยงให้สวามี ข้าจะทำอาหารให้สวามีไปกินยามเที่ยงวัน” นางเอ่ย “ขอรับ” พ่อครัวใหญ่ได้แต่ งง มีสตรีสูงศักดิ์คนใดอยากเข้าครัวให้เสื้อผ้าติดกลิ่นอาหาร ซ้ำมองนางอย่างสำรวจตรวจตรา นอกจากประหลาดใจในเสื้อผ้าราวบ่าวไพร่กับรองเท้าประหลาดของนางแล้ว ยิ่งประหลาดใจกว่าที่นางยังมาลงครัวด้วยตัวเอง พ่อครัวใหญ่มองการแต่งกายเรียบๆ ของนาง เรื่อยไปยังรองเท้าประหลาด นางก็รู้ตัวแต่ไม่ได้ว่ากล่าวอันใด อยากมองก็มองไป ‘คนมันสวย’ นางเดินไปดูเตาอบปั้นจากดินเหนียวขนาดใหญ่ จำนวนห้าเตาที่นางสั่งปั้นไว้เมื่อหลายวันก่อน เตาแห้งสนิทดีแล้ว นางยิ้มพึงพอใจ หลุนเหอจิ้งสอนพ่อครัวทำเนย นวดแป้ง ซึ่งบ่าวชายก็มาช่วยกันนวดจนกล้ามขึ้น นางสั่งให้รอพักแป้ง แล้วนำมาปั้นใส่ไส้ลูกพลับแห้งเคี่ยวกับน้ำตาล ไส้ลูกท้อ ไส้เนื้อผัดกับเห็ดหอม นางสั่งให้ทำจำนวนมาก และสั่งให้นำไปอบในเตา ไม่นานขนมปังสีเหลืองอร่าม ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ บ่าวไพร่ทั้งห้องเครื่องและบ่าวที่ตื่นมาทำงานแต่เช้ามืดต่างชะเง้อคอมอง กลืนน้ำลายด้วยความหิว “พวกเจ้ามารวมกันตรงนี้” นางเรียกบ่าวไพร่เสียงค่อนข้างดัง “ขอรับ เจ้าค่ะ” บ่าวไพร่ทั้งชายหญิงตอบรับคำนาง รีบรุดมานั่งคุกเข่าที่พื้นรอนางสั่งการ นางจัดสำรับเป็นเนื้อผัดกับผัก และเนื้อตุ๋นนุ่มลิ้นใส่ภาชนะคล้ายปิ่นโตขนาดใหญ่ พร้อมขนมปังหอมกรุ่นเสร็จก็หันมากล่าวกับบรรดาบ่าวไพร่ “ข้าให้พวกเจ้าไปลองกินดู ขนมในเตาอีกอีกเตา ให้รออีกหนึ่งเค่อ ค่อยนำออกมาแจกจ่ายกัน” นางกล่าวพลางหยิบถาดขนมปังยื่นส่งให้บ่าวไพร่ บรรดาบ่าวต่างเอื้อมมือมาหยิบขนมปังสีสวยเหลืองอร่ามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มันจะมีเรือนไหน ตำหนักใดบ้าง ที่ผู้เป็นนายจะทำขนมให้บ่าวกิน พวกบ่าวนำไปกัดเข้าปากเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย ต่างซาบซึ้งใจในความเอื้อเฟื้อไม่ถือตนของพระชายา นางหยิบขนมปังอบจำนวนมากใส่ตะกร้าอีกสามตะกร้า ให้สาวใช้หิ้วตามไป ร่างระหงเดินตรงไปยังกลุ่มบ่าวชายชั้นต่ำสุดผู้มีหน้าที่หาบเทถังอาจม พวกเขายืนอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ไม่กล้าเข้ามาใกล้ นางเดินตรงไป บ่าวชายเกือบยี่สิบคนต่างรีบนั่งลงก้มหน้าตัวสั่นเทา นางรับตะกร้าจากสาวใช้มายื่นส่งให้บ่าวชาย พวกเขารับขนมไปพลันเอื้อมมือมาแย่งขนมชั้นดีในตะกร้ากินกันอย่างถ้วนหน้า นางมองดูด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข พลันเอ่ยขึ้น “ต่อไปพวกเจ้าไม่ต้องเทถังอาจมอีกต่อไป” บ่าวชายเหล่านั้นถึงกับหยุดกึก บางคนชะงักค้างน้ำตาคลอ ชายคนหนึ่งเอ่ยกับนาง “พระชายา จะไล่พวกข้าไปจากตำหนักนี้หรือขอรับ” เขาก้มหน้าเศร้า ทุกคนก้มหน้าเศร้า มือบีบก้อนขนมแน่น “เปล่า งานพวกนั้นข้าเห็นว่าหาได้มีประโยชน์อันใด ต่อไปพวกเจ้าจะได้ไปช่วยงานในร้านของข้าในตัวเมือง ข้าจะให้เบี้ยพวกเจ้าเป็นรายเดือน และให้เบี้ยเพิ่มหากผู้ใดทำงานได้ขยันถูกใจข้า” บ่าวชายเงยหน้าขึ้นมองนางดั่งเด็กยากไร้มองแม่ชีเทเรซ่า พวกเขาถึงขั้นร่ำไห้ออกมาทั้งที่ขนมยังคาปาก บ่าวไพร่ที่ซื้อขาดในแคว้นนี้เรียกว่าทาส ไม่มีสิทธิ์รับเงินเบี้ยหวัดใด ๆ ได้รับเพียงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่พักพิงเท่านั้น เป็นชนชั้นต่ำสุดที่คอยรองมือรองเท้าผู้เป็นนาย แม้แต่บ่าวไพร่ด้วยกันยังดูถูก ไม่นึกว่าชีวิตของพวกตนจะได้รับโอกาสเช่นนี้ พวกเขาถึงขนาดกับจุกแน่นในอก “แล้วผู้ใดจะเทถังอาจมเล่าขอรับ” “พวกเจ้ารีบกินให้มากๆ วันนี้ต้องใช้แรง แล้วตามข้ามา ข้ามีโถเก็บอาจมแบบที่พวกเจ้าคาดไม่ถึงเชียว อย่าชักช้า แล้วไปรอข้าที่ลานข้างตำหนัก” นางกล่าวอย่างอารมณ์ดี บ่าวชายชั้นต่ำต่างกินขนมด้วยสีหน้าเบิกบานสุดชีวิต เป็นวันที่พวกเขามีความสุขที่สุดตั้งแต่ได้เกิดมาก็ว่าได้ หลุนเหอจิ้งให้สาวใช้ถือเถาใส่สำรับมายืนรอสวามีสุดหล่อถึงหน้าตำหนัก แววตาระริกระรี้ราวกับเด็กม.ต้น รอยื่นช็อกโกแล็ตให้รุ่นพี่ประธานนักเรียนในวันวาเลนไทน์ แม่ทัพใหญ่อยู่บนหลังม้ากำลังจะไปที่ค่ายทัพกับองครักษ์อีก สองนาย พร้อมทหารอีกประมาณสิบคน ร่างกำยำใต้อาภรณ์ชุดสีดำสลับเทา เป็นชุดทหารอย่างไม่เป็นทางการนัก มีเพียงเกราะเหล็กอ่อนสีเทารมดำด้านหน้ากับปลอกแขนยาวเกือบถึงข้อศอก เขาหันมามอง สบตากับพระชายา สตรีตัวเล็กไม่หลบสายตา มองเขากลับอย่างยั่วเย้า เขายิ้มอ่อนโยนให้ พร้อมขยิบตาให้นางทีหนึ่ง โอ๊ย!!!!!!!!! father mother brother sister ใครก็ได้ช่วยด้วย หล่อฟาดระเนระนาดอะไรปานนี้ น้ำเดินจนเต็มมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว นางได้แต่คิดในใจ นางยอบกายคารวะอย่างอ่อนช้อย ช้อนตามองเขา ทำหน้าแบบลูกแมวน้อยอ้อนทาสแมว “ข้าเตรียมสำรับเที่ยงให้ท่านพี่เจ้าค่ะ” “ต่อไปอย่าได้ลำบาก แค่เพียงเจ้าห่วง พี่ก็ดีใจมากแล้ว” เขาเอ่ยตอบเสียงอ่อนโยน ตัวเขายังนั่งบนหลังม้า รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ หลี่เว่ยกับหลี่เจี๋ย องครักษ์คู่ใจได้แต่ทำหน้ากระอักกระอ่วนที่เห็นจวิ้นอ๋องแม่ทัพใหญ่อ่อนระทวย พวกเขายื่นมือไปรับเถาสำรับไปให้ทหารด้านหลังถือต่อ “พวกเจ้าล่วงหน้าไปก่อน” เขาหันไปสั่งทหารและองครักษ์ เขาหันมายิ้มอ่อนให้นาง หลุบตามองหน้างามอย่างมีความสุข เขากระตุกบังเ**ยนม้ากำลังจะจากไป เสียงหวานเอ่ยขึ้นทันที “ท่านพี่ลืม” “ลืมอันใดเล่า” เขาหันมาถาม “ก้มหน้าลงมาก่อนเจ้าค่ะ” นางบอกเขา เหยียนจื่อหยา โน้มตัวลงมาสุดตัวเพื่อรอฟังคำชายารักของตน ‘จุ๊บ’ เสียงจูบเบาๆ บนริมฝีปากหยักนั้น เขาหน้าแดงวาบ หัวใจเต้นโครมคราม "ท่านลืมจูบข้า" วิญญาณสาวใหญ่ในร่างสาวน้อยกล่าวด้วยเสียงอ่อนต่อโลก สาวใช้สองสามคนที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับตะลึง ตึง! ตึง! “พรุ่งนี้วันหยุดท่านพี่ ทานอาหารมากๆ ต้องอยู่กับข้าทั้งวัน ท่านต้องใช้แรงมากทีเดียว” “พี่จะเตรียมตัวรอตั้งแต่คืนนี้เลยเป็นอย่างไร” เขากล่าวพลางทำสายตาลามกใส่นาง “ท่านพี่ต้องได้ใช้แรงแน่นอนเจ้าค่ะ ตั้งแต่รุ่งเช้าจนฟ้ามืด” นางกล่าวยั่วเย้า “ข้าจะตั้งตารอ” แม่ทัพใหญ่ควบม้าไปค่ายด้วยใจเบิกบาน แทบอยากจะร้องเพลงไปจนสุดทาง นางอันเป็นที่รักกล่าวถึงวันหยุด + อยู่กับนาง + ใช้แรง จะเป็นอันใดได้กันเล่า นอกจากนางชวนเขา ‘เข้าหอ’ ยิ่งคิดถึงชุดนอนของนางแล้วด้วย เขายิ่งอยากให้ถึงวันรุ่งขึ้นเร็ว ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม