เหยียนจื่อหยาชะงักค้างประหลาดใจกับท่าทีของนาง เขาเริ่มสงสัยว่าปีศาจตนใดมาสิงสู่ร่างนางรึไม่ นางตายไปเกือบสี่วัน แม้เขาจะดีใจนักที่นางยอมให้ใกล้ชิด แต่สิ่งที่นางแสดงออกนั้นกลับเหมือนไม่ใช่นาง
“ยังมีเวลาอีกมากนัก จิ้งเออร์ที่เจ้าจะกินข้า ข้าเพียงอยากให้เจ้าพักผ่อนก่อนเท่านั้น”
“ท่านพี่ ท่านไม่รักข้า” หน้างามงอง้ำเหมือนลูกแมวโดนขัดใจ ตีน้ำเพียะๆ
อีกครั้งที่นางเรียกเขาด้วยสรรพนามที่ไม่เคยเรียกมาก่อน ร่างสูงประหลาดใจ เขาจูบลงบนหน้าผากมนแรงๆ
“ข้ารักเจ้านัก รีบแต่งตัวเถิด ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้ารู้ข่าวเจ้าฟื้นคืนชีพแล้วจากม้าเร็วที่พี่ส่งไปแจ้ง คงแห่มากันในเวลามินานนี้” เขารวบตัวนางขึ้นจากน้ำ หน้าเขาร้อนผ่าวไปหมด รีบพันผ้าให้นางและเรียกสาวใช้เข้ามาปรนนิบัติชายาตน ส่วนเขาหลบไปเปลี่ยนชุดหลังฉากกั้นอย่างรวดเร็ว
ไม่นานด้านนอกมีเสียงรถม้าพร้อมเสียงแตกตื่นโวยวายของท่านพ่อและท่านแม่ และพี่ชายทั้งสองของนางที่เพิ่งเดินทางมาถึง จวนของบิดานางห่างจาก ตำหนักจวิ้นอ๋องเพียงเดินทางหนึ่งชั่วยามเท่านั้น เมื่อรถม้ามาถึง ความโกลาหลก็เกิดขึ้น มีทั้งเสียงร้องไห้และหัวเราะดังเข้ามาใกล้ๆ
หลุนเหอจิ้งแต่งกายเรียบง่ายออกมาต้อนรับบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองของนาง ตรงหน้ามีบิดา มารดาของนางและหญิงสาวอีกสองคนที่หน้าเหมือนมารดานางราวกับพิมพ์เดียวกัน และพี่ชายทั้งสองของนางยืนอยู่ ทั้งหมดร่ำไห้ออกมาด้วยความดีใจยิ่งนัก
“จิ้งเออร์ลูกพ่อ เจ้าฟื้นแล้ว” บิดากอดนางแนบอกตัวสั่นเทา มารดาฝาแฝดทั้งสามนั้นเข้ามารุมกอดนางพร้อมพี่ชายนางอีกสองคนมองดูคล้ายลูกบอลก้อนใหญ่
ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมหลั่งไหลเข้ามาราวกับภาพยนต์ บิดานางอุปราชหลุนหยงเยี่ยน แต่งงานกับมารดานางและพี่น้องฝาแฝดอีกสองคนพร้อมกัน มีภรรยาสามคน มารดานางเป็นฮูหยินเอก ส่วนแฝดน้องทั้งสองนั้นเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม จริงๆ แล้วก็คือ ฮูหยินเอกทั้งสามคนนั่นแหละ พี่ชายของนางคนโตคือ หลุนซ่งเหวินตำแหน่งรองแม่ทัพ กองธงเพลิง ทิศประจิม ทัพย่อยใต้บัญชาการของสวามีนาง เขาเกิดก่อนนางห้าปี และหลุนหยางซื่อ เกิดก่อนนางสี่ปี เป็นหัวหน้ากองการคลังดูแลหัวเมืองเหนือ ส่วนนางเป็นน้องสาวคนเดียวของตระกูลหลุน เป็นแก้วตาดวงใจของบุรุษทั้งสาม
“ท่านพ่อ ท่านแม่ทั้งสาม พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าฟื้นแล้วเจ้าค่ะ ข้าสบายดี” มารดาทั้งสามจับนางหมุนไปมา เปลี่ยนกันกอดหอมนางจนเวียนหัวไปหมด หลุนเหอจิ้งน้ำตารินไหลอย่างห้ามไม่อยู่ ความอบอุ่นจากครอบครัวที่นางไม่เคยสัมผัสนั้นอุ่นวาบไปถึงหัวใจ ชาติที่แล้วพ่อแม่ตายตั้งแต่เด็ก ยังดีที่เหลือทรัพย์สินไว้ให้บ้างเล็กน้อย อาศัยอยู่กับญาติ ปากกัดตีนถีบส่งเสียตัวเองเรียนจนได้ดีทุกวิถีทาง นางร้องไห้ราวเด็กเล็ก อย่างไม่อายสายตาใคร ตอนนี้นางมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว อลิซ แลงค์ในร่างหลุนเหอจิ้ง ร้องไห้จนตัวสั่น ครอบครัวนางผลัดกันปลอบนางจนวุ่นวายไปหมด ภาพนั้นมีแต่ความสุข น้ำตา และเสียงหัวเราะ นางดีใจราวกับตนเองฝันไป ‘อ้อมอกของครอบครัว’ ช่างอบอุ่นเหลือเกิน
ร่างสูงมองภาพนั้นพลันโล่งใจ นางยังคงเป็นคนเดิม ออดอ้อนท่านพ่อท่านแม่และครอบครัวนางเช่นเดิม นางคือจิ้งเออร์ของเขาแน่แล้ว แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ที่นางทำตัวแปลกไป นางยังจำได้ทุกสิ่ง ท่าทางราวลูกแมวน้อยในอ้อมอกบิดานั้นเขาคุ้นชินมาเสียหลายปี เขายกยิ้มขึ้น
“จิ้งเออร์ พักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้ข้าจะส่งรถม้าไปรับครอบครัวมาเยี่ยมเจ้าแต่เช้า จวนท่านพ่อเจ้า ห่างจากตำหนักเราเพียงหนึ่งชั่วยาม ข้าส่งรถม้าไปรับครอบครัวเจ้ามาทุกวันก็ย่อมได้ หรือทุกท่านอยากพักที่ตำหนักข้าก็ตามแต่ใจพวกท่าน” จวิ้นอ๋องหันไปคาราวะท่านพ่อตาและท่านแม่ทั้งสาม พี่ชายของนางคาราวะจวิ้นอ๋องเช่นกัน
“ข้าว่าพวกเราพักที่นี่เถิด นี่ก็ยามไฮ่แล้ว เดินทางไปๆ มาๆ ท่านพ่อท่านแม่จะเหนื่อยเอาได้” หลุนซ่งเหวิน เอ่ยขึ้น
“ดียิ่ง ข้าอยากอยู่กับน้องเล็กก่อนสัก 2-3 วัน รบกวนจวิ้นอ๋องแล้ว” หลุนหยางซื่อพูดพลางเดินเข้าไปลูบผมนางเบาๆ
เหยียนจื่อหยามองแวบหนึ่ง เขาไม่พอใจที่พี่ชายทั้งสองของนางชอบทำตัวใกล้ชิดชายาเขาเกินเหตุ แต่ทำกระไรได้ นางเป็นดั่งไข่มุกบนฝ่ามือของบิดาและพี่ชายทั้งสองมาตั้งแต่เกิด
เขาบอกบ่าวไพร่ในตำหนักจัดห้องรับรองให้กับครอบครัวของนาง ตำหนักแห่งนี้มีเรือนพักมากมาย พร้อมกำชับให้ดูแลครอบครัวนางอย่างดี
“เจ้ารู้สึกเป็นเช่นไร ข้าตามหมอประจำตำหนักมาตรวจเจ้าก่อนดีรึไม่” เขาหันไปถามผู้เป็นชายาตน
“ขอบพระทัยท่านพี่เพคะ หม่อมชั้นสบายดี หม่อมชั้นเหนื่อยอยากพักผ่อนเพคะ” นางเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนแอ๊บแบ๊ว กล่าวขอบคุณสวามี ต่อหน้าครอบครัวนาง
“เช่นนั้นข้าก็ไม่ฝืนใจ กลับไปพักผ่อนเถิด ดึกมากแล้ว เจ้าควรพักผ่อนมากๆ”
“เพคะสวามี” นางทำท่าอ่อนแรง หันไปกล่าวกับครอบครัว “พวกท่านเชิญพักผ่อนที่เรือนรับรองก่อนเถิด รุ่งเช้าข้าจะไปรับสำรับกับพวกท่านที่เรือนเจ้าค่ะ”
“เชิญพวกท่านพักผ่อนก่อน” เขากล่าวกับครอบครัวนาง เขาให้บ่าวไพร่นำไปยังเรือนพัก
หลุนเหอจิ้งเดินลิ่วกลับเข้าห้องนอนในตำหนักจวิ้นอ๋อง ทำผู้เป็นสวามีตาโต อึ้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมา ทำไมน่ะเหรอ ก็นาง ‘ไม่เคย’ มาค้างที่ตำหนักเขาเลยซักครั้งตั้งแต่อภิเษกกันมา! เหยียนจื่อหยาถอนหายใจเบาๆ รีบก้าวตามนางเข้าตำหนักของตนไป