“อย่าขอในสิ่งที่ผมให้ไม่ได้เลยครับ” ดลวัฒน์ว่าแล้วลุกขึ้นเดินห่างออกไป ทิ้งให้จารวียืนไหล่ตก รู้สึกเหนื่อยใจกับคนที่ดื้อแพ่งเหลือคณนา
เมื่อไหร่กันนะ ลูกชายของเธอจะให้อภัยพี่ชายได้เสียที
เมื่อไหร่สองคนนี้จะกลับมารักกันเหมือนเช่นตอนเด็กๆ
“เจ้าดลมาแล้วหรือครับ”
“จ้ะ”
ดิษฐากรรู้ดีว่าน้องชายมองตนแบบใด แต่เป็นเขาเองที่รักษาสัญญาไม่ได้ แถมยังทำให้ผู้มีบุญคุณเจ็บตัว จนทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดมาถึงทุกวันนี้ “ผมขอไปเรือนเล็กนะครับ ถ้าน้องไม่...”
“มากินข้าวพร้อมหน้ากันเถอะตาดิษ”
ดิษฐากรเงียบไปอึดใจหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตอบรับ
“ครับ” ด้วยไม่อยากทำให้ผู้มีพระคุณคนนี้ลำบากใจ ที่ผ่านมาท่านพยายามทำหน้าที่เป็นกาวประสานรอยร้าวระหว่างเขาและน้องชายมาตลอดหลายปี
เขาเองในเวลานี้ยอมรับว่าใจมันถดถอยไปมาก แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม
หนึ่งทุ่มตรง ทุกคนก็มาพร้อมกันที่โต๊ะไม้สไตล์ลอฟต์ โดยมีคนอายุมากสุดนั่งหัวโต๊ะ ด้านขวาเป็นดลวัฒน์และภรรยา ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามคือดิษฐากร ซึ่งเป็นผู้ที่ช่วยตกแต่งให้บ้านหลังนี้ออกมาแบบลงตัว
อาหารจำนวนสี่อย่างถูกวางไว้บนโต๊ะ ล้วนเป็นของโปรดของทุกคน
“กินนี่สิตาดล ผัดเต้าหู้พริกไทยอ่อน ของชอบเรา” จารวีตักผัดเต้าหู้ให้กับลูกชายและไม่ลืมตักให้ลูกสะใภ้ด้วยเช่นกัน
“ส่วนตาดิษ นี่แกงส้มปลาช่อน” ที่จริงพี่น้องคู่นี้ก็ชอบกินอะไรเหมือนกัน ตอนเล็กๆ ไม่ว่าคนพี่จะกินอะไร น้องชายก็ชอบกินตามไปด้วย เหมือนมีพี่ชายเป็นไอดอล ทว่าตอนนี้กลับเกลียดจนไม่มองหน้า และดลวัฒน์ก็ไม่เคยกินอะไรตามพี่ชายอีกเลย
ดิษฐากรนั้นอายุมากกว่าดลวัฒน์สองปี เจ้าตัวเกิดจากความไม่ตั้งใจของสามีเธอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ในตอนแรกเธอคิดว่ามันคือความผิดพลาดจากความเมาของคนทั้งคู่
แต่กลับไม่ใช่
วนาลี แม่บังเกิดเกล้าของดิษฐากรวางแผนไว้ทุกอย่าง และสุดท้ายเจ้าหล่อนก็พาตัวเองมาอยู่ร่วมชายคากับเธอจนได้ โดยขู่ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปโพนทะนา ซึ่งมันจะกระทบกับชื่อเสียงของโรงพยาบาลในวงกว้างอย่างแน่นอน
แถมยังขู่ว่าจะทำแท้ง สามีของเธอจึงไม่มีทางเลือก
จารวีเองก็ไม่ใช่คนใจดำที่จะปล่อยให้เด็กไม่ได้เกิดมา
“คุณแม่ก็ทานด้วยสิครับ” ดิษฐากรตักอาหารให้มารดาบ้าง เขาคอยเอาใจใส่อีกฝ่ายมาตลอด เพราะอยากจะตอบแทนบุญคุณและชดเชยความรู้สึกผิดที่ฝังลึกในใจ
“อร่อยไหมดิษ”
“ครับ”
ก่อนจารวีจะลอบถอนหายใจ เพราะเธอพยายามเปิดหัวข้อสนทนาให้สองพี่น้องได้คุยกัน แต่ก็มีเพียงผู้เป็นพี่เท่านั้นที่เปิดปาก
ส่วนลูกชายในไส้ของเธอนั้นเอาแต่นิ่งเงียบ ลูกสะใภ้เองก็ดูเงียบไปเหมือนกัน แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่กลับดูฝืนๆ
“งานช่วงนี้เป็นไงบ้างตาดิษ ยังหนักเหมือนเดิมไหม” จารวีเอ่ยถามดิษฐากร ส่วนดลวัฒน์เธอรู้ความเคลื่อนไหวตลอดทั้งจากธิตาและสิรินดา
“ไม่แล้วครับ” ดิษฐากรพูดปดด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง ที่จริงแล้วงานยังไม่เบาบางลง เพราะรับส่วนของน้องชายมาช่วยทำ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้
“แล้วเมื่อไหร่จะหาแฟนล่ะลูก ไม่มีคนถูกใจเลยหรือ” คนสูงวัยคิดว่าหากลูกชายคนนี้มีแฟนคงจะพาให้หลุดจากความเศร้าที่เกาะกินใจได้ แถมรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่กล้ามีความสุข เพราะความรู้สึกผิดฝังลึกในใจ
“ผมยังอยากทำงานมากกว่าครับ”
ฟากดลวัฒน์เหยียดยิ้มกับคำตอบนี้ ด้วยรู้ถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายยังไม่ยอมมีใคร ก็คนที่อีกฝ่ายชอบนั่งอยู่ข้างเขาในฐานะภรรยาของเขาแล้วอย่างไรล่ะ
“หาสักคนได้แล้ว แม่อยากอุ้มหลาน”
“ครับ”
“ดลกับหนูไจ๋ก็ด้วยนะ”
ดลวัฒน์ไม่ตอบ ส่วนลูกสะใภ้ยิ้มขมๆ กลับมา