เด็กเจ้าพ่อ 3 | วันนี้โลกใจดีด้วยแล้ว…

1441 คำ
นาเนียร์กลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ ร่างบางถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวที่เปื้อนเล็กน้อยไว้หน้าบ้าน ก่อนจะเดินเท้าเปล่าที่สวมใส่ถุงเท้าเข้าไปข้างใน และสิ่งที่เธอกังวลมาโดยตลอดทางกลับบ้านก็เกิดขึ้น “ทำไมวันนี้มึงถึงกลับบ้านเร็ว” วรรณียืนกอดอกมองนาเนียร์อย่างจับผิด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำใจก่อนถึงบ้านแล้วว่าจะบอกป้าเรื่องไม่ได้ทำงานร้านอาหาร ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไงเธอพอเดาได้อยู่บ้าง “หนู…หนูไม่ได้ทำงานที่ร้านเจ้าสัวแล้วนะป้า” “อะไรนะ?” สิ่งที่นาเนียร์พูดออกมาทำให้วรรณีเลิกคิ้วขึ้นสูง หัวใจเต้นรัวเพราะโทสะกำลังทำงาน คนเป็นป้าเดินเข้าไปใกล้หลานสาวที่ไม่ยอมมองหน้าและถอยออกห่างตามสัญชาตญาณ “เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะนาเนียร์” “ป้า…” เธอเรียกป้าเสียงแผ่ว เมื่อเห็นป้าเดินไปหยิบไม้เรียวที่เคยชอบใช้ตีเธอเป็นประจำมา เสียงฟาดกลางอากาศทำให้เธอรู้สึกเจ็บรอทั้งที่มันยังไม่ต้องปะทะลงผิวกาย “มึงไม่ได้ทำงานกับเจ้าสัวแล้ว หมายความว่ายังไง” “เมียเจ้าสัวบอกว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทางร้านเลยมีนโยบายลดจำนวนพนักงานลง เมียเจ้าสัวเลยเลือกปลดหนูออกจากการเป็นพนักงาน” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเพราะกลัวโดนป้าตี ลึกๆ เธอก็แอบหวังว่าป้าจะเข้าใจ แต่กลัวป้าเข้าใจเป็นอย่างอื่นมากกว่าเนี่ยสิ… “ร้านเจ้าสัวออกจะขายดิบขายดีขนาดนั้น ไม่มีหรอกเศรษฐกิจไม่ดี มึงโกหกกูใช่ไหมห๊ะ! ไม่ใช่ที่เมียเขาไล่มึงออก มึงไปอ่อยผัวเขาหรอกนะ!” วรรณีไม่พูดเปล่า เริ่มใช้ไม้เรียวฟาดเข้าที่ขานาเนียร์จนเป็นรอยแดง “โอ๊ยป้า! หนูเจ็บ” เธอพยายามวิ่งหนีแต่กลับโดนป้าจับแขนเอาไว้แล้วตีซ้ำๆ เจ็บจนร้องไห้ “ป้าหนูเจ็บฮึก พะ…พอแล้วป้า” “กูบอกมึงแล้วใช่ไหมให้ทำงานหาเงินมาให้กู! ไม่ใช่ไปอ่อยผัวเขาจนเขาไล่มึงออก ต่อไปนี้มึงจะเอาเงินที่ไหนมาให้กูห๊ะ!!” “เดี๋ยวหนูหางานใหม่นะป้าฮือ~” “แม่!!” เสียงทีมดังขึ้น เด็กหนุ่มพุ่งเข้าไปช่วยนาเนียร์จนพลอยโดนลูกหลง จึงทำให้คนเป็นแม่ยอมหยุด ใบหน้าของวรรณีแดงก่ำด้วยความโกรธปนพิษสุราที่ดื่มเข้าไป “แม่ตีพี่เนียร์อีกแล้วนะ” “หลีกไปทีม แม่จะสั่งสอนมันให้หลาบจำ กูให้มึงไปทำงานไม่ใช่ไปอ่อยผัวเขาอีเนียร์!” ประโยคหลังวรรณียกมือข้างที่ถือไม้เรียวชี้หน้าว่านาเนียร์จนเสียงหลง “พอได้แล้วแม่ อายข้างบ้านเขาหน่อย” “ไม่อาย! ถ้ามันไม่ทำงานแล้วเราจะเอาอะไรกินทีม ไหนจะค่าเทอมแกอีก” “แม่ก็ไปทำงานบ้างสิ ทำไมต้องให้พี่เนียร์ทำงานงกๆ อยู่คนเดียวด้วย ส่วนค่าเทอมทีมทำพาร์ทไทม์เอาก็ได้ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนคนอื่นให้ทำงานหาเงินให้ใช้เลย” “ไม่ได้! มันมาอาศัยบ้านเราอยู่ มันก็ต้องทำงานหาเงินให้เราสิทีม” “ทำไมตรรกะแม่แปลกอย่างนี้ ที่ผ่านมาพ่อแม่พี่เนียร์ให้เงินเรามาตั้งเท่าไร แต่แม่ก็เอาไปเล่นการพนัน ไปกินเหล้า เลี้ยงเพื่อนแม่จนหมด พอพ่อแม่พี่เนียร์ตายก็ไล่พี่เขาไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง ทีมว่าแม่ทำเกินไปว่ะ” วรรณีเถียงไม่ออก คนเดียวที่ทำให้วรรณียอมได้มีแค่ลูกชายเท่านั้น วรรณีรักพ่อทีมมาก แต่เลิกรากันไปนานแล้วเพราะวรรณีทำตัวเองล้วนๆ อีกอย่างทีมคล้ายสามีหลายอย่างทั้งหน้าตาและนิสัย นั่นเลยทำให้ตัวเองกลัวเสียลูกชายไปอีกคน วรรณีกำไม้เรียวแน่นจนสั่น ก่อนจะทิ้งลงพื้นอย่างฝืนใจ “มึงรีบไปหางานทำเลยนะอีเนียร์ อีกสามวันถ้ามึงยังไม่ได้งาน กูจะส่งมึงไปทำงานที่บาร์ฝรั่ง” วรรณีทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไปด้วยอารมณ์โกรธเต็มพิกัด นาเนียร์ยืนร้องไห้ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยจากไม้เรียวและความเจ็บปวดจนหยุดร้องไห้ไม่ได้ ทีมพานาเนียร์ไปทายาเหมือนทุกครั้ง “เจ็บไหมพี่เนียร์” “จะ…เจ็บ” ทีมมองนาเนียร์ด้วยความสงสาร นิ้วเรียวยาวบรรจงทายาบนรอยไม้เรียวที่แม่ตัวเองใช้ตีอย่างไม่ออมแรง ทุกการสัมผัสลงบาดแผลทำให้เจ้าของร่างกายพลันสะดุ้งตามด้วยความแสบ “รอบนี้มีเลือดออกด้วย” ทีมพูดเสียงสั่น สายตามองแผลบนขานาเนียร์ ถึงไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันออกมาจากแม่คนเดียวกัน แต่เขาก็รักนาเนียร์ไม่ต่างจากพี่สาวแท้ๆ พ่อแม่นาเนียร์ดีกับเขามากเหลือเกิน บุญคุณของทั้งสองเขาไม่เคยลืมเลย เขาคอยปกป้องนาเนียร์เท่าที่คนๆ นึงจะทำได้ “พี่อยากไปจากที่นี่” “เป็นผมก็อยากไปเหมือนกัน” “ฮึก ป้าไม่เคยเชื่อพี่เลย” “แต่ผมเชื่อพี่เสมอนะ” นาเนียร์มองทีมทั้งน้ำตา ยังคงยืนยันคำตอบเดิม คนเดียวในบ้านหลังนี้ที่ดีกับเธอก็คือทีม “ทีมก็โดนเหมือนกัน เจ็บไหม ทาให้ตัวเองบ้าง” “แค่นี้จิบๆ” ทีมตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “มาเดี๋ยวพี่ทาให้” เธอแย่งยาจากมือทีมมา ก่อนจะทาให้ทีมอย่างระวังเพราะกลัวน้องชายเจ็บ เมื่อไหร่โลกใบนี้จะใจดีกับเธอบ้างนะ… วันต่อมา นาเนียร์ออกมาหาสมัครงานท่ามกลางแดดที่แทบเผาให้ไหม้เกรียม วันนี้อากาศร้อนกว่าทุกวัน ร่างบางเดินเข้าร้านนั้นทีร้านนี้ที ทุกร้านต่างให้กรอกใบสมัครทิ้งเอาไว้ ซึ่งเธอก็เข้าใจว่าคงไม่ได้ทำงานเร็วๆ นี้ และอาจโดนป้าพาไปฝากให้ทำงานที่บาร์ฝรั่งก่อนอย่างที่ลั่นปากพูดเมื่อวาน “มาสมัครงานเหรอ” “อือ ให้กรอกใบสมัครทิ้งไว้” “ดูเด็กมาก อายุเท่าไร” “เห็นบอกยี่สิบ” “ดูเด็กมาก จะทำอะไรเป็นเหรอ” เสียงพนักงานร้านแห่งหนึ่งซุบซิบกันขณะที่นาเนียร์กำลังกรอกใบสมัครงานในระยะเผาขน นาเนียร์จับปากกาแน่น ก่อนจะก้มหน้าก้มตาแล้วรีบกรอกประวัติทุกอย่างให้เสร็จเพื่อออกไปจากตรงนี้ หลังจากกรอกใบสมัครเสร็จสรรพก็เดินออกมาท่ามกลางแดดจ้า ร่างบางเดินในร่มหาร้านต่อไปเพื่อเข้าไปสมัครงาน เธอปาดน้ำตาให้กับความขมขื่นของชีวิต ในเวลาเหนื่อยๆ เธอมักคิดถึงหน้าพ่อแม่ก่อนเสมอ ทำไมชีวิตเหนื่อยแบบนี้… เธอตัดพ้อกับตัวเองในใจขณะกำลังเดินไปเรื่อยๆ ไร้ทิศทาง สายตาเหลือบไปเห็นสะพานแม่น้ำก็เกิดความคิดไม่ดีเข้ามาในหัว หากตัดสินใจกระโดดลงไปตอนนี้เพื่อจบทุกอย่าง…เธอจะมีความสุขกว่านี้ไหมนะ ภาพในหัวเริ่มจินตนาการตอนกระโดดลงไปเพื่อจบทุกปัญหา ทั้งที่ในความเป็นจริงเธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม ‘ทุกปัญหามีทางออกเสมอนะลูก’ เสียงของพ่อดังแทรกเข้ามาในความคิดที่ไม่ดี เธอเบือนใบหน้าไปจากสะพานแล้วเดินหน้าต่อ พ่อแม่คงไม่อยากให้เธอทำแบบนั้น พวกท่านคงอยากเห็นเธอเดินไปข้างหน้าและประสบความสำเร็จ บางที…ความสำเร็จอาจรอเธออยู่ที่ไหนสักแห่ง แค่ยังเดินไปไม่ถึง เธอจะทำให้พวกท่านภูมิใจ… ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ของนาเนียร์ดังขึ้นในกระเป๋าสะพาย เธอหยิบมันออกมาแล้วกดรับสายเจ้าของเบอร์ที่คุ้นเคย “ขาพี่นุช” (เย็นนี้ว่างไหม พอดีคนทำความสะอาดขาดน่ะ พี่เลยอยากให้เนียร์มาช่วยชั่วคราว) “ได้สิคะพี่นุช” เธอตอบรับทันทีด้วยความดีใจ (โอเคจ้า เดี๋ยวพี่ส่งโลไปให้ในไลน์นะ) “ค่ะพี่นุช” โลกที่มืดมนค่อยๆ กลับมาสว่างอีกครั้ง เธอยกมือปาดน้ำตาออกด้วยความดีใจ วันนี้โลกใจดีกับเธอแล้ว… เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ก่อนจะเดินหน้าต่อด้วยความสุขที่เพิ่มเข้ามาเกือบเต็มหลอด อากาศที่เคยบ่นว่าร้อนตอนนี้กลับลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว เธอมีความสุขจนลืมเรื่องเลวร้ายไปหมดสิ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม