ศศินราเริ่มรู้สึกอึดอัดในสิ่งที่เป็นอยู่เหลือเกิน แต่การที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับธีย์เทพมันคงพอที่จะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้หญิงสาวอดทนอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ความสุขที่ได้มองเขาแสดงความปรารถนาในร่างกายเธอ มันยังทำให้เธอสามารถอดทนอยู่ที่นี่ต่อได้
ระหว่างที่เธอนั่งเหม่ออยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้น เมื่อเธอหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่าปลายสายคือคนที่เธอกำลังคิดถึงอยู่ หญิงสาวจึงรีบกดรับสายทันที
“สวัสดีค่ะคุณธีย์” ศศินราพยายามข่มความดีใจไม่ให้แสดงออกมาทางเสียง
[เธอทำอะไรอยู่] ปลายเสียงของชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความอาทร
“ไม่ได้ทำอะไรค่ะ ว่าแต่คุณธีย์มีอะไรหรือเปล่าคะ” ศศินราเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วชายหนุ่มไม่เคยโทรหาเธอเลยตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่กับเขา
[แต่งตัวให้พร้อมนะ อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงฉันเข้าไปรับ] ธีย์เทพสั่งหญิงสาวด้วยน้ำเสียงละมุน
“ค่ะ” ศศินราทำได้เพียงรับคำเท่านั้น เธอไม่กล้าที่จะถามว่าเขาจะพาไปที่ใด
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้ศศินราก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในรถยนต์หรูเรียบร้อยแล้ว เธอไม่รู้ชายหนุ่มจะพาเธอไป ณ ที่แห่งใด หญิงสาวได้แต่นั่งมองทางไปเรื่อยด้วยความสงสัย
และแล้วธีย์เทพก็พาหญิงสาวมาหยุดที่มูลนิธิบ้านรักเด็ก ซึ่งเป็นมูลนิธิของเด็กด้อยโอกาสที่ดูซอมซ่อเหลือเกิน เธอไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มพาเธอมาที่นี่ด้วยเหตุผลใด
“คุณธีย์พาศศิมาที่นี่ทำไมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อธีย์เทพพาเธอเดินเข้ามาด้านใน
“ฉันอยากให้เธอรู้ไว้ว่าที่เธอยอมเป็นแม่ของลูกให้ฉัน จะทำให้ฉันสามารถต่อลมหายใจของเด็กกำพร้าที่อยู่ที่นี่กว่าร้อยชีวิต” น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนโยนเหลือเกินเมื่อเขาเอ่ยถึงเด็กกำพร้า
“ทำไมล่ะค่ะ”
“ก็เพราะอีกไม่นานที่นี่กำลังจะปิดตัวลงเพราะเจ้าของเขาได้ขายที่ดินให้นายทุน และเด็กพวกนี้ก็จะไม่มีที่อยู่ แต่เธอเป็นคนทำให้ฉันได้ช่วยชีวิตเด็กพวกนี้เอาไว้” สายตาของชายหนุ่มที่มองไปที่เด็กเหล่านั้น ยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“แล้วศศิมาเกี่ยวอะไรล่ะคะ” ศศินรายังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“วันนี้เธออาจจะยังไม่รู้ ขอให้เธอรู้ไว้ว่าเธอคือคนที่ต่อลมหายใจเขาเด็กด้อยโอกาสพวกนี้”
“ถ้าคุณไม่อยากจะบอกก็ไม่เป็นไรค่ะ” ศศินราเอ่ยออกมาเสียงอ่อน ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความน้อยใจ เธอมันก็แค่คนที่เขาจ้างมาเพื่อทำลูก ถ้าวันไหนที่เธอคลอดลูก เธอคงต้องเดินจากเขาไปอย่างแน่นอน