บทที่ 1-1

1354 คำ
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น คฤหาสคาสซาโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี “ฉันจะชวนฟอซโซเข้าไปกินมื้อค่ำที่บ้าน แล้วจะให้คุณพ่อเกริ่นเรื่องแต่งงาน เธอว่าดีไหม” สิ่งที่บังเอิญได้ยินเมื่อช่วงหัวค่ำจากงานปาร์ตี้วันเกิดของสองแฝดที่เป็นทายาทของเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้อย่างฟอซโซ คาสซาโน่และฟลอเรนซา คาสซาโน่ ทำให้นีรญาไม่อาจนิ่งนอนใจได้ แม้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนเศษ และงานปาร์ตี้วันเกิดสิ้นสุดลงไปแล้วได้ราวๆ เกือบชั่วโมง แต่นีรญาก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ร่างแบบบางตัดสินใจคว้าชุดคลุมขึ้นมาสวมทับชุดนอนของตนเอง ก่อนจะขยับเท้าออกจากห้องนอนอย่างเร่งรีบ มุ่งหน้าไปทางปีกขวาของตึก หญิงสาวหยุดเท้าที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง ผ่อนลมหายใจเข้าออก ท่าทางคล้ายลังเล และก็มีท่าทางแบบนั้นอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตู ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก… เพียงไม่นานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มก็ค่อยๆ เปิดออก เผยให้ร่างของเจ้าของห้องในชุดนอนที่ดูไม่เรียบร้อยนัก เพราะกระดุมเสื้อนอนถูกกลัดเอาไว้เพียงสองเม็ดจากชายเสื้อ กล้ามเนื้อบริเวณช่วงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามส่วนหนึ่งจึงปรากฏแก่สายตาของหญิงสาว ดวงตากลมโตวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของเรือนกายสูงใหญ่ที่มีสีหน้าง่วงงุนแล้วหลุบสายตาลงต่ำ “อ้าวนีร มีอะไรหรือเปล่า” ฟอซโซขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ด้วยไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดน้องสาวบุญธรรมจึงมาเคาะห้องเขาในยามดึกดื่นเช่นนี้ ฟอซโซเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาชนิดที่หาตัวจับยาก จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากหยักลึก นัยน์ตาคมกริบเป็นสีเทาอ่อน เส้นผมตัดสั้นละต้นคอมีสีดำสนิท ผู้ชายคนนี้มีสายเลือดไทยและอิตาลีไหลเวียนอยู่ในตัว มารดาของชายหนุ่มเป็นคนไทย ส่วนบิดาของเขาเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี แม้เจ้าตัวจะไม่ได้มีผิวที่ขาวจัด หากแต่เครื่องหน้าหล่อเหลาที่ราวกับสวรรค์จงใจปั้นแต่งก็ทำให้สตรีหลายๆ คนไม่อาจละสายตาจากเขาได้ แต่ตอนนี้เขากำลังใช้สายตาคมกริบคู่นั้นมองสตรีร่างเล็กที่มาเคาะประตูเรียกเขา แต่พอเขาถามเจ้าตัวกลับหลุบสายตาลงต่ำ “นีร พี่ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า” เมื่อร่างเล็กตรงหน้าเอาแต่ก้มหน้างุด ซ้ำยังไม่ตอบในสิ่งที่เขาถาม ฟอซโซจึงต้องถามย้ำด้วยเสียงที่เข้มขึ้น คราวนี้นีรญาที่เอาแต่ก้มหน้างุดค่อยๆ แหงนเงยใบหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ดวงตากลมโตวูบไหว กลีบปากนุ่มเม้มสลับคลาย “พี่ถามว่า…” “ขอนีรเข้าไปคุยข้างในได้ไหมคะ” ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนต้องการออกไป ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น มองร่างเล็กตรงหน้าอย่างประเมิน หากแต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ แล้วเบี่ยงตัวให้หญิงสาวก้าวเข้ามาด้านใน เอื้อมดึงประตูปิด ก่อนจะขยับเท้ามากลางห้องตรงบริเวณที่นีรญายืนรออยู่ “มีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ” “คือว่า...คือ…” “อะไร” “พอดีนีรได้ยินพี่โมน่าบอกว่าจะชวนพี่ฟอซไปกินมื้อค่ำที่บ้าน แล้วจะให้คุณพ่อของพี่โมน่าเกริ่นเรื่องแต่งงาน พี่ฟอซ...จะแต่งงานกับพี่โมน่าหรือเปล่าคะ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยตอนที่ได้ยินคำถามจากปากของนีรญา นัยน์ตาสีเทาอ่อนมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่มองเขาอย่างใจจดใจจ่อคล้ายรอคอยคำตอบ “เธอบังเอิญได้ยินหรือไปแอบฟังมากันแน่” “นีรไม่ได้แอบฟังนะคะ นีรแค่บังเอิญไปได้ยินมาจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวยืนกรานปฏิเสธ เธอไม่ได้แอบฟัง แต่บังเอิญได้ยินบทสนทนาของโมนิกาที่เป็นคู่ควงคนล่าสุดของฟอซโซ กับเพื่อนสนิทของอีกฝ่ายที่ชื่อเซลาน่าพูดคุยกันต่างหาก เธอไม่ได้เจตนาจะแอบฟังเลยสักนิด “ยังไงมันก็เสียมารยาทอยู่ดี มีอะไรจะพูดกับพี่อีกไหม ถ้าหมดธุระก็กลับห้องเธอไปได้แล้ว” ฟอซโซต่อว่าหญิงสาวแล้วเอ่ยตัดบท เพราะไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่านีรญาจะไม่ยอมให้ชายหนุ่มได้ทำแบบนั้น “แต่พี่ฟอซยังไม่ได้ตอบนีรเลยนะคะว่าจะแต่งงานกับพี่โมน่าหรือเปล่า” นัยน์ตาสีเทาอ่อนดูกร้าวขึ้น มองคนตัวเล็กที่จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของตนอย่างไม่พอใจ “มันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ กลับห้องไปได้แล้ว” คราวนี้ชายหนุ่มออกปากไล่อย่างไม่ไว้หน้า พลางจ้องใบหน้าเกลี้ยงเกลาตาเขม็ง ดวงตาดุดันแข็งกร้าว ทำเอานีรญาลมหายใจสะดุดไปพักหนึ่ง หากแต่ความใคร่รู้มีอยู่เต็มเปี่ยม หญิงสาวจึงเปิดปากขอร้องอีกฝ่ายอย่างใจกล้า “พี่ฟอซอย่าแต่งงานกับพี่โมน่าเลยนะคะ” ฟอซโซพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ปกติแล้วนีรญาไม่ใช่คนดื้อด้านเช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรจะบอกอะไร หญิงสาวก็จะทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แล้วนี่เกิดบ้าอะไรขึ้นมา ธุระของตัวเองก็ไม่ใช่ “พี่จะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ กลับห้องไปได้แล้ว” คราวนี้ฟอซโซเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าเดิมมาก นีรญาหน้าเจื่อน หากแต่ก็ยังไม่ยอมถอดใจ หากเธอไม่ได้คำตอบ คืนนี้คงข่มตาให้หลับลงไม่ได้ง่ายๆ แน่ “แต่พี่ฟอซคะ” นีรญาพยายามจะค้าน แต่ชายหนุ่มไม่ยอมให้เธอได้ทำแบบนั้น “พี่บอกให้กลับห้องไป ไม่ได้ยินหรือไง” “นีรไม่กลับค่ะ พี่ฟอซต้องรับปากนีรมาก่อนว่าจะไม่แต่งงานกับพี่โมน่า” “นีรญา มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ฟอซโซตวาดลั่น นัยน์ตาสีเทาอ่อนวาววับ ดวงตาคมกริบจ้องหน้าของหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง เป็นอีกครั้งที่ลมหายใจของนีรญาติดขัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน หากแต่หญิงสาวยังดึงดันจะเอาคำตอบจากอีกฝ่ายให้ได้ “พี่ฟอซแค่รับปาก แล้วนีรจะกลับห้องทันทีค่ะ รับปากนีรสิคะ” นีรญามองคนสูงกว่าอย่างเว้าวอน เขาจะมีคู่ควงกี่คนก็ได้ แต่การที่เขาจะมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน เธอรับไม่ไหวจริงๆ “นะคะพี่ฟอซ อย่าแต่งงานเลยนะคะ ได้โปรด” หญิงสาวอ้อนวอนเขา หากแต่ตอนนี้ฟอซโซไม่มีความเมตตาให้เธออีกแล้ว ชายหนุ่มหงุดหงิดที่หญิงสาวดื้อดึง และตอนนี้ความโกรธก็แล่นเป็นริ้วๆ จนยากเกินจะระงับ “ออกไปจากห้องพี่เดี๋ยวนี้” คราวนี้ฟอซโซไม่พูดเปล่าอีกแล้ว มือหนาคว้าหมับที่ต้นแขนข้างหนึ่งของหญิงสาว ออกแรงฉุดรั้งหมายใจจะโยนอีกฝ่ายออกไปนอกห้อง แต่นีรญาดื้อดึงกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก ร่างแบบบางขืนตัวเอาไว้ และนั่นเป็นเหตุทำให้หญิงสาวเสียหลัก ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง ก่อนจะพลิกตัวรองรับร่างเล็กที่กำลังจะหงายหลังแตะพื้นเอาไว้ได้ทัน ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตากลมโตของนีรญาเบิกกว้าง ลมหายใจของหญิงสาวขาดห้วง สีหน้าตื่นตระหนก ชายหนุ่มเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกันนัก กล้ามเนื้อในอกซ้ายของทั้งคู่ต่างเต้นโครมคราม ก่อนจะเป็นฟอซโซที่ได้สติ ดันร่างเล็กที่ทาบทับอยู่บนตัวให้ออกห่าง ขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก นัยน์ตาสีเทาอ่อนสว่างวาบ มองร่างแบบบางที่นั่งไม่เป็นท่าอยู่บนพื้นพรมอย่างรังเกียจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม