เขามองดูเวลาที่ข้อมือ พร้อมกับก้าวเท้ายาวไปยังประตูหน้าคฤหาสน์
“เสร็จหรือยังวะ?”
“เสร็จแล้วครับนาย” อีธานตะโกนตอบให้กับเจ้านายที่เดินออกมาจากตัวบ้าน
รถบรรทุกที่ติดหมายเลขได้จอดเรียงรายพร้อมออกตัว
“นายไม่ใช้รถคันนี้เหรอครับ” อีธานชี้ไปทางรถตู้ที่เตรียมเอาไว้ให้ แต่นายน้อยของเขากับอยากจะขับรถสปอร์ตคู่ใจที่ใช้ในการแข่งขันที่สนามเมื่อครั้งก่อน
“กูเอาคันนี้แหละ คล่องตัวดี มึงขึ้นไปกับกู” มาร์ตินเดินมาที่รถสปอร์ตและขึ้นเป็นคนขับ
“ยังไงวะ?” ระหว่างที่อยู่ในรถกันสองคนเขาก็ใช้สรรพนามที่เรียกกันปกติ
“เรื่อง?”
“ก็ยัยถั่วงอกของมึง มึงจัดการเรียบร้อยดีมั๊ย?”
“กูยังไม่ได้ทำอะไร”
“แต่เรื่องนี้มันให้ใครรู้ไม่ได้นะเว้ย”
“อืม...กูรู้”
มาร์ตินออกรถ และขับนำหน้าขบวนรถบรรทุก โดยไม่ให้ผิดสังเกต รถบรรทุกส่งของที่ตีตราเป็นแบรนด์ส่งอาหารแช่แข็งชื่อดังขับตามกันมาอย่างปกติ
.....
Rrrrr
“ไอ้บรู๊ค...”
”อะไรของมึงวะไอ้เค”
“กูเห็นเหมือนรถคู่อริของมึงอยู่บนถนนเส้นเดียวกับเรานะ”
“ใคร?”
“มึงมีอริเยอะขนาดจำคนที่มันเอาเมียนางแบบของมึงไปไม่ได้เลยเหรอวะ?” บรู๊ครีบกดหรี่เสียงมือถือลง เพราะกลัวแฟนใหม่ที่นั่งข้างๆ จะได้ยิน
“มึงเห็นมัน”
“กูว่ามันอยู่ข้างหน้าเรานะกูจำรถมันได้...ทักทายแม่งสักหน่อยเป็นไง?”
ตอนนี้พวกเขากำลังออกตัวกันไปเข้ากิจกรรมรับน้องที่ต่างจังหวัด โดยขับรถสปอร์ตหรูตามกันมาเป็นขบวน และยังมีรถบัสของน้องวิศวะปี 1 ที่นั่งกันไปเต็มคัน
“เอาดิ”
พวกเขาโทรนัดแนะให้ขับนำขึ้นไป และไปขนาบข้างกับรถของมาร์ติน
“ไอ้เหี้ย...กูว่าเราเจอตอเข้าแล้วไง” อีธานหันมองรอบข้างที่มีรถสปอร์ตหรูขับขนาบข้าง และก็มีอีกคันที่ขับแซงขึ้นไปอยู่ด้านหน้า
“ไอ้เหี้ยบรู๊ค” มาร์ตินสบถขึ้นมาอย่างหัวเสีย
“ทำไมต้องมาเจอแม่งวันนี้ด้วยวะ?” เขามองนาฬิกาที่ข้อมือ ไม่มีเวลาที่เขาจะมาเล่นกับมัน เขาต้องรีบไปส่งของให้ทันภายในครึ่งชั่วโมงก่อนที่เรือส่งสินค้าจะออกจากท่าเรือ
“ไงมึงจะรีบไปไหนวะ...ไอ้สัส” บรู๊คลดกระจกรถลง และถามด้วยท่าทางที่กวนประสาท จนอีธานต้องขยับปืนที่เอว
“ไอ้อีธานอย่า...เดี๋ยวตำรวจแห่มาของเราจะเสียหาย”
“แม่งเว้ย!!!” อีธานหัวเสียกับเหตุการณ์ตรงหน้า ถ้าไม่ติดว่ามีของเขาจะยิงมันให้ดิ้นตรงนี้แม่งเลยจริงๆ
“ไอ้เหี้ย...แม่งลีลาว่ะ จะเอายังไงกับกูไอ้สัส” มาร์ตินลดกระจกลงตอบโต้
“ไอ้อีธานเดี๋ยวกูล่อมันไปอีกทาง มึงให้ลูกน้องเราตรงไปที่ท่าเรือเลยนะ”
มาร์ตินพยายามดึงจุดสนใจให้บรู๊คโฟกัสที่เขา และพยายามแทรกเข้าเลนขวาสุด เพื่อเปิดทางให้รถขนอาวุธของเขาเดินทางได้สะดวก
แต่เปล่าเลย รถของคู่อริของเขามันมากันหลายคัน และพยายามขับขวางอยู่เต็มถนน
“ไอ้เหี้ย...เอาไงดีวะแม่งมากันเยอะจัด”
“ลงไปดวนกับแม่งเลยไหม กูไม่ไหวแล้ว” อีธานพูดด้วยความโมโห ออกท่าทาง ฟึดฟัด
“กูคงต้องยอมเสียค่าปรับ...ดีกว่าเสียของทั้งหมด”
เอี๊ยด!!!
เขาต้องหยุดรถกะทันหัน เพราะรถคันหน้าของคู่อริขวางทางเอาไว้
“เดี๋ยวกูจะลงไปคุยกับมัน มึงสั่งลูกน้องของเรา ว่าอย่าให้ใครลงมา กูไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าพวกเราเป็นใคร”
“เออ!!!”
“มึงจะเอายังไงกับกูวะไอ้สัส...แค่เสียเมียนางแบบของมึงไปยังไม่พอ มึงอยากเสียเมียเด็กของมึงอีกคนใช่ไหม ห๊ะ!!”
มาร์ตินลงจากรถได้ก็เดินเข้าไปกระชากคอคู่อริอย่างไม่นึกกลัวสิ่งใดถึงเขาจะแสดงตัวลงมากับอีธานแค่สองคน และอีกฝั่งก็มาเป็นโขยง
“มึงพูดอะไรของมึง” บรู๊คผลักมาร์ตินออกและถามอย่างสงสัย เมียเด็กอะไรของมัน ทั้งที่แฟนใหม่ของเขาที่เป็นดาวคณะยังนั่งอยู่ในรถสปอร์ตคันเดียวกับที่เขาขับมา
“มึงนี่ชักจะเพี้ยนใหญ่แล้วนะ ไอ้สัส...กูแค่จะมาทักทายมึงก็เท่านั้นที่แดกของเหลือจากกู”
“ไอ้สัส...มึงรีบไปไกลๆ ตีนกูเลยไอ้ฟาย”
“โอกาสหน้าเจอกันใหม่ไอ้สัส” บรู๊คเดินยกไหล่โยกตัวกับไปที่รถอย่างกวนประสาท วันนี้เขาไม่อยากปะทะ เพราะต้องเข้ากิจกรรมรับน้อง และอีกอย่างตอนนี้รถก็ติดยาว เสียงบีบแตรก็ดังลั่นถนน
“ไอ้เหี้ย...มันมาแค่นี้เหรอ เสียเวลาฉิบ!!!”
รถบรรทุกอาวุธเถื่อนมายังไม่ถึงครึ่งทาง และตอนนี้เหลือเวลาอีก 10 นาทีที่เรือสินค้ากำลังจะออกจากท่า เขาไปไม่ทันเวลาแน่ๆ
ปรัก!!! มาร์ตินเตะเข้าไปที่ล้อรถอย่างแรง
“แม่งเอ๊ย”
เขายกหูหาปีเตอร์คู่ค้าของเขา และยอมที่จะเสียค่าปรับที่ส่งของไม่ทันเวลามูลค่าสูงนับร้อยล้านบาท
ความผิดส่วนหนึ่งก็มาจากเขาเองที่ไม่ยอมเชื่ออีธานให้เอารถตู้ออก เขาเอารถคันนี้ออกมาเอง และมันก็ทำให้คู่อริของเขาอย่างไอ้บรู๊คจำได้
มาร์ตินสั่งให้ลูกน้องเอาอาวุธกลับไปเก็บที่คฤหาสน์ส่วนเขาก็ตรงไปที่คลับ เพื่อหาอะไรผ่อนคลาย
.....
“อาริสล่ะเติ้ล?” ทั้งสองสาวที่นั่งอยู่ประสานเสียงกันถาม ที่ไม่เห็นเพื่อนรักกับมา แถมเติ้ลก็วิ่งมาหาพวกเธออย่างหน้าตาตื่น
“เครื่องของอาริสตก”
“ห๊ะ!!! นายว่าอะไรนะ?” ทั้งสองมองเติ้ลอย่างตกใจสุดขีด พรางหน้าเสียกันทั้งสองคน
“พวกเธอตั้งสติก่อนนะ เราว่าอาริสคงไม่เป็นอะไร มันมีชุดเซฟตี้อย่างดี”
เติ้ลพยายามพูดปลอบใจทั้งสองสาว เรียกสติของพวกเธอกลับมา
“ไปขึ้นรถ...”
เติ้ลเดินไปที่รถของตัวเอง และขับตามรถของครูฝึกที่ขับนำทาง
เขาดูพิกัดจุดที่อาริสตก และนำรถไปจอดเดินเท้าเข้าไปหาบริเวณนั้น แต่เศษของเครื่องร่อนก็ถูกลูกน้องของมาเฟียหนุ่มเก็บกวาดไปเรียบร้อยอย่างไม่เหลือซาก
เขาเดินดูที่ทุ่งกว้าง และก็พยายามเข้ามาสอบถามที่คฤหาสน์หลังใหญ่ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากลูกน้องของเขา
“เติ้ล...ทำยังไงดีล่ะ เราต้องหาอาริสให้เจอนะ ฉันกลัวพี่บรู๊คจะโทรมาตาม ฉันไม่รู้จะบอกยังไงกับเขาดี” โรสพูดออกมาเหมือนทำท่าจะร้องไห้
“ฉันเป็นห่วงอาริสมัน มันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ลูน่าพูดมาอีกคน
“ครูครับ....เราจะหาอาริสได้จากตรงไหนอีกครับ”
“เท่าที่สำรวจดูมันก็มีบริเวณนี้แหละครับที่คุณอาริสตกลงมา แต่ผมก็แปลกใจที่เราไม่เจอแม้นแต่เครื่องร่อนของคุณอาริสเลย”
“เติ้ลยังไงเราก็ต้องหาอาริสให้เจอนะ ก่อนที่พี่บรู๊คจะกลับมาจากรับน้องต่างจังหวัด”
พวกเขาและครูฝึกเสาะหาอาริสอยู่แถวๆ นั้น นานนับชั่วโมง แต่ก็ไม่มีวี่แววที่จะเจอตัวเธอ
ตอนนี้แสงของพระอาทิตย์เริ่มหมดลง พวกเขาจำเป็นต้องยุติการค้นหา
“พวกคุณกลับไปพักก่อนเถอะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะค้นหาดูใหม่ถ้าเจอความคืบหน้ายังไงผมจะโทรไปแจ้งนะครับ”
เขาทั้งสามขับรถออกมาจากสนามด้วยใจคอที่ห่อเหี่ยว ในรถไม่มีการสนธนาอะไรกันเกิดขึ้น พวกเขาเอาแต่เงียบจนเสียงมือถือในกระเป๋าอาริสดังขึ้นจนโรสถึงขั้นสะดุ้ง
“ลูน่า...ฉันว่าพี่บรู๊คต้องโทรมาแน่เลย”
“แกก็รับสิ...”
“ไม่เอาแกรับเถอะ...”
“ฉันไม่กล้า”
“รับไปเถอะครับบอกว่าอาริสอาบน้ำอยู่หรืออะไรไปก่อนก็ได้ พี่เขาคงโทรมาเช็คเฉยๆ ว่าอาริสถึงบ้านหรือยังบอกไปแบบนั้นก่อน” เติ้ลพยายามหาวิธีพูด เพื่อให้ทุกคนรอด ยังไงเขาก็พยายามจะหาอาริสให้เจอในวันพรุ่งนี้ให้ได้อยู่แล้ว
“โหล..ค่ะ”
“อาริสล่ะ?”
“อาริสอาบน้ำอยู่ค่ะ”
“ถึงบ้านกันแล้วใช่ไหม?”
“ถะ...ถึงแล้วค่ะ”
“ดีมากพี่ฝากดูอาริสด้วยนะ อย่าให้ไปซ่าที่ไหนล่ะ”
“ค่ะ”
“ฮือ...ฉันไม่อยากโกหกพี่บรู๊คอย่างนี้เลย” โรสรู้สึกเสียใจมากทั้งที่ยังตามหาเพื่อนรักไม่เจอ ทั้งยังต้องมาโกหก จนลูน่าต้องเข้ามากอดเธอไว้ เพื่อเป็นการปลอบใจ