Chapter 3
กับดักซาตาน
PART ROME
วันต่อมา
@RM CAR
นักธุรกิจหนุ่มหล่อผู้บริหารสูงสุด RM CAR นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้พนักสูงสีดำ เขาทอดสายตาคมกริบมองผ่านกระจกหนาทึบออกไปนอกตัวอาคาร สายตาของเขาไม่ได้ดูทิวทัศน์บริเวณรอบนอกแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ในใจของชายหนุ่มกำลังคิดถึงแต่นิลิน หญิงสาวที่เขาไม่เคยลืมเธอได้เลย
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมร่างหนาสูงใหญ่ของลูกน้องคนสนิทที่เดินเข้ามาพร้อมเอกสารสำคัญ
"นี่ครับคุณโรม ประวัติของคุณนิลิน” ลูกน้องคนสนิทยื่นซองสีน้ำตาลให้เจ้านายหนุ่มของเขา
"ตอนนี้คุณนิลินเธอเช่าซื้อห้องที่คอนโดของคุณภาคินครับ" ลูกน้องคนสนิทอีกคนพูดรายงานเรื่องที่เขาไปสืบมาให้เจ้านายหนุ่มของเขาได้รับทราบทันที
"อืม" จากนั้นชายหนุ่มก็หยิบเอกสารในซองสีน้ำตาลขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด
"คุณลุงคนนี้ เป็นพ่อของนิลินงั้นเหรอ?" ชายสูงวัยที่ชายหนุ่มกล่าวถึงตอนนี้คือพ่อของนิลิน ซึ่งเป็นหนี้การพนันที่บ่อนของเขาจำนวนเงินห้าล้านบาท ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากขึ้นทันที เมื่อคิดแผนการออกว่าควรทำอย่างไรให้นิลินกลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง
"ใช่ครับ…นายสมชาย เข้ามาเล่นพนันในบ่อนได้หนึ่งเดือนแล้วครับ แต่ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมยังไม่เห็นนายสมชายเข้ามาบ่อนอีกเลยครับ"
"งั้นพรุ่งนี้ พวกมึงก็ไปจัดการตามหนี้พ่อของนิลินซะ แต่ห้ามทำรุนแรงกับคนในครอบครัวของเธอเด็ดขาด แค่ขู่ให้กลัวก็พอ พวกมึงเข้าใจที่กูพูดใช่ไหมไอ้เดย์ไอ้ไนท์" ชายหนุ่มกำชับลูกน้องคนสนิทของเขา
"เข้าใจครับนาย "
PART NILIN
วันรุ่งขึ้น
@ บ้านนิลิน
“อื้อ...ใครมาโหวกเหวกโวยวายตั้งแต่เช้าล่ะเนี่ย” ฉันบ่นพึมพำก่อนที่จะดีดตัวลุกจากที่นอนทันที เมื่อได้ยินเสียงคนมาโวยวายหน้าบ้านของฉันตั้งแต่เช้า จากนั้นฉันก็เดินลงจากชั้นสองออกไปที่หน้าบ้าน
“พ่อ! เกิดอะไรขึ้นคะ” ฉันรีบเดินปรี่เข้าไปหาพ่อของฉันทันที เมื่อเห็นชายชุดดำนับสิบรูปร่างสูงใหญ่ยืนประจันหน้ากับพ่อของฉันอยู่หน้าบ้าน
“เอ่อ คือ พ่อ...” พ่อของฉันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนรู้สึกผิดอะไรบางอย่าง
“ผมให้เวลาพวกคุณหนึ่งเดือน รีบหาเงินมาใช้หนี้เจ้านายของผมซะ ถ้าภายในหนึ่งเดือนไม่มีเงินมาจ่ายหนี้คืน…ก็เตรียมตัวย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปได้เลย” ชายชุดดำรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงน่ากลัว ก่อนที่ชายชุดดำคนนั้นจะเอามือของเขาไปจับปืนที่เหน็บไว้ตรงเอว
“พวกคุณพูดถึงหนี้อะไรกัน ฉันไม่เข้าใจ” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย เขาพูดถึงหนี้อะไรกัน
“ถามพ่อของคุณเองก็แล้วกัน” จากนั้นชายชุดดำนับสิบก็เดินออกจากหน้าบ้านของฉัน แล้วขึ้นรถตู้สีดำขับรถออกไปด้วยความเร็ว
“พะ…พ่อมันเกิดอะไรขึ้นคะ” เมื่อฉันกับพ่อเดินเข้ามาภายในบ้าน ฉันก็ถามพ่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พ่อเป็นหนี้พนันลูก... พ่อไม่ดีเองที่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้กับครอบครัวของเรา” พ่อของฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงสลดรู้สึกผิด
“พะ…พ่อเป็นหนี้พวกเขาเท่าไรคะ”
“5 ล้าน”
“ฮะ! 5 ล้าน...” นี่คือเสียงแม่ของฉัน ฉันและพ่อรีบหันไปมองแม่ทันที เพราะฉันไม่รู้ว่าแม่เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน และเมื่อท่านได้ยินเช่นนั้นท่านก็ล้มพับลงไปที่พื้นทันที
“แม่ๆ อย่าเป็นอะไรนะคะ” ฉันร้องเสียงดังตกใจ เมื่อเห็นแม่มีอาการชักเกร็งกระตุกไปทั้งตัว
"พี่ลิน! แม่เป็นไรครับ" อคินที่พึ่งตื่นนอน เอ่ยถามเสียงตกใจ เมื่อออกมาเห็นแม่มีอาการชักเกร็ง
“ลินไปเอารถออกมาลูก...จะได้พาแม่ไปส่งที่โรงพยาบาล” พ่อเอ่ยบอกฉันทันที เพราะตอนนี้ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
"ค่ะพ่อ” จากนั้นฉันก็รีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถและนำแม่ของฉันไปส่งที่โรงพยาบาลทันที
@ โรงพยาบาล
ตอนนี้แม่ฉันถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนฉัน พ่อและอคิณนั่งเฝ้าแม่อยู่หน้าห้องฉุกเฉินภาวนาขอให้แม่ปลอดภัย
“ลิน…” พ่อเอ่ยเรียกฉันเสียงแผ่วเบา
“คะพ่อ” ฉันเอ่ยขานรับท่านด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ฉันเสียใจเป็นอย่างมาก ที่พ่อเล่นการพนันจนกระทั่งมีหนี้มากมายถึงเพียงนี้
“พ่อขอโทษนะลูก ที่พ่อหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ครอบครัวของเรา” จากนั้นพ่อก็เล่าให้ฉันฟังว่า ท่านเครียดที่นำเงินไปลงทุนกับเพื่อนทำธุรกิจเล็กๆ แล้วเพื่อนของท่านก็โกงเงินแล้วเชิดเงินหนีไป หลังจากนั้นท่านไปเจอเพื่อนเก่าอีกคนที่ร้านข้าว เพื่อนของท่านคนนี้ชวนพ่อไปเล่นการพนันเพื่อคลายเครียด แรกๆ ที่เล่นกลับได้เงินมากมายจนพ่อหลงระเริงไปกับมัน ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นหนี้มากมายมหาศาลแล้ว
“พ่อไม่ต้องคิดมากนะคะ เดี๋ยวหนูจะจัดการเรื่องนี้เอง” ฉันพูดปลอบใจท่านเพราะไม่อยากให้ท่านรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ เพราะไหนๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว จะมัวกล่าวโทษกันไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา
จากนั้นไม่นานแม่ฉันก็ออกจากห้องฉุกเฉินและออกมาพักฟื้นที่ห้องคนไข้ พอแม่ตื่นขึ้นมาท่านเอาแต่ร้องไห้ ฉันก็ได้แต่บอกกับท่านว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ท่านก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เพราะแม่ฉันคิดว่าจะหาเงินมากมายมาจากไหนได้ทันภายในเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นอาการของแม่ก็เริ่มดีขึ้น รุ่งเช้าคุณหมอก็อนุญาตให้แม่ออกจากโรงพยาบาล โดยคุณหมอบอกกับฉันว่าห้ามให้แม่คิดมากเด็ดขาด
วันต่อมา
@คอนโด
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เป็นไงบ้างแก?” พลอยใสเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย เพราะเมื่อคืนฉันโทร. ไประบายกับพลอยใสเรื่องของครอบครัวฉันให้มันฟัง วันนี้พลอยใสมันจึงมาหาฉันที่คอนโด
“เฮ้อ! ยังไม่คิดไม่ออกเลยว่ะแกว่าจะทำยังไงดี” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนคนหมดแรง
“อย่าคิดมากสิ ทุกอย่างต้องมีทางออก” พลอยใสพูดให้กำลังใจฉัน
“เฮ้อ! หรือฉันจะต้องขายตัวดีวะ” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างกับคนหมดแรง ฉันจะหาเงินห้าล้านมาจากไหนภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน
“หยุดพูดเพ้อเจ้อเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวฉันจะโทร. ถามเจ๊โอปอให้เผื่อเขาจะมีงานพิเศษให้แกทำ” พลอยใสมันชี้หน้าฉันทันที ที่ฉันเอ่ยออกมาว่าจะขายตัว
“แล้วฉันจะต้องรับงานกี่งานกันล่ะเนี่ย ถึงจะเก็บเงินห้าล้านบาทได้ทันเวลา” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอยแผ่วเบา
“ตอนนี้แกอย่าลืมสิ ว่าแกเป็นพริตตี้ตัวท็อปแล้วนะยัยลินขนาดงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่แล้ว แกยังได้ชั่วโมงละหมื่นเลย” จากนั้นพลอยใสก็หยิบโทรศัพท์กดโทร. ออกหาเจ๊โอปอทันที
“สวัสดีค่ะเจ๊ หนูพลอยใสเอง” จากนั้นมันก็พูดกับเจ๊โอปออยู่นาน แล้วมันก็ยื่นโทรศัพท์ให้ฉัน
“อะ! เจ๊จะคุยกับแก”
“สวัสดีค่ะเจ๊โอปอ... เจ๊พอจะมีงานพิเศษที่ได้เงินเร็วๆ ให้หนูทำบ้างไหมคะเจ๊”
(มันก็พอมีอยู่นะ เดี๋ยวเจ๊โทร. ถามทางนั้นก่อน เดี๋ยวเจ๊โทร. กลับนะนิลิน)
“ได้ค่ะ เจ๊”
“เฮ้อ...” ฉันนั่งถอนหายใจ อย่างคนหมดหวัง
“เจ๊ว่าไงบ้าง”
“เจ๊โอปอ จะโทร. กลับมาหาฉันอีกที”
“เอาน่า อย่าพึ่งคิดมากสิ” พลอยใสกุมมือและบีบมือฉันเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
กริ๊ง เสียงโทร. เข้าเป็นเบอร์ของเจ๊โอปอโทร. เข้ามา
“ค่ะ เจ๊โอปอ” ฉันรับสายด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ
(น้องนิลิน งานที่น้องถามหามันมีอยู่นะ แต่เป็นงานพริตตี้ที่ติดสัญญา 2 ปีกับค่ายรถยนต์ RM CAR แต่น้องสามารถรับงานข้างนอกได้ตามปกตินะ เพียงแค่อยู่ภายใต้เงื่อนไขสัญญาของบริษัท ถ้าน้องสนใจเซ็นสัญญากับค่ายรถยนต์ RM CAR ทางบริษัทจะจ่ายให้น้องวันเซ็นสัญญา 5 ล้านบาท) เจ๊โอปอพูดรายละเอียดออกมายาวเหยียด
“โห เจ๊ ทำไมได้เงินเยอะขนาดนี้ล่ะคะ” ฉันตกใจกับมูลค่าค่าตัวของฉัน
(ก็น้องเป็นพริตตี้ตัวท็อปแล้วหนิคะคุณน้อง อีกอย่างบริษัท RM CAR ก็รับน้องเป็นพริตตี้ในสังกัดบริษัทเป็นคนแรกเลยนะ) เจ๊โอปอพยายามพูดโน้มน้าวให้นิลินเซ็นสัญญากับ RM CAR
“.....”
(ฮัลโหลๆ นิลินฟังเจ๊อยู่หรือเปล่า)
“ฟังอยู่ค่ะ เจ๊”
(ตกลงจะเซ็นสัญญาไหมล่ะจ๊ะ)
“ตกลงค่ะเจ๊” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ ถึงจะเป็นพริตตี้ติดสัญญา แต่ค่าตอบแทนสูงแบบนี้ ไม่รับไว้ก็บ้าแล้วล่ะจริงไหม?
(งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ นัดเซ็นสัญญาที่ตึก RM CAR นะ)
“ได้ค่ะเจ๊” ฉันพูดเสียงสดใสก่อนจะกดวางสายไป จากนั้นฉันก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มด้วยความสบายใจ...เพราะในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเข้ามา...