ตอนที่ 1 : ชนวนความร้ายกาจ

1797 คำ
เปลือกตาบางขยับอย่างช้า ๆ ร่างเล็กภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มขยับตัวยุกยิกหลังจากได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก มือเล็กพยายามควานหาเครื่องมือสื่อสารเจ้ากรรมที่ส่งเสียงน่ารำคาญ แต่ทว่าเมื่อร่างเล็กได้สติก็ต้องตื่นเต็มตาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาต้องเดินทางไปรายงานตัวและเข้าทำงานเป็นวันแรก “แย่แล้ว” พักพิงคิดในใจพร้อมกับพลิกหน้าจอโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงนาฬิกาปลุก “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” “ตื่นได้แล้วลูกพิง เดี๋ยวไปไม่ทันเครื่องออกนะ” เสียงทุ้มประมุขของบ้านเอ่ยเรียกเจ้าของห้อง “ครับ พิงตื่นแล้วครับพ่อ” จากนั้นร่างเล็กก็รีบสะบัดผ้าห่มที่คลุมตัวออกและวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปทำธุรกิจส่วนตัวทันที “ข้าวเช้าพ่อวางไว้บนโต๊ะนะลูกพิง” ศักดิ์ดาตะโกนบอกลูกชายผู้เป็นที่รักยิ่ง “งั้นพิงไปทำงานแล้วนะครับคุณพ่อ คุณพ่อดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ อย่าลืมกินยาตามที่คุณหมอสั่ง ถ้าพิงรู้ว่าคุณพ่อไม่กินยาละก็…พิงจะตีป้านิด” เสียงใสของร่างเล็กออกแนวดุ แต่เจ้าตัวคงไม่รู้เลยสินะว่าน้ำเสียงไม่ได้มีความน่าเกรงขามเลยสักนิด นิดที่ทำงานเป็นทั้งแม่บ้านและพยาบาลส่วนตัว คอยช่วยดูแลศักดิ์ดาถึงกับยิ้มขำไปกับความน่าเอ็นดูของคนตัวเล็ก “ป้านิดครับ พิงขอฝากเรื่องอาหารการกินด้วยนะครับห้ามตามใจคุณพ่อเป็นอันขาดเลยนะ” “ค่ะคุณพิง” นิดขานรับไปยิ้มไป “พ่อคงคิดถึงพิงแย่เลย ถ้าพ่อไม่บริหารงานพลาดลูกก็คงไม่ต้อง” ศักดาพูดไปในใจก็หดหู่ไป ที่ต้องปล่อยให้เจ้าตัวเล็กของเขาต้องไปทำงานต่างจังหวัด “ไม่นะครับคุณพ่อไม่ผิด ห้ามพูดแบบนี้อีกนะครับ เราตกลงกันแล้ว” คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาพ่อพร้อมกับเอาหน้าซุกไว้ที่หน้าอกของผู้เป็นบิดา ในใจคนตัวเล็กรู้ดีว่าตนไม่อาจจะช่วยคุณพ่อรักษาบริษัทเอาไว้ได้ เรื่องนี้ร่างเล็กก็รู้สึกผิดไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าคุณพ่อจะไม่ใช่คนก่อตั้งบริษัทแต่ได้รับดูแลต่อจากแม่เลี้ยงที่แก่ชราภาพและได้เสียไปเมื่อหลายปีก่อน แต่คุณพ่อของเขาก็ทุ่มเททั้งกายและใจกว่าบริษัทจะเติบโตและชุบชีวิตพวกเขาให้กินดีอยู่ดีอย่างวันนี้ได้ ในเมื่อมันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่ดี ๆ ผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ พากันเทขายทอดตลาด ทั้งที่ช่วงนี้บริษัทกำลังมีปัญหาเรื่องการกู้ยืมเงินจากธนาคารหลายร้อยล้านและไม่สามารถหมุนเงินได้ทัน จึงส่งผลทำให้ครอบครัวของเขาเป็นอันต้องล้มละลายลง บ้านหลังใหญ่ที่คนตัวเล็กเคยอาศัยอยู่เมื่อตอนเด็กก็ถูกธนาคารยึดไป แถมยังมีเรื่องของพี่สาวพ่วงมาด้วยอีกจนถึงตอนนี้พักพิงก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนทะเลาะกันด้วยเหตุผลใด ทำให้เหลือแค่ตัวพักพิงและศักดิ์ดาต้องออกมาอยู่บ้านเช่าที่ขนาดเล็กลง แต่คนตัวเล็กก็ยังเลือกบ้านที่มีสวนหน้าบ้านเพื่อให้คุณพ่อของเขาไม่อึดอัดมากนัก บวกกับค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ ทำให้เงินที่มีติดตัวไม่พอกับค่าใช้จ่าย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบริษัทที่พักพิงไปสมัครก็ไม่มีใครรับเข้าทำงานเลยสักบริษัทเดียว ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เรียกเงินเดือนสูงมากถึงแม้ตนจะจบมาจากมหาลัยชื่อดังจากอเมริกาก็ตาม ถึงกระนั้นพักพิงก็ยังมีคนรู้จักส่งตำแหน่งงานที่อาจจะพอช่วยให้พักพิงมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวได้บ้าง แต่อาจจะไม่ได้ดูเรียบหรูดังเช่นที่เจ้าตัวควรจะได้ แต่ถึงยังไงพักพิงก็ไม่อาจจะปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์มากไปกว่านี้ได้แล้ว งานอะไรก็ได้ที่จะทำให้พักพิงและคุณพ่อผ่านช่วงวิกฤตตรงนี้ไปพักพิงยอมทำทั้งหมดเลย “งั้นพิงไปแล้วนะ พ่อดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ” คนตัวเล็กพูดเสียงสั่น “ลูกพิงก็ดูแลตัวเองด้วยนะลูก” ศักดิ์ดามองหน้าลูกชายและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไม่แพ้กัน หลังจากที่ล่ำลากันจบแล้วตอนนี้พักพิงก็ได้เดินทางไปสนามบินทันที มุ่งหน้าไปจังหวัดนครราชสีมา ไร่ตระการตา……. “สวัสดีครับคุณพักพิงใช่มั้ยครับ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้านหลังร่างเล็ก “ใช่ครับผมพักพิง วันตะไพศาลที่สมัครเป็นผู้ช่วยผู้จัดการครับ” พักพิงเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่กว่าตนมาก หลังจากพักพิงได้นั่งเครื่องมาลงในจังหวัดนครราชสีมาก็ต้องเจอกับความร้อนจนผิวแทบจะไหม้เป็นจุณ เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูร้อน เสื้อเชิ้ตสีขาวจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อแนบลู่ไปกับลำตัวบาง ถ้าใครผ่านมาได้เห็นถึงแม้จะเป็นผู้ชายแท้ก็ต้องชะงักกันบ้างละ “เอ่อ.....ครับผมศิระนะครับเป็นผู้จัดการของที่นี่” ศิระถึงกับเสียงติดอ่างไปชั่วขณะ เมื่อเห็นใบหน้าขาวใสกำลังขึ้นสีชมพูเนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว “งั้นเดี๋ยวผมจะพาคุณพักพิงไปที่ห้องพักก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวถ้าคุณพักพิงเก็บของเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเรามาคุยกันเรื่องเอกสารสัญญาจ้างกันนะครับ” เสียงเข้มเอ่ยกับร่างเล็ก “มาครับเดี๋ยวผมช่วยถือ” เมื่อศิระเห็นกระเป๋าลากใบโตก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นลูกคนมีเงินอย่างแน่นอน “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พิงเกรงใจ” เสียงเล็กเผลอใช้เรียกสรรพนามเป็นกันเองออกมาอย่างตกใจ แต่ก็ไม่ทันการเมื่อคนที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าเดินถือกระเป๋าใบโตนำทางไปเสียก่อน ศิระเดินนำร่างเล็กไปยังห้องพัก พลางสังเกตคนด้านหลังไปด้วย แต่ในใจก็สงสัยว่าคนที่ดูเหมือนกับคุณหนูอย่างนี้ทำไมถึงเลือกมาสมัครงานในไร่ ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงห้องพักคนงาน โดยตึกนี้จะแบ่งเป็นตึกแยกฝั่งผู้ชายฝั่งผู้หญิงมีห้องน้ำในตัว ส่วนโรงอาหารจะอยู่แยกออกไปไม่ไกลมากนัก เนื่องจากไร่ตระการตากว้างใหญ่มากมีทั้งไร่องุ่น โรงบ่มไวน์และกำลังขยายทำเป็นรีสอร์ต ทำให้ไร่ตระการตามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เมื่อพักพิงเปิดประตูเข้าไปก็พบเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ได้เยอะมากมีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า มีห้องอาบน้ำภายในแต่แค่นี้ก็ถือว่าโอเคมากแล้วสำหรับพักพิง ห้องที่พักพิงได้จะอยู่ริมสุดทางเดิน “ถ้าเสร็จแล้วเรียกผมที่อยู่ห้องข้าง ๆ นะครับคุณพิง” เสียงเข้มยิ้มมุมปากพร้อมกับวางกระเป๋าใบโตไว้หน้าประตู “ขอบคุณมากนะครับคุณศิ…..” ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะเอ่ยขอบคุณเสร็จ เสียงเข้มก็พูดตัดบทขึ้นมาก่อน “ศีลครับเรียกพี่ศีลก็ได้จะได้สนิทกันไว ๆ นะครับน้องพิง” “เอ่อครับ พี่ศีล” ร่างเล็กตอบรับคำ ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อยิ้มให้กับคุณผู้จัดการไร่ “งั้นเดี๋ยวพิงขอเวลาครึ่งชั่วโมงนะครับพี่ศีล” ร่างเล็กยิ้มอีกครั้งให้กับมิตรภาพที่กำลังเบ่งบานพร้อมกับปิดประตูลง ‘ขอเวลาไปทั้งชีวิตเลยก็ได้ครับ’ นี่คือความในใจของศิระที่อยากจะบอก พร้อมกับเอามือเกาท้ายทอยแก้เขิน ‘นางฟ้าชัด ๆ’ หลังจากที่พักพิงได้เซ็นเอกสารทุกอย่างจนครบหมด ตอนนี้ก็เป็นเวลาล่วงเลยมากว่าห้าโมงเย็นแล้ว “มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหนมั้ยครับ” เสียงผู้จัดการเอ่ยถาม “ไม่มีครับ ขอบคุณพี่ศีลอีกครั้งนะครับ” “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นไปกินข้าวกับพี่ดีกว่าครับ นี่ก็ห้าโมงกว่าแล้วน้องพิงคงหิวแย่ ตอนกลางวันก็ไม่ได้กินใช่มั้ยครับ” เสียงผู้จัดการร่ายยาวพร้อมกับสังเกตคนตรงหน้าที่พยักหน้าตอบรับคำชวนตน “ตรงนี้เป็นโรงอาหารสำหรับคนงานทุกคน ที่นี่จะเปิดสามเวลาคือเจ็ดโมง เที่ยงและห้าโมงเย็น รับรองอร่อยสะอาดปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ” เสียงเจื้อยแจ้วอธิบายให้คนตัวเล็กได้ฟัง พักพิงยิ้มตามคนอัธยาศัยดีที่กำลังทำตัวเป็นไกด์นำเที่ยวชมไร่ตระการตา “อืม...น้องพิงกินได้มั้ยครับเหลือแค่นี้เอง” พักพิงหันไปมองจานข้าวที่มีแต่เศษผัดผักพร้อมกับไข่ดาวหนึ่งฟองก็ยิ้มตอบรับ “พิงกินได้หมดแหละครับ ตอนนี้หิวจะแย่” คนงามพูดพร้อมกับลูบหน้าท้องตัวเองไปด้วย สร้างเสียงขบขันให้กับคนที่อยู่ในบริเวณนั้นพอสมควร จากนั้นทั้งสองคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องตัวเอง เมื่อพักพิงเข้ามาในห้องของตัวเองก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนอนผ้าแพรแขนสั้นขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม ทำให้ผิวที่สว่างอยู่แล้วดูคลับให้สว่างกว่าเดิม พักพิงเช็ดผมที่เปียกลู่หัวทุยเบา ๆ และกำลังจะโทรไปหาคุณพ่อที่ตอนนี้คงกำลังรอโทรศัพท์จากเขาอยู่ แต่พักพิงก็ได้สังเกตเห็นขีดกากบาทที่ปรากฏขึ้นว่า ‘ที่นี่ไม่มีสัญญาณ’ พักพิงคิดในใจว่าแย่แน่ตากลมหวานจ้องมองนาฬิกาในสมาร์ตโฟนเครื่องหรูบ่งบอกว่าเป็นเวลาสองทุ่มกว่า นางฟ้าคนใหม่ประจำไร่ตระการตาจึงคิดว่าจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปหาสัญญาณ วันนี้เขามาต่างจังหวัดเป็นวันแรกถ้าติดต่อทางบ้านไม่ได้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เสียงที่เงียบสงัดและมืดสนิทพอจะมองเห็นทางอยู่บ้างเมื่อได้แสงจากพระจันทร์ส่องลงมา เนื่องจากที่นี่เป็นต่างจังหวัดที่อยู่ออกมานอกเมืองแถมยังอยู่ท่ามกลางต้นไม้และภูเขา ถึงแม้ว่ากลางวันจะร้อนมากเพียงใด แต่ตกกลางคืนก็หนาวจนไปถึงขั้วกระดูก พักพิงเดินออกมาไกลจากบ้านพักคนงานพอสมควร จนมาถึงเรือนไม้แห่งหนึ่งไม่ใหญ่มากและไม่เล็กมาก โทรศัพท์เครื่องหรูก็ปรากฏสัญญาณขึ้น ร่างเล็กจึงกดโทรหาผู้ให้กำเนิดทันที แต่ด้วยความที่สัญญาณไม่ค่อยเสถียรจึงคุยได้ไม่นาน โดยไม่รู้เลยว่ามีเงาดำรูปร่างสูงใหญ่กำลังทาบทับตัวเองอยู่พร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม