ดื่มบ้างคุยสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยไปบ้าง เผลอแป๊บเดียวก็เข้าสู่เช้าวันใหม่ เหลืออีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะตีสอง ทว่ากลับไม่มีใครบ่นเหนื่อยบ่นง่วงทั้งที่ไปตะลอนมาทั้งวัน นอกจากไม่มีใครบ่นก็ไม่มีใครลุกออกจากที่นั่ง ทุกคนยังเกาะเบาะที่นั่งตัวเองเหนียวแน่น บอกเป็นนัยๆ ว่า... คืนนี้อีกยาวไกล เพราะรู้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ไง ก็เลยเลือกไปไหว้พระและเลี้ยงฉลองกันวันเสาร์แทนที่จะเป็นวันอาทิตย์ที่เป็นวันเกิดเจ้าตัวจริงๆ พิมพ์อัปสรที่กำลังสไลด์ไอจีดูรูปที่ดารัณแท็กมาถึงกับเม้มปากแน่น หางคิ้วกระตุกรัวๆ เป่าพรูลมหายใจแรงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะตวัดสายตาขวางมองคนข้างๆ “ดารัณ...” เรียกเสียงเย็น คนถูกเรียกก็คงรู้สึก เพราะมือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบเบียร์กระป๋องใหม่ชะงักค้าง เบือนหน้าชำเลืองมองคนเรียกด้วยสายตาหวาดระแวง ก่อนจะรีบคว้ารีโมตทีวีที่อยู่ตรงหน้าไปไว้อีกฝั่งด้วยความรวดเร็ว เผื่อคนเรียกมันโมโหถึงขั้นคิดประ