"ไอ้ปาล จอดๆ จอดรถก่อน"
“มีอะไร?” คนถูกสั่งให้จอดรถหันไปถาม
"ผู้หญิงสามคนนั้น...รุ่นน้องคณะเราปะวะ กูรู้สึกคุ้นๆหน้า เหมือนเคยเห็นที่คณะ” ปราบปลื้มที่ถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดปล้นรถไปส่งหญิงต้องจรลีมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ปาลทัต ชี้ไปที่ผู้หญิงสามคนข้างทางที่กำลังยืนกอดประคองกันอย่างทุลักทุเลสภาพไม่ได้น่าดูนัก จุดที่ทั้งสามคนยืนค่อนข้างสลัว ชุดที่ใส่ยังคุมโทนสีดำถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็อาจจะไม่เห็น มองผ่านไปได้ง่ายๆ
"แล้วไง?"
"ก็เผื่อน้องเขามีไรให้ช่วยไง อาจจะเกิดอุบัติเหตุ?”
“แล้วมึงเห็นมีรถคว่ำสักคันมั้ย”
ก็จริง...
คนถูกย้อนพยักหน้าเห็นด้วย สายตายังจับจ้องอยู่ที่สามสาวข้างทาง “หรือว่าหารถกลับบ้านไม่ได้ปะวะ? วันนี้นักเที่ยวเยอะด้วยสิ เหมือนจะมีคนเมาด้วยว่ะ”
นักเที่ยวที่ว่าส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษานั่นแหละ
ซึ่งไม่ใช่เฉพาะวีว่าผับที่พวกตนสิงสถิตเท่านั้นที่คนเต็มจนล้น ผับอื่นแม้กระทั่งร้านเหล้าที่อยู่ในโซนเดียวกันก็ไม่ต่างกัน คนแน่นเอี๊ยดจนล้นร้าน บางร้านถึงขั้นต่อโต๊ะเสริม และไม่ใช่แค่คนเท่านั้นที่เต็มร้านกระทั่งรถราก็เต็มลานจอด จอดซ้อนกันจนตาลาย กว่าจะเอารถออกจากที่จอดได้ก็ถอยแล้วถอยอีก ออกมาได้ยังต้องมาเจอรถติดหนัก ปกติขับรถออกมาจากร้านไม่เกินห้านาทีก็ตัดเข้าถนนสายหลัก แต่ทว่าวันนี้ปาเข้าไปร่วมสิบกว่านาทีเพิ่งวิ่งได้ห้าร้อยเมตร
บอกเลยว่าลงเดินยังเร็วกว่า แต่ทว่าก็เป็นเรื่องที่ดีที่วันนี้เขาไม่ต้องขับรถเอง นั่งตากแอร์เย็นๆ สบายใจเฉิบ
“ดูแล้วน่าจะหารถกลับไม่ได้จริงว่ะ” เพราะเห็นหนึ่งในนั้นคอยมองรถที่วิ่งไปมาตลอด ถ้ารถกำลังวิ่งผ่านเป็นรถแท็กซี่เธอจะเพ่งมองเป็นพิเศษ
ปราบปลื้มไม่คิดว่าทั้งสามคนจะเดินออกมาเรียกแท็กซี่ถึงตรงนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเรียกกันตรงหน้าร้านเลย ออกจากร้านได้ก็พุ่งเข้ารถทันที หรือมีคนเดินจริงมากสุดก็คงเดินทอดน่องประมาณหนึ่งร้อยเมตรเต็มที่ก็สองร้อยเมตร
"กูไม่ใช่แท็กซี่" ปาลทัตเสียงขุ่น หันไปมองเพื่อนตาขวาง
ไม่มีรถกลับแล้วไง มันใช่หน้าที่เขาไหมที่ต้องไปส่ง
“กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นแท็กซี่ คงไม่มีใครคิดว่าอาวดี้ A7 Sportback 55 TFSI quattro S line ของมึงเป็นแท็กซี่หรอกมั้ง”
“กวนตีน!”
“ฮ่าๆ เอาน่า อย่าใจดำนักสิวะ ท่องไว้ทำความดี...”
“หน้ากูดูเป็นคนดี?”
“ก็หล่อดี...หล่อแบบบ้านๆ พอใช้ได้” บ้านกับผีน่ะสิ
แม่ง...ก็ไม่อยากยอมรับหรอกนะว่าไอ้ปาลมันหล่อ รูปร่างหน้าตามันดี แบบดีมากๆ เลยล่ะ จัดอยู่ในหมวดลูกรักพระเจ้าหรือไม่ก็เบ้าหน้าฟ้าประทานอะไรเถือกนั้น ก็ไม่อยากยอมรับไงแต่หลักฐานอยู่บนหน้ามันทนโท่ ถึงไม่อยากยอมรับก็ทำอะไรไม่ได้
แม่ง! หน้าหล่อไม่พอเสือกหุ่นดีอีกต่างหาก
ปราบปลื้มไม่ปลื้มสิ่งนี้เลยจริงๆ
“ตกลงจะให้จอด?”
"ถือว่าช่วยเด็กตาดำๆ ยังไงก็รุ่นน้องในคณะไงหรือถ้าไม่ใช่รุ่นน้องในคณะก็รุ่นน้องร่วมสถาบันอะ มึงก็เห็นว่านักเที่ยวส่วนใหญ่ก็มีแต่เด็กมหา’ลัยเรา ก็ถือว่าทำบุญทำทานสงสารเด็กมัน เกิดน้องมันหารถกลับไม่ได้ขึ้นมาจริงๆไม่ต้องยืนหนาวกันอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเหรอวะ ดีไม่ดีเกิดถูกฉุดไปก็ยิ่งแย่"
แม้ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษา ทว่าพอเหล้าเข้าปากอะไรก็เกิดขึ้นได้...
ก็อย่างที่เขาพูด น้ำเมาเปลี่ยนนิสัย
มีข่าวให้เห็นรายวัน เขาไม่อยากอ่านจำพวกนี้ ยิ่งเป็นข่าวผู้หญิงถูกจี้ถูกปล้นหรือว่าถูกฉุดไปข่มขืน...บอกเลยว่าไม่ไหว เห็นแล้วหดหู่
“หึ เด็กหรือผู้หญิง?” ปาลทัตหันไปหรี่ตามองเพื่อน กระตุกยิ้มมุมปากรู้ทัน ก่อนเบนสายตามองกระจกส่องหลังแล้วหันกลับมามองถนนตรงหน้าเพื่อขับรถเข้าไปจอดบริเวณด้านหน้าตรงจุดที่สามสาวยืนอยู่
สภาพแบบนี้ก็คงไม่พ้นดื่มหนักจนเมา
รู้จักเที่ยวแต่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง
“เนี่ย...มึงก็มองกูแบบนี้ คิดชั่วกับกูตลอด มึงอาจจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วกูเป็นคนจิตใจดีมีจิตเมตตาชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก เสียดายที่กูจำบทสวดมนต์ก่อนนอนไม่ได้ไม่งั้นมึงอาจจะเห็นกูนั่งสวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน ไม่ได้ออกมาแรดกับพวกมึงแบบนี้หรอก”
มุมปากปาลทัตถึงขั้นกระตุกแรง ก่อนจะมีเสียง‘หึ...’ ผ่านลำคอออกมาให้คนข้างๆได้ยิน
สวดมนต์ก่อนนอนตอนตีสามตีสี่? ถ้าจะขนาดนั้นก็เปลี่ยนมาทำวัดเช้าเถอะ สัมภเวสีที่มานั่งฟังรอรับส่วนบุญจะได้ไม่ลำบากเทียวไปเทียวมา
ปราบปลื้มเบ้ปากกลอกตาให้กับเสียง ‘หึ’ ของปาลทัตทว่าก็ไม่โต้แย้ง ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด รอกระทั่งรถจอดสนิทจึงกดเลื่อนกระจกรถลงยื่นหน้าออกไปถามสามสาวที่ยืนกอดประคองกันด้วยท่าทางทุลักทุเล คนกลางที่ถูกเพื่อนหิ้วปีกน่าจะอาการ(เมา)หนักสุด
เมื่อเห็นสภาพของแต่ละคนถึงกับสตั๊น มีคำถามหนึ่งกำลังวิ่งวนอยู่ในหัว อยากรู้ว่าทั้งสามคนใช่...รุ่นน้องคณะตนจริงรึเปล่า?
ถ้าใช่บอกเลยว่า...
รุ่นพี่รับบ่ได้
ถ้าเขาบอกให้ไอ้ปาลออกรถตอนนี้จะน่าเกลียดไปป่าววะ