บทนำ1

1837 คำ
‘ปาลิน พิชญภัค’ ทราบดีว่าตนเองไม่ควรจะโผล่มาหน้ามาที่ไวแอต อินดัสทรีส์ในเวลานี้ เธอนั่งบีบปลายนิ้วตนเองแน่นเสียจนมันขึ้นข้อขาว ริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้ซีดเสียจนทำให้ใบหน้าเธอเผือดขาวยิ่งกว่าคนป่วย แต่นั่นแหละ ในยามนี้เธอก็ไม่ค่อยสบายจริงๆ ทว่า...ไม่รู้เป็นการป่วยที่นับว่าดีหรือไม่ดี “เอาน่าปาลิน เข้าไปขอพบเขา บอกเขาเรื่องนี้ให้มันจบๆ” ปาลินปลุกปลอบใจตนเอง ทว่าถึงอย่างนั้นเธอก็ทราบว่ามันยากที่จะทำอย่างนั้นได้จริงๆ ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าการไปขอพบคนอย่างเคลเมนต์นั้นมันยากแค่ไหน และยิ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อความสัมพันธ์ของเธอกับเขาสิ้นสุดลงแล้ว คนอย่างเคลเมนต์ ไวแอตเด็ดขาดแค่ไหน เธอรู้ดีกว่าใคร ในยามที่บอกว่าจบ...แม้แต่ชื่อของเขาต่อให้เธออยากจะพูดออกมา เขาก็สามารถทำให้เธอไม่อาจเรียกชื่อเขาออกมาได้ ทว่าถึงอย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอก็เป็นเรื่องสำคัญ หลังจากออกจากโรงพยาบาลและคิดใคร่ครวญมาหลายวัน เธอก็รวบรวมความกล้าเข้ามาพบเขา หวังว่าจะตกลงกันเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ให้เป็นไปอย่างสันติวิธีที่สุด ...ใช่ เธอท้อง ปาลินรู้ว่าตนเองท้องในตอนที่เลิกกับเขาไปถึงสองเดือนแล้ว! ทั้งๆ ที่คิดว่าตัดขาดกันได้ เธอเดินออกมาจากชีวิตของเขาแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าในวันที่ก้าวเดินออกมา กลับมีสายใยที่ยังพันธนาการเธอเอาไว้กับเขาอย่างแน่นหนาถึงเพียงนี้ ลำพังตัวปาลินก็พอจะมีทรัพย์สินติดตัวอยู่บ้าง เธออยู่กับเคลเมนต์มานานถึงสองปี บางอย่างเขาให้เธอมาและเธอคิดว่าตนเองควรรับเอาไว้ ก็ไม่ได้ส่งคืนเขาไป แต่บางอย่างมันมากเกินไปเธอก็ส่งคืนเขา ทิ้งไว้อย่างนั้นไม่ได้เอามาด้วย ทว่าแค่ส่วนที่เอามานั่นทำให้มีเงินเพียงพอที่เธอจะเลี้ยงดูลูกได้ช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนเธอจะไปทำงาน ทว่าที่ตัดสินใจเลือกจะกลับมาบอกเคลเมนต์ก็เห็นจะเป็นเพราะเธอไม่อยากตัดสิทธิ์ความเป็นพ่อของเขา ในตอนที่เลิกกันนั้นอาจจะไม่สามารถใช้คำว่าเลิกกันด้วยดีได้ ทว่ามันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดที่ทำให้เธอโกรธแค้นชิงชังอะไรเขาจนต้องปกปิดเรื่องนี้ อีกประการหนึ่ง เธอทราบดีถึงความรู้สึกของการไม่มีบิดาคอยปกป้องดูแล ปาลินจึงไม่อยากให้ลูกของตนเองเป็นอย่างที่เธอเคยเป็นมาก่อน คิดมาถึงตรงนี้แล้วปาลินพลันเหยียดยิ้มหยันตนเองออกมา อันที่จริง...ทั้งหมดนั้นอาจจะเป็นเพียงข้ออ้างก็เป็นได้ ปาลินทราบดีว่าแท้จริงแล้วเธออยากจะกลับมาหาเคลเมนต์อีกครั้ง เพราะว่าเธอรักเขา...รักคนใจร้ายคนนั้นมากเหลือเกิน เธอไม่ได้อยากเลิกกับเขา แต่เธอก็รู้ดีว่าเวลาของตนเองนั้นหมดลงแล้ว เธออยู่กับเขามาสองปี...รู้ดีว่าในใจของเขาไม่เคยมีเธอ ปาลินเป็นแค่ของแถมที่เขาได้จากการทำธุรกิจเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเป็นของแถมที่ได้มาไม่คุ้มเสียอีกต่างหาก แรกเริ่มเธอก็ไม่คิดหรอกว่าตนเองจะรักเขา ไม่รู้แม้แต่ตอนที่เธอเลิกกับเขาไปด้วยซ้ำ คิดมาตลอดว่าความคิดถึง ความโหยหา ความห่วงใยที่เธอมีให้เขาก็เป็นแค่ความผูกพันธ์ของคนที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี กระทั่งเธอเลิกกับเขาแล้วนั่นแหละถึงได้รู้ว่าตนเองรักเขาและไม่อยากสูญเสียเขาไป ช่วงเวลาที่อยู่โดดเดี่ยวกับตนเองนั้น เธอร้องไห้ เจ็บปวดใจจนแทบพูดไม่ออก เธอถึงขั้นเคยคิดว่าตนเองไม่ควรเดินจากมาอย่างนี้ ไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆ อย่างนั้น และความคิดที่ตอกย้ำอย่างนั้นก็ทำให้เธอกลับมาอีกครั้ง ทว่าถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดว่าการติดต่อกับเคลเมนต์นั้นจะเป็นเรื่องยาก กระทั่งเธอไม่สามารถติดต่อเขาได้เลยสักช่องทางเดียว เธอเพียรโทร.หาเคลเมนต์ด้วยเบอร์ติดต่อที่ตนเองมีก็พบว่าไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งเบอร์ของผู้ช่วยของเขา คนที่เขาส่งมาคอยดูแลเธอในยามอยู่ด้วยกันก็ติดต่อไม่ได้ หญิงสาวจึงตัดสินใจลองติดต่อมาทางบริษัท คราวแรกเธอขอนัดเจอกับเคลเมนต์ ทว่านอกจากรับเรื่องเอาไว้ เธอก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับใดๆ ตลอดสามวันที่เพียรติดต่อเขา ท้ายสุดปาลินจึงลองมาที่บริษัทของเขา เพื่อเฝ้ารอเคลเมนต์อยู่ที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้น พอมาถึงที่หมายก็ยังยึกยักรอท่า ความกลัวทำให้สุดท้ายเธอมานั่งอยู่ที่คาเฟ่ไม่ไกลจากตึกสำนักงานของไวแอต อินดัสทรีส์เพราะไม่กล้าเข้าไปเผชิญหน้ากับความจริง ...เธอกลัวว่าเขาจะไม่ยอมพบเธอ ในเมื่อเลิกกันไปแล้ว ปาลินเสียอีกเป็นฝ่ายขอไปเอง ทำไมเขาถึงต้องง้อคนที่เขาได้มาเพราะเงินอย่างเธอด้วยล่ะจริงไหม และเพราะกลัวอย่างนั้น ตลอดเวลาที่เธอไปจากเขา ปาลินจึงปิดหูปิดตาตนเอง ไม่เปิดรับข่าวสารใดๆ ที่ทำให้เธอได้ยินชื่อของเขา ปาลินถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ในท้ายที่สุดก็ตัดสินใจระงับความกลัวและความลังเลทั้งหมด ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปยังตึกของไวแอต อินดัสทรีส์ซึ่งอยู่ตรงกันข้าม เพื่อทำให้ทุกอย่างมันชัดเจนสักที ------------------ ประตูอัตโนมัติของตึกไวแอต อินดัสทรีส์เปิดกว้างในตอนที่เธอเดินเข้ามาใกล้ ผู้คนเดินสวนกับเธอขวักไขว่ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกประดักประเดิด เพราะรู้ว่าตนเองอยู่ผิดที่ผิดทาง มันเป็นนิสัยที่ติดตัวซึ่งแก้ไม่หาย อาจจะเป็นเพราะเธอมักจะยอมให้คนอื่น ‘กด’ ตัวเองอยู่เสมอ นานวันเข้าก็ทำให้เธอซึมซับว่าตนเองไม่มีค่าในสายตาใคร ความมั่นใจที่มีก็หดหาย ทำอะไรหรือไปที่ไหนก็ค่อนข้างกังวลกับสายตาของผู้คน กลัวไปหมดทุกอย่าง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้เลยสักนิดเดียว โชคดีเดียวก็คือเธอเป็นคนเก็บความคิดและท่าทีของตนเองได้เก่งมาก ส่วนใหญ่แทบไม่มีใครรู้เลยว่าภายนอกที่เธอเงียบสงบนั้น ข้างในใจเธอกระวนกระวายหวาดกลัวมากแค่ไหน มีเพียงครั้งนี้ที่เธอเก็บอะไรไม่ค่อยอยู่ ซึ่งสาเหตุก็มาจากสภาวะของอารมณ์ที่ไม่มั่นคงในระยะนี้ของเธอนี่แหละ ปาลินคิดอะไรกับตนเองเรื่อยเปื่อย กระทั่งมาหยุดถึงที่หมาย ซึ่งก็คือเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ซึ่งขณะนี้มีพนักงานสาวประจำตำแหน่งอยู่สามคน แน่นอนว่าสองในสามนั้นกำลังให้บริการคนอื่นอยู่ ปาลินจึงค่อยๆ เข้าไปหาคนที่เหลือ หญิงสาวลอบกำมือแน่น ข่มความรู้สึกกระอักกระอ่วนในท้องตนเองเอาไว้ จากนั้นส่งยิ้มเรียบๆ ออกไปพร้อมกับแจ้งอีกฝ่ายไปว่า “สวัสดีค่ะ ฉัน...มาขอพบมิสเตอร์ไวแอตน่ะค่ะ” พนักงานสาวคนที่เธอเอ่ยทักและแจ้งจุดประสงค์ของการมาเยือนนั้นมองเธอแวบหนึ่ง ในดวงตาสีฟ้าคู่นั้นมีประกายบางอย่างวาบผ่าน ก่อนหล่อนจะปรับสีหน้าเป็นแย้มยิ้มแล้วถามกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” คำถามนั้นทำให้ลมหายใจของปาลินผิดจังหวะไปนิด เธอลอบบิดมือที่กอบกุมกันแน่นเพราะไม่ให้ตัวเองสั่น “ไม่ได้นัดค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบาในที่สุด “พอดีว่า...” เธอจะเอ่ยออกมาต่อ แต่กลับถูกอีกฝ่ายขัดขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแสดงความเสียใจที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจากใจจริง “วันนี้ท่านประธานไม่ได้เข้ามาบริษัทนะคะ” คราวนี้ปาลินถึงกับพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง และการเข้าพบเขาไม่ได้ก็ทำให้เธอผิดหวังเสียจนใบหน้าเล็กนั้นซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ละความพยายาม ยังคงดิ้นรนเพื่อเก็บเกี่ยวความต้องการสุดท้ายของตนเองเอาไว้ให้ได้ “แล้วไม่ทราบว่าเขาจะเข้ามาตอนไหนคะ พอดีฉันมีเรื่องด่วน สำคัญมากๆ ที่ต้องพบเขาค่ะ” เขาควรจะได้รู้ว่าเขากำลังเป็นพ่อคน หลังจากนั้น... ...หลังจากนั้นถ้าเขาจะไม่กลับมา เธอก็จะยอมรับว่าเป็นเพราะเธอโง่เองที่ยอมแพ้เดินไปจากเขา ยอมทำตามที่คนอื่นบงการมาทั้งชีวิตมากกว่าจะทำตามใจตนเองต้องการ “ตลอดสัปดาห์นี้ท่านไม่เข้าเลยค่ะ ยังไงรบกวนทิ้งเบอร์ติดต่อไว้แล้วจะแจ้งท่านให้นะคะ” อีกฝ่ายคงสมเพชเธอนิดหน่อย เพราะในน้ำเสียงนั้นมีแววเห็นใจปนเหยียดออกมาอยู่บ้าง แม้จะน้อยนิดแต่คนความรู้สึกไวอย่างปาลินก็สัมผัสได้ แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายของเธอแล้ว ถ้าถอยกลับไปวันนี้ ปาลินก็ไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสอีกครั้งไหม นอกจากจะไม่กล้าแล้ว ถ้า ‘คนคนนั้น’ รู้ว่าเธอทำอย่างนี้จะต้องโกรธมากแน่ๆ “ฉัน...มีเรื่องด่วนจริงๆ ค่ะ ถ้าพบท่านไม่ได้ ฉันขอพบมิสเตอร์โจนส์ผู้ช่วยของท่านได้ไหมคะ” ปาลินดิ้นรนอีกครั้ง เธอคาดเดาว่าบางครั้งพนักงานสาวคนนี้อาจจะบอกปัดไปไม่ยอมติดต่อให้เหมือนที่เธอเคยโดนปัดไปเสมอ จึงเปลี่ยนเป้าหมายขอพบผู้ช่วยส่วนตัวของเคลเมนต์แทน อย่างน้อยเรื่องนี้ฌอน โจนส์จะต้องรายงานเคลเมนต์แน่ๆ ทว่านี่เป็นอีกครั้งที่เธอผิดหวัง เพราะอีกฝ่ายปฏิเสธอีกหน “มิสเตอร์โจนส์ก็ไม่เข้าเช่นกันค่ะ” “ฉัน...” การปฏิเสธอย่างหนักแน่นนั้นดูจริงจังเสียจนปาลินพูดอะไรไม่ออก สมองเธอพลันโล่งว่างด้วยความผิดหวัง “ต้องขอโทษด้วยนะคะ” กระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยซ้ำอีกครั้งนั่นแหละ ปาลินถึงได้รู้ตัว เธอยิ้มแหยๆ ออกมาแล้วจึงพึมพำตอบกลับก่อนจะหันหลังเดินจากมา ขณะที่พยายามจะเค้นความคิดทั้งหมดออกมา “ไม่เป็นไรค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม