บทที่ 10

2802 คำ
ในที่สุดงานแต่งงานของคิมหันต์กับเนตรทรายก็มาถึง โดยงานเช้าถูกจัดขึ้นที่บ้านรัตนะรัตนอย่างหรูหราสมฐานะผู้บริหารบริษัท มณี กรุป บรรยากาศภายในงานถูกประดับตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบหลากสีอย่างสวยงาม โดยมีนางมณีเป็นญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เมื่อใกล้ได้ฤกษ์แขกเหรื่อก็เริ่มทยอยเข้ามาภายในงานกันอย่างหนาตา รวมทั้งคิมหันต์ก็เข้ามานั่งประจำที่รอว่าที่เจ้าสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็เพียงคนเดียวเท่านั้นก็คือเจ้าสาว ก้าวแรกที่เนตรทรายเดินลงบันไดมาแสงแฟลชและเสียงชัตเตอร์จากกล้องถ่ายรูปของนักข่าวที่มารอทำข่าวก็ดังรัวขึ้นทันที พร้อมกับแขกที่มาร่วมงานต่างก็ชะเง้อคอมองคนที่กำลังก้าวเดินลงมาจากบันไดอย่างสง่างามเหมือนกับนางพญา ยิ่งทำให้คิมหันต์ที่นั่งอยู่อยากเห็นว่าที่เจ้าสาวของเขาใจจะขาด ว่าจะสวยขนาดไหนทำไมทุกคนถึงได้มองตาแทบไม่กะพริบแบบนั้น ทันทีที่เนตรทรายเดินเข้ามาในพิธี คิมหันต์ถึงกับตกตะลึงเหมือนถูกสาป มองคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่วางตา ถึงแม้ว่างานแต่งงานครั้งนี้จะไม่ใช่ความประสงค์ของเขา และก็ไม่ได้เกิดจากความรักเหมือนคู่อื่นๆ แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เจ้าสาวของเขาสวยงดงามน่าพึงพอใจขนาดไหน เนตรทรายสวมชุดไทยประยุกต์สีเทาเงิน ที่ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยช่างฝีมือดี สีของชุดช่วยขับผิวที่ขาวนวลเนียนให้ผุดผ่องขึ้นไปอีก ทั้งลาดไหล่เรียวแขนกลมกลึงนวลเนียน ก็ดูบอบบางน่าทะนุถนอม ไหนจะดวงหน้านวลเนียน ที่วันนี้ถูกแต่งให้สวยหวานยิ่งทวีความงดงามยิ่งไปกว่าเดิม ไหล่ขาวนวลเนียนข้างหนึ่งถูกปิดด้วยสไบลายลูกไม้ ที่ปักเย็บด้วยมืออย่างประณีต เอวคอดกิ่วถูกรัดด้วยเข็มขัด เผยให้เห็นสะโพกผายรับกับช่วงขาเรียวยาว ที่ซ่อนอยู่ภายในถูกปิดด้วยชุดจนถึงเท้า ลำคอระหงรวมทั้งข้อมือและหู ประดับด้วยเครื่องเพชรชุดใหญ่ ที่สั่งทำเป็นพิเศษให้เข้ากับชุดที่หญิงสาวสวมใส่ ร่างบางก้าวเข้ามานั่งลงตรงหน้าของชายหนุ่มด้วยความขัดเขิน กับสายตาคมที่ทอดมองมาอย่างไม่วางตาอยู่ในขณะนี้ ไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาคมของคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่ตรงหน้า ได้แต่สำรวจแบบผ่านๆ ชุดที่คิมหันต์ใส่ คือชุดไทยประยุกต์ที่นำเอาความเป็นสากลมาผสมผสานกับความเป็นไทย โดยท่อนบทสวมสูทสีชมพูอ่อน ส่วนท่อนล่างใส่โจงกระเบนสีเทาเงินเพื่อให้เข้ากับชุดเจ้าสาว ผมดกดำถูกเซ็ทเป็นทรงให้เข้ากับใบหน้าคมคาย ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูหล่อขึ้นไปอีกจนเนตรทรายอดจะชื่นชมไม่ได้ "ไอ้คิมหุบปากได้แล้ว น้ำลายแกมันจะไหลออกมาอยู่แล้วน่ะ" ภาสกรพูดแซวเพื่อนรักขำๆ เพราะตั้งแต่เนตรทรายเดินมา เจ้าเพื่อนตัวดีของเขาก็นั่งมองเจ้าสาวตาไม่กะพริบ อ้าปากค้างไปหลายนาที คนถูกแซวรีบปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อน "หุบปากไปเลยไอ้กร" "ได้ฤกษ์สวมแหวนแล้วครับแม่" วาคินกระซิบบอกผู้เป็นแม่ ที่นั่งดูบนเก้าอี้ มองดูลูกรักทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปีติยินดี "คิมสวมแหวนให้น้องสิลูก" นางประไพกระซิบบอกลูกชายด้วยรอยยิ้ม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าลูกชายของนางก็จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักที ส่วนคิมหันต์ก็ทำตามที่ผู้เป็นแม่บอกอย่างว่าง่าย หยิบแหวนเพชรเม็ดโต ออกมาจากกล่องกำมะหยี่สีแดงที่วางอยู่ตรงหน้า มองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่เจ้าสาว ที่กำลังจะแปรเปลี่ยนมาเป็นภรรยาของเขาในอีกไม่นาน ก่อนจะจับมือบางข้างซ้ายขึ้นมา และค่อยๆ สวมแหวนเข้าไปที่นิ้วนางของหญิงสาว เนตรทรายมองมือของตัวเองด้วยความดีใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเหมือนฝัน ฝันว่าเธอกับเขาได้แต่งงานกัน ฝันที่เธอคิดว่ายังไงชาตินี้ มันก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน แต่ตอนนี้ความฝันของเธอมันเป็นจริงแล้ว เธอได้แต่งานกับคนที่เธอรัก มือบางยกขึ้นไหว้ชายหนุ่มอย่างอ่อนช้อย พร้อมกับมองผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เป็นด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข โดยที่คิมหันต์ก็ส่งยิ้มบางๆ กลับมาให้เช่นเดียวกัน กว่าพิธีการในช่วงเช้าจะเสร็จสิ้น ก็เล่นเอาคนทั้งคู่นั่งเมื่อยอยู่ไม่น้อย ใบหน้าสวยตอนนี้เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะหลังจากทำพิธีเสร็จ ก็ต้องเดินต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน ที่เป็นทั้งเพื่อนของคุณแม่ รวมถึงเหล่าบรรดานักธุรกิจที่ถูกเชิญมา ทั้งคู่เดินจับมือกันไว้ไม่ยอมปล่อยอย่างลืมตัว เดินเคียงคู่กันไปด้วยรอยยิ้ม เพราะทุกคนที่มาร่วมงานต่างก็พูดเป็นเสียงเดียว กันว่าเจ้าสาวนั้นสวยมากๆ เหมาะสมกันอย่างที่สุด ทำเอาคิมหันต์ยิ้มรับคำชมหน้าบานจนหุบยิ้มไม่ลง “พี่คิมเหนื่อยมั้ยคะ ดูสิเหงื่อเต็มหน้าเลยเดี๋ยวเนตรไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ” เสียงหวานพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง ผละตัวจะเดินออกไปเอาทิชชูมาซับเหงื่อให้คนข้างๆ แต่ก็ถูกอีกคนเรียกไว้ “ไม่ต้องหรอกเนตร... ห่วงแต่คนอื่นเขาดูหน้าตัวเองสิ มีแต่เหงื่อเหมือนกัน” พูดพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้า ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาเช็ดเหงื่อให้หญิงสาวอย่างเบามือ ทำเอาหัวใจน้อยๆ ของเนตรทรายเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที “ขอบคุณค่ะ แต่หน้าพี่คิมก็มีเหงื่อนะคะ มาค่ะเดี๋ยวเนตรเช็ดให้นะ ใช้ผืนเดียวกันนี่แหละเนาะ” ว่าแล้วเนตรทราย ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือของคิมหันต์เช็ดหน้าให้ชายหนุ่มบ้าง “นั้นๆ แน่ มาแอบหวานกันอยู่ตรงนี้นี่เอง ไอ้เราก็เดินตามหาให้ทั่วงาน” ภาสกรเอ่ยแซวขึ้น เมื่อเห็นคิมหันต์กับเนตรทรายกำลังยืนจู๋จี๋กันสองต่อสอง “นั่นสิคะ ไอ้เราก็หวังดีเห็นเดินรับแขกทั่วงาน กลัวเพื่อนจะเหนื่อยก็เลยว่าจะเอาน้ำมาให้กิน แต่คงไม่ต้องแล้วมั้ง” ภัสสรพูดแซวขึ้นบ้าง เลยได้ค้อนวงใหญ่จากเพื่อนสาวกลับมาเป็นการตอบแทน “เอามาเลยกำลังหิวอยู่พอดี” เนตรทรายพูดพร้อมกับยื่นมือไปรับแก้วน้ำจากภัสสรทั้งสองแก้วก่อนจะยื่นให้คิมหันต์หนึ่งแก้ว “วันนี้น้องเนตรสวยมากเลยนะครับ... พี่ล่ะอิจฉาไอ้คิมมันจริงๆ ที่ได้น้องเนตรไปเป็นภรรยา ถ้าเกิดไอ้คิมมันทำอะไรให้น้องเนตรไม่พอใจหรือเสียใจมาบอกพี่ได้เลยนะครับเดี๋ยวพี่กรคนนี้จะจัดการมันให้เองครับ” “ขอบคุณนะคะพี่กร” “น้อยๆ หน่อยไอ้กร หุบปากไปเลยมึง” เสียงเข้มพูดออกมาอย่างหมั่นไส้ “ลูกศรฝากยัยเนตรด้วยนะคะพี่คิม ดูแลยัยเนตรแทนลูกศรด้วยนะคะ ยัยเนตรมันรักพี่คิมม้ากมาก” เนตรทรายถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ที่ได้ยินประโยคสุดท้ายของภัสสร หันมองหน้าคิมหันต์แต่ก็ต้องรีบหันหน้าหนี เมื่อเจอสายตาคมที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว “ครับ พี่จะดูแลเพื่อนลูกศรเอง” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ที่ทำให้คิมหันต์พูดออกไปแบบนั้น แต่จะอะไรก็ช่างมันคือสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ ในตอนนี้ งานช่วงเช้าเสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อย เหลือแต่งานเลี้ยงช่วงเย็นที่กำลังจะเริ่มขึ้น งานช่วงเย็นถูกจัดขึ้นที่โรงแรมดังระดับประเทศ ทุกอย่างถูกเนรมิตให้เป็นเมืองดอกไม้สวยงาม ตามที่เนตรทรายชอบ โดยที่คิมหันต์ก็ไม่ได้คัดค้านหรือว่าอะไร แต่กลับตามใจทุกอย่าง เนตรทรายในตอนนี้ ต้องตื่นมานั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมอีกครั้ง หลังจากที่เธอเพิ่งจะได้พักไปยังไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ “เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณเนตรไปใส่ชุดได้เลยนะคะ” เนตรทรายเดินไปใส่ชุดแต่งงานสีขาวสะอาดตา ที่แขวนอยู่ในห้องแต่งตัวอย่างว่าง่าย ร่างบางเดินออกมาจากห้องอีกครั้ง ด้วยชุดแต่งงานที่ตอนนี้มาอยู่บนร่างบางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “สวยมากเลยค่ะคุณเนตร นี่ถ้าคุณคิมเห็นต้องตะลึงแน่ๆ เลยค่ะ” จิมมี่เจ้าของร้าน ที่เนตรทรายไปตัดชุดเอ่ยออกมาอย่างชื่นชม ในความสวยงามของเจ้าสาว พร้อมทั้งจับร่างบางหมุนไปหมุนมา เพื่อสำรวจความเรียบร้อยของชุดเป็นครั้งสุดท้าย “ขอบคุณค่ะพี่จิมมี่ ต้องยกความดีความชอบให้พี่จิมมี่ครึ่งหนึ่งนะคะเนี่ย เพราะถ้าวันนั้นพี่จิมมี่ไม่ช่วยเนตรเลือกชุดเนตรก็คงไม่ได้ชุดสวยๆ แบบนี้หรอกค่ะ” “เสร็จหรือยังเจ้าหญิงของแม่” นางมณีเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับวาคิน ที่ตอนนี้แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนตรทรายจึงเดินยิ้มเข้าไปหา พร้อมกับสวมกอดผู้เป็นแม่ไปหนึ่งที “เสร็จแล้วค่ะคุณท่าน วันนี้คุณเนตรสวยมากๆ เลยค่ะ” จิมมี่ยังคงเอ่ยปากชมเนตรทรายไม่หยุด จนคุณมณีต้องผละคนในอ้อมกอดออก เพื่อมองว่าเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ของนางสวยดั่งที่เขาว่ากันหรือเปล่าและก็เป็นอย่างที่จิมมี่พูดวันนี้ลูกสาวของนางสวยมากสวยมากจริงๆ “ลูกสาวแม่สวยจริงๆ วันนี้” “คุณแม่ของเนตรก็สวยค่ะ สวยที่สุดเลย” “อะไรกันพี่ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่คิดจะชมกันบ้างเลยรึไง” วาคินพูดท้วงออกมา แสร้งทำหน้าบึ้งอย่างไม่จริงจังอะไรนัก ที่น้องสาวกับแม่ของเขาดูจะชื่นชมกันเอง เนตรทรายเลยต้องรีบเดินเข้ามาหาก่อนจะโผเข้าไปกอดพี่ชายสุดที่รักของเธอ “เฮียของเนตรก็หล่อค่ะ หล่อมากๆ ด้วย แต่หล่อน้อยกว่าพี่คิมของเนตรนิดหนึ่งนะคะ” คำพูดของเนตรทรายเรียกเสียงหัวเราะของคนที่อยู่ในห้องนั้นขึ้นมาทันที “เรานี่จริงๆ เลยนะ อะๆ พี่ยอมให้พี่คิมวันหนึ่งก็ได้” “งั้นแม่ลงไปดูแลแขกด้านล่างก่อนนะลูก ส่วนคิวอยู่กับน้องที่นี่แหละ ได้เวลาเดี๋ยวแม่จะให้คนมาตาม” พูดจบนางมณีก็เดินออกจากห้องไป “เฮีย เนตรตื่นเต้นจังเลยค่ะ” มือบางยืนมือไปจับมือวาคินมากุมไว้ หวังจะให้อีกคนช่วยผ่อนคลายความตื่นเต้นที่มีอยู่ในตอนนี้ แม้จะผ่านพิธีการช่วงเช้ามาแล้ว แต่มันก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี วาคินมองน้องสาวตัวเองยิ้มๆ รับรู้ได้ถึงความเย็นจากมือบางที่จับมือเขาอยู่ “หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ ไหนลองทำซิ” เนตรทรายรีบทำตามที่วาคินบอกทันที แม้มันจะไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นที่มีหายไป แต่ก็ลดลงจากตอนแรกลงบ้าง “เป็นยังไงดีขึ้นมั้ย” เนตรทรายพยักหน้ารับเบาๆ “ลูกศร” เนตรทรายเรียกเพื่อนรักที่เดินเข้ามาในห้องก่อนที่ทั้งสองจะสวมกอด “ฉันดีใจกับแกด้วยนะ ดีใจจริงๆ” คนพูดน้ำตาคลอเบ้าด้วยความดีใจที่เห็นเพื่อนรักมีความสุข นั่นจึงทำเนตรทรายน้ำตาคลอเบ้าตามไปด้วย ก่อนจะดึงภัสสรเข้ามากอดอีกครั้ง “ขอบใจแกมากๆ นะลูกศร ฉันรักแกจัง” “รู้แล้วน่า... วันนี้วันดีห้ามร้องไห้นะ เดี๋ยวไม่สวยขึ้นมาจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ” เนตรทรายพยักหน้ารับ รีบกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาให้หายกลับเข้าไปเหมือนเดิม “ลูกศรฉันตื่นเต้นจังเลย ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง” “แขกเริ่มทยอยมากันแล้วล่ะ นี่คุณป้าก็ให้ฉันมาตามแกกับพี่คิวไปต้อนรับแขกกับพี่คิมน่ะ” “งั้นก็ไปกันเถอะสาวๆ ปะ” วาคินพูดพร้อมกับจับมือน้องสาวมาคล้องแขนตัวเอง เดินออกจากห้องแต่งตัวไป ด้านคิมหันต์ ที่ตอนนี้แต่งตัวด้วยชุดสูทสุดหรูสีกรมท่า กำลังยืนต้อนรับแขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมงานเคียงคู่กับคุณมณี สายตาก็พลางมองไปที่ทางเดินเข้างานครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังไม่เห็นเจ้าสาวของตัวเองเดินออกมาสักที จนภาสกรที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องพูดแซวออกมาด้วยความหมั่นไส้ “นี่ไอ้คิม ชะเง้อจนคอจะยาวเป็นยีราฟแล้วน่ะ ห่างนิดห่างหน่อยไม่ได้เลยน่ะ ก็อย่างว่าล่ะน้าเจ้าสาวสวยขนาดนี้ ถ้าเกิดยังทำตัวไม่สนใจอยู่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงล่ะ” “ไม่เสือกสิครับเพื่อน” “ครับๆ แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นอารมณ์เสีย...เฮ้ยๆ! ไอ้คิม น้องเนตรมานู่นแล้ว สวยอย่างกับเจ้าหญิงเลยว่ะ” สิ้นเสียงของภาสกร คิมหันต์ก็หันหลังกลับไปมองทันที ใบหน้าหล่อยิ้มออกมาอย่างถูกใจ เมื่อเห็นเจ้าสาวของตัวเอง เดินมาด้วยชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูแขนยาว ประดับด้วยลูกไม้ทั้งชุด เมื่อได้มาอยู่บนตัวของหญิงสาว ช่างทำให้เธอช่างดูอ่อนหวานราวกับเจ้าหญิง ผมยาวถูกเก็บขึ้น เผยใบหน้าสวยหวานให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น แต่รอยยิ้มก็พลันหายไป เมื่อสายตาคมมาสะดุดอยู่ที่ตัวเสื้อด้านบท ที่ช่วงอกของตัวเสื้อคว้านลงลึกจนเห็นอกอวบที่โผล่พ้นตัวเสื้อขึ้นมา แม้จะมีผ้าซีทรูสีเนื้อปิดอยู่ก็เถอะ แต่มันก็ยังเห็นอกอวบคู่นั้นอยู่ดี คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีด้วยความไม่พอใจ และนั่นทำให้เนตรทรายหน้าเจือนไปทันทีพลางคิดไปต่างๆ นานา ว่าคิมหันต์ไม่ชอบชุดที่เธอใส่ หรือว่าเธอไม่สวย หรือว่าเขาหงุดหงิดที่ต้องมาแต่งงานกับเธอ “คิม ไปรับน้องมายืนด้วยกันสิลูก” สิ้นเสียงของผู้เป็นแม่ คิมหันต์ก็เดินมาจับมือเนตรทรายต่อจากวาคินที่วางมือของเนตรทรายลงบนมือฝ่าของพี่ชาย “ดูแลมือคู่นี้ดีๆ นะพี่คิม” “รู้แล้วน่า ย้ำกันจัง” คิมหันต์พูดเสียงเรียบพร้อมกับจับมือบางไว้ เนตรทรายก้มลงมองมือตัวเองที่อยู่ในมือของคิมหันต์ ใบหน้าหวานยิ้มน้อยๆ ออกมาอย่างดีใจและมีความสุข ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของมือที่จับมือเธอไว้ มองดูเจ้าบ่าวของเธอด้วยสายตาชื่นชม คิมหันต์ตอนนี้อยู่ในชุดสูทสีกรมท่าเรียบหรู ผมถูกเซ็ทให้เข้ากับใบหน้าอย่างดี ทำให้ใบหน้าหล่อคมคายดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นเท่าตัว “วันนี้พี่คิมหล่อจังเลยค่ะ” เอ่ยชมออกไปเบาๆ ทำเอาคนถูกชมถึงกับยิ้มมุมปากออกมาอย่างดีใจ หัวใจหินเริ่มมีอาการเต้นผิดจังหวะขึ้นมาแปลกๆ “อืม... ไปรับแขกเถอะ” พูดจบก็เดินจูงมือเนตรทราย มาบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง แม้จะแอบผิดหวังอยู่นิดๆ ที่เขาไม่เอ่ยชมเธอบ้างเลย แต่แค่นี้มันก็ดีที่สุดแล้วสำหรับเธอ แค่นี้มันก็มาไกลเกินฝันของเธอมากแล้วจริงๆ บ่าวสาวยืนต้อนรับแขกที่ทยอยเข้ามาในงาน บ้างก็มาขอถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาว ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งเนตรทรายและคิมหันต์ ต่างก็หันมองกันเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา “สวัสดีครับคุณมณี คุณคิมหันต์ ผมดีใจด้วยนะครับ มีความสุขมากๆ นะครับคุณคิมหันต์” เสียงทักทายของชายสูงวัยที่ใครๆ ก็รู้ว่าเขาคนนี้คือใคร นั่นก็คือนายพงษ์พัฒน์เจ้าของบริษัทบริษัทสตาร์ ไดมอนส์ บริษัทคู่แข่งทางด้านธุรกิจเครื่องประดับ ที่ฟาดฟันผลงานกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านกันทุกๆ ปี “ขอบคุณมากๆ นะครับคุณพงษ์พัฒน์ ไม่คิดว่าคุณพงษ์พัฒน์จะให้เกียรติมาร่วมงานแต่งของผมด้วยตัวเองขนาดนี้” คิมหันต์พูดออกไปอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยตัวเองนั้นอายุน้อยกว่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม