เอาไม่ลง/ตัวปัญหา

3722 คำ
ปิ่นปัก..... "คุณนนท์ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับของๆ ปิ่น" ฉันผลักเขาต่อว่าเขาอย่างไม่กลัวเพราะรูปนั้นมันมีค่าสำหรับฉันมากเพราะมันเป็นรูปถ่ายเพียงใบเดียวที่ฉันมีอยู่เพราะรูปอื่นๆ เขาสั่งในคนเผาทิ้งไปหมดแล้วรวมถึงของใช้ทุกอย่างของแม่ด้วย "กูมีสิทธิ์ทำมากกว่านี้อีกถ้ากูพอใจที่จะทำ" "ว๊ายยย" แล้วร่างกายของฉันก็ถูกกระชากโยนลงไปบนเตียง ฉันจุกไปหมดเพราะเขาโยนฉันลงเตียงแรงมาก ฉันพยายามพยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ไม่ทันได้ขยับตัวเขาก็ก้าวตามขึ้นมาบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมร่างฉันทำให้ตอนนี้ฉันอยู่ใต้ร่างของเขา เราสองคนจ้องหน้ากันนานมาก นานจนทำให้ใจของฉันสั่นไปหมดเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราใกล้ชิดกันขนาดนี้ ฉันหลบสายตาเขาด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ "หลับตาทำไม หรือเขิน" เขาถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวก่อนจะขยับใบหน้าลงมาอย่างช้าๆจนฉันต้องรีบหลับตาแน่นเพราะไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร ใจของฉันตอนนี้มันไม่ได้แค่สั่นอย่างเดียวแต่มันเต้นแรงมากด้วยมากจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของฉัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งนั่นก็หมายความว่าเขาขยับใบหน้าลงใกล้ฉันเรื่อยๆฉันพยายามทำตัวให้นิ่งไม่กล้าขยับเพราะกล้วไปหมด "หึ เขินจริงด้วย จะว่าไปมึงก็สวยใช้ได้เลยนะ ผิวก็ดี หน้าอกก็ใหญ่พอตัว" ฉันรีบเอามือปิดบังหน้าอกตัวเองทันทีทั้งที่ยังหลับตา "ถามหน่อยเคยเอากับใครมาบ้างหรือยัง" ฉันรีบส่ายหน้าทันทีเพราะตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหนไม่เคยให้ใครแตะเนื้อต้องตัวจะมีก็แต่เขาคนแรก "หึบริสุทธิ์อยู่ว่างั้น หายากนะเด็กสาวสมัยนี้ จะขึ้นมอหกแล้วนี่เคยมีแฟนหรือยัง" ฉันไม่รู้ว่าเขาถามเพื่ออะไร "มะ ไม่เคยมีค่ะคุณพ่อบอกว่าปิ่นยังเด็กไม่ควรคิดเรื่องนี้" ฉันบอกเขาไปตามตรง ตอนที่ท่านยังอยู่ท่านสอนฉันเสมอว่าอย่ารีบมีแฟนรอให้เรียนจบก่อนท่านสอนให้ฉันหวงเนื้อหวงตัวอย่าใจง่ายฉันก็เชื่อฟังคำสอนของท่านเสมอมาไม่เคยคบใครทั้งที่มีคนเข้ามาจีบฉันเยอะแยะมากมายแต่ฉันก็ไม่เคยสนใจใคร "เชื่อฟังดีนี่ เป็นเด็กดีแบบนี้สินะพ่อกูถึงรักแล้วก็แบ่งสมบัติให้กูกับมึงเท่าๆกัน" "โอ๊ะ" ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็เอามือมาบีบคอฉันแม้เขาจะไม่ได้ลงน้ำหนักมือมากแต่ก็ทำให้ฉันกลัว "ทำไมเจ็บอ่อ?? แต่กูไม่ได้ลงแรงอะไรเลยนะ" "แต่ปิ่นกลัวคุณนนท์ปล่อยปิ่นเถอะนะปิ่นกลัวจริงๆ" ฉันขอร้องเขาเพราะเขาไม่ยอมคลายมือออกจากลำคอของฉันซ้ำยังใช้สายตามองฉันไปทั่วร่าง "หึกลัวงั้นเหรอ กลัวอะไรกลัวกูจะทำอะไรมึงหรือคิดว่ากูจะพิศวาสมึงงั้นเหรอปิ่น หึ ถึงกูจะเมาถึงกูจะเ****นกูก็ไม่เอาผู้หญิงอย่างมึงหรอกบอกตามตรงกูเอาไม่ลง" พูดจบเขาก็ขยับตัวแล้วลุกออกจากเตียงยืนมองฉันอยู่ตรงปลายเตียงด้วยสายตาเกลียดชังเหมือนที่เคยทำก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ฉันรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตูใส่กลอนประตูทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะกลับเข้ามาอีก เขาทำให้ฉันกลัวต่อไปฉันคงต้องอยู่ให้ห่างจากเขามากกว่าเดิมโดยเฉพาะเวลาที่เขาเมา ชานนท์.... ผมตื่นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งหัวสงสัยเป็นเพราะเหล้าที่กินเมื่อคืน ผมไม่รู้ว่าพวกมันผสมอะไรให้ผมกินบ้างเพราะผมไม่เคยเมาขนาดนี้มาก่อน "คุณนนท์จะไปมหาลัยเหรอคะ" ป้าจิตถามผมเมื่อผมเดินมาที่โต๊ะทานข้าว "ครับป้า" "ว่าแต่ทำไมคุณนนท์ต้องแต่งตัวเรียบร้อยขนาดนี้ด้วยล่คะแถมยังใส่แว่นตาหนาเตอะ บอกตามตรงเลยนะคะป้าว่ามันบดบังความหล่อของคุณนนท์ไปหมดเลย" ผมไม่ได้ตอบคำถามป้าจิต แต่ที่ผมแต่งตัวแบบนี้ผมมีเหตุผลของผม ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงมหาลัย พอผมเข้าไปรายงานตัวเสร็จผมก็เดินออกมาเพื่อจะไปลานจอดรถแต่แล้วสายตาของผมก็ไปปะทะเข้ากับนักศึกษาผู้หญิงคนนึงเธอกำลังเดินหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาบนตึกมองซ้ายมองขวาเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง ผมก็เลยหยุดยืนมองเธออยู่ตรงนั้นเพราะผมไม่อาจจะละสายตาไปจากเธอได้เลย จนกระทั่งเธอเดินเข้ามาหาผม "ขอโทษนะคะคุณเรียนอยู่ปีไหนอ่ะ" "ปีหนึ่ง" ผมตอบคนตรงหน้าไปสั้นๆ "อ่อถ้างั้นเราก็เป็นน้องใหม่เหมือนกัน ว่าแต่นักศึกษาใหม่เค้าไปรายงานตัวกันที่ไหนเหรอนายรู้มั้ย" "เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอบันไดให้ขึ้นบันไดไปชั้นสามห้องรายงานตัวจะอยู่ห้องแรกขวามือ" "ขอบคุณนะ ว่าแต่นายเรียนคณะอะไรเหรอ" "บริหาร" "คณะเดียวกันเลย เราชื่อนับดาวนะแล้วนายชื่ออะไรเหรอ" "นนท์" "อ่อ นนท์ยินดีที่ได้รู้จักนะ งั้นเราไปก่อนนะสายแล้ว^^" "อืมมม" ผมมองตามหลังนับดาวไปจนเธอลับตา ผมรู้สึกบอกไม่ถูกผมไม่เคยใจแต้นแรงกับใครขนาดนี้มาก่อนแต่นับดาวเป็นคนแรก ปิ่นปัก.... "ทำไมมือเแกถึงบวมแดงขนาดนี้ปิ่นไปโดนอะไรมา" ดิวถามฉันเมื่อเห็นฉันกำลังทายาที่มือเพราะตอนนี้มือของฉันบวมและแดงมาก แต่มันไม่ได้บวมแค่มือเท้าก็เหมือนกันเมื่อคืนฉันก็เอายาสีฟันทาเพื่อบรรเทาอาการไปก่อนเพราะฉันไม่มียาทาครั้นจะไปถามกับป้าแม่บ้านก็เกรงใจเพราะมันดึกมากแล้วฉันก็เลยแวะซื้อยาก่อนเข้าโรงเรียนเมื่อเช้านี้เอง "โดนน้ำร้อนลวกน่ะ" "ไปทำอิท่าไหนถึงโดนน้ำร้อนลวกมือ ว่าแต่แสบมากเลยใช่ไหม" "อื้มมม แสบมากเลยแต่ถ้าทายาแล้วคงดีขึ้น" "ปิ่น" "หื้มมม" "ฉันมีเรื่องอยากจะถามแกหน่อยอ่ะแต่ถ้าแกไม่โอเคไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรนะ" "เรื่องอะไรเหรอ" "ก็เรื่องพ่อของแกไงตอนนี้เค้าพูดกันทั้งโรงเรียนแล้วนะว่าจริงๆแล้วแกไม่ใช่ลูกแท้ๆแถมยังมีพูดถึงแม่แกอีกว่าแม่แกไปแย่งพ่อแกมาจากภรรยาเก่าแล้วแกรู้มั้ยว่าใครเป็นคนเอามาเล่า" "ใคร" "จะใครซะอีกล่ะก็ยัยจีจี้ไงที่เป็นคนเอามาเล่าให้คนทั่วทั้งโรงเรียนฟังจนคนเค้ารู้กันทั่วฉันไม่รู้ว่ามันไปรู้มาจากไหน มันใส่ร้ายแกหรือเปล่าเพราะมันอิจฉาแกมาตลอดมันคงแค้นใจที่อาจารย์เลือกแกให้เป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งแถมเวลามีงานสำคัญอะไรแกก็ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนตลอดทุกปี" "มันคือเรื่องจริงฉันไม่ใช่ลูกของท่านจริงๆ" "แล้วแกโอเคมั้ยปิ่น" "ไม่โอเคก็ต้องโอเคให้ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อมันคือความจริง" "ต่อไปนี้ถ้ามีใครมองแกแบบแปลกๆหรือมาพูดอะไรไม่ดีกับแกแกอย่าคิดมากนะเข้าใจไหม" "ฉันจะพยายามละกันเพราะฉันเตรียมใจมาแล้ว ว่าแต่แกยังอยากจะคบกันฉันเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่าดิว" "ทำไมแกพูดแบบนี้ล่ะ" "ก็ฉันกลัวแกจะอึดอัด" "ฉันไม่สนใจใครหรอกแกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันนะปิ่น" "ขอบใจนะดิว" ฉันขอบใจดิวเพราะดิวคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ฉันมีอยู่ "ว่าไงจ๊ะแม่นักเรียนดีเด่นแม่ดรัมเมเยอร์มือหนึ่ง แกรู้มั้ยว่าตอนนี้คนทั้งโรงเรียนเค้าพูดถึงแกว่ายังไงบ้าง" ขณะที่ฉันกับดิวกำลังจะเดินขึ้นตึกเรียนจู่ๆจีจี้ก็เดินมาขวางหน้าแล้วกอดอกมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า "แกอย่ามาหาเรื่องอะไรปิ่นนะจีจี้" "ฉันไปหาเรื่องอะไรเพื่อนแกไม่ทราบนังดิวในเมื่อเรื่องที่ฉันพูดมันคือความจริง" "ความจริงแล้วไงแกมีสิทธิ์อะไรเอาเรื่องของปิ่นมาโพทนาให้คนทั้งโรงเรียน" "ก็ฉันอยากให้คนอื่นเค้าได้รู้ไงว่าจริงๆแล้วคนที่ใครๆคิดว่าดีพร้อมไปซะทุกอย่างเป็นลูกคุณหนูบ้านรวยเป็นนักเรียนดีเด่นกิจกรรมเป็นเลิศแบบนังปิ่นจริงๆแล้วมันเป็นคนยังไงกันแน่ จะว่าไปแม่แกนี่ก็เก่งใช่ย่อยเนอะปิ่นหลอกพ่อแกได้ตั้งหลายสิบปี ไม่เลวจริงทำไม่ได้หรอกนะ5555" เพี๊ยะ!!!! ฉันตบหน้าจีจี้ไปหนึ่งทีแบบเต็มแรงเพราะฉันทนไม่ได้ที่ใครจะมาว่าแม่ของฉัน ใครจะด่าจะว่าฉันยังไงฉันไม่ว่าแต่ขอร้องอย่ามาด่าแม่ถึงท่านจะทำผิดแต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาด่ามาว่าท่าน "โอ๊ย นังปิ่นแกกล้าตบหน้าฉันเหรอห๊ะ ฉันจะไปฟ้องอาจารย์ฝ่ายปกครองให้ไล่แกออก!!!" "อยากฟ้องก็ไปฟ้องเลยฉันจะเป็นพยานให้ปิ่นเองว่าแกเข้ามาหาเรื่องปิ่นก่อนมาพูดจาไม่ดีกับปิ่นก่อน" "ทำไมในเมื่อเรื่องที่ฉันพูดมามันเรื่องจริงทั้งนั้น หรือแกจะปฏิเสธห๊ะนังปิ่นว่าแม่แกไม่ได้เลวอย่างที่ฉันว่ามา" ฉันกำหมัดแน่นพยายามระงับความโกรธ ตอนนี้ฉันต้องใจเย็นสงบสติอารมณ์ ตอนนี้ฉันกับจีจี้ได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องของอาจารย์ฝ่ายปกครอง โดยมีอาจารย์อีกหลายท่านนั่งอยู่ด้วย "ว่าไงปิ่นปักเธอทำร้ายร่างกายจีจี้จริงๆใช่ไหม" "จริงค่ะ" ฉันรับสารภาพไปตามตรง "เธอเป็นเด็กเรียนดีมารยาทเรียบร้อยไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียไม่เคยก่อเรื่องทำไมครั้งนี้เธอถึงทำแบบนี้ล่ะปิ่นรู้ไหมว่าอาจารย์หลายๆท่านผิดหวังในตัวเธอมาก" "ว่าไงปิ่นปักเธอทำร้ายร่างกายจีจี้จริงๆ ใช่ไหม" "จริงค่ะ" ฉันรับสารภาพไปตามตรง "เธอเป็นเด็กเรียนดีมารยาทเรียบร้อยไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียไม่เคยก่อเรื่องทำไมครั้งนี้เธอถึงทำแบบนี้ล่ะปิ่นรู้ไหมว่าอาจารย์หลายๆ ท่านผิดหวังในตัวเธอมาก" ฉันนั่งเงียบเพราะไม่อยากจะพูดถึงสาเหตุฉันไม่รู้ว่าอาจารย์ท่านจะว่ายังไงรู้สึกยังไงเพราะฉันคิดว่าเรื่องของครอบครัวฉันอาจารย์ทุกคนน่าจะทราบกันหมดแล้ว "อาจารย์ต้องไล่มันออกนะคะจีจี้ไม่ยอมมันทำร้ายร่างกายจีจี้อาจารย์ดูหน้าจีจี้สิคะแดงไปหมดเลย" "เธอก็เหมือนกันจีจี้เธอไปกล่าวหาแม่ของปิ่นเค้าทำไม" "ก็มันเรื่องจริงนี่คะอาจารย์จีจี้ไม่ได้กล่าวหาสักหน่อย" "ต่อให้เป็นเรื่องจริงเธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าปิ่นแบบนั้นแม่ใครๆก็รักทั้งนั้น" "อาจารย์เข้าข้างมันเหรอคะ" "อาจารย์พูดอย่างเป็นกลางผิดก็ว่าไปตามผิดอีกอย่างนะถ้าเธอไม่ไปหาเรื่องปิ่นก่อนไม่ไปพูดถึงแม่ของเขาในทางเสียหายปิ่นเค้าก็คงไม่ทำร้ายร่างกายเธอ เพราะฉะนั้นครั้งนี้อาจารย์จะลงโทษโดยการทําทัณฑ์บนเธอทั้งสองคนโดยการให้ทำความสะอาดอาคารเรียนจีจี้ทำหนึ่งอาทิตย์ส่วนปิ่นให้ทำสองอาทิตย์" "ไม่ค่ะจีจี้ไม่ทำอาจารย์จะมาทำแบบนี้กับจีจี้ไม่ได้จีจี้ไม่ผิดจีจี้ไม่ยอมจีจี้จะฟ้องคุณพ่อกับคุณแม่ว่าต่อไปไม่ต้องเอาเงินมาให้โรงเรียน" ที่จีจี้พูดแบบนี้ก็เพราะว่าพ่อกับแม่ของจีจี้เป็นคนใหญ่คนโตมีชื่อเสียงคอยเอาเงินมาสนับสนุนโรงเรียนทีละหลายล้านมันก็เลยทำให้จีจี้กล้าเถียงอาจารย์แบบนี้ "เชิญจ่ะเชิญเลยหรือถ้าเธอไม่พอใจในการตัดสินของอาจารย์เธอจะลาออกก็ได้นะ" พออาจารย์พูดแบบนั้นจีจี้ก็เงียบลงทันทีแล้วหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาโกรธแค้น "แต่อาจารย์คงต้องเชิญผู้ปกครองของพวกเธอรับรู้และมาเซ็นต์รับทราบถึงพฤติกรรมของเธอทั้งสองคน ปิ่นวันจันทร์หน้าเธอพาผู้ปกครองของเธอมาพบอาจารย์หลังเลิกเรียน เธอด้วยจีจี้" "ค่ะอาจารย์" "เอาล่ะไม่มีอะไรแล้วไปเข้าห้องเรียนได้ แล้วก็อย่าให้ได้ยินอีกนะว่ามีเรื่องกันอีกคราวนี้ไล่ออกทั้งคู่แน่" ฉันยกมือไหว้อาจารย์ที่ท่านยังมีความเมตตาและให้ความยุติธรรมกับฉันไม่ไล่ฉันออกแต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ตอนนี้ฉันไม่มีผู้ปกครองแล้วใครจะพบอาจารย์ล่ะ หลายวันต่อมา.... ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแม่บ้านแม่ครัวก็ต่างพากับกลับไปพักผ่อนเพราะงานในบ้านเสร็จหมดแล้วทำให้ตอนนี้ทั้งบ้านเหลือแค่ฉันคนเดียวส่วนพี่นนท์เขายังไม่กลับจากมหาลัยฉันแอบได้ยินป้าจิตคุยกับแม่บ้านคนอื่นๆว่าช่วงนี้พี่นนท์มีกิจกรรมรับน้องที่มหาลัยก็เลยกลับค่ำทุกวัน ฉันนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกเพราะมีเรื่องอยากจะขอร้องให้เขาไปเป็นผู้ปกครองให้ฉันในวันพรุ่งนี้ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะเต็มใจไปให้ฉันหรือเปล่า ชานนท์... วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมต้องเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องตั้งแต่เย็นจนถึงค่ำซึ่งเป็นอะไรที่โคตรน่าเบื่อ หลังจากรับน้องเสร็จผมก็รีบลุกทันทีเพราะอยากกลับบ้านนอน แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากลานกิจกรรมสายตาผมก็เหลือบไปเห็นนับดาวผู้หญิงที่ผมคิดว่าผมตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น เธอกำลังเดินมาทางผมและกำลังเดินผ่านหน้าผมไป อยากจะบอกว่าเราเรียนคณะเดียวกันก็จริงแต่เราไม่เคยคุยกันเลยผมนั่งอยู่ฝั่งนึงเธอนั่งอยู่ฝั่งนึงแต่ผมก็แอบมองเธอตลอด "เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป!!" ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปทักเธอก่อนที่เธอจะเดินไปไกลกว่านี้ เธอมองหน้าผมด้วยสายตางุนงงและสงสัยผมคิดว่าเธอคงจำผมไม่ได้ "เธอชื่อนับดาวใช่มั้ย" "อื้มมมใช่" "เราชื่อนนท์นะ" ผมแนะนำตัวกับนับดาวอีกครั้งเพราะคิดว่าเธอคงจำผมไม่ได้จริงๆ "อื้มมรู้แล้วชื่อนายห้อยอยู่ที่คอว่าแต่มีอะไรกับเราเหรอ" "ก็ไม่มีอะไรหรอกเราแค่อยากทำความรู้จักเธอน่ะ" "อื้มก็รู้จักแล้วไง แค่นี้ใช่ไหมเราจะรีบกลับ" "อย่าเพิ่งกลับสิ คือ..เอ่อ...คือ" "มีอะไรก็พูดมาเลย" "เราอยากเป็นเพื่อนเธอน่ะ คือเรายังไม่มีเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันเลยสักคนเธอเองก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ" "นายรู้ได้ไงว่าเราไม่มีเพื่อน" "ก็เราสังเกตเห็นไง เรามองเธอตลอด" "นายเป็นพวกโรคจิตป่ะ มาคอยมองเราทำไมน่ากลัวนะเนี่ย" นับดาวขยับตัวหนีเธอคงคิดว่าผมเป็นโรคจิตจริงๆ "เห้ยไม่ใช่แบบนั้นเราไม่ใช่โรคจิตนะอย่าเข้าใจผิดคือเราสังเกตเธอมาหลายครั้งแล้วเธอดูเหมือนเป็นคนไม่ค่อยแคร์ไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้างอยู่คนเดียวก็ได้ เธอคล้ายกับเราเลยเราก็เลยอยากเป็นเพื่อนกับเธอ" ผมไม่เคยขอใครเป็นเพื่อนและไม่เคยพูดกับผู้หญิงคนไหนด้วยคำพูดแบบนี้นับดาวเป็นคนแรก "เป็นเพื่อนกับเราอ่ะนะ" "อืมม ทำไมเหรอหรือเธอไม่ไว้ใจเรา งั้นก็ไม่เป็นไรเราขอโทษนะที่เข้ามาทักงั้นเราขอตัวกลับก่อนนะ" "เดี๋ยวก่อนนนท์อย่าเพิ่งไป" "คือถ้านายอยากเป็นเพื่อนกับเราก็ได้นะ เราจะเป็นเพื่อนกับนาย" "จริงเหรอดาว เธอจะยอมเป็นเพื่อนกับเราจริงๆ เหรอ" ผมยิ้มให้กับนับดาวที่เธอยอมเป็นเพื่อนกับผม ผมโคตรรู้สึกดีเลยและรู้สึกขอบคุณตัวเองที่กล้าที่จะเข้าไปทักนับดาว ผมกลับบ้านอย่างอารมณ์ดีแต่พอเข้ามาในบ้านผมก็เจอกับคนบางคนที่ทำให้ผมเริ่มอารมณ์ไม่ดี "ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาเสนอหน้าให้ฉันเห็น" "คือปิ่นมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณนนท์ให้ช่วยค่ะ คือวันจันทร์นี้อาจารย์เชิญผู้ปกครองให้ไปพบค่ะนี่ค่ะจดหมายเชิญ" ฉันยื่นจดหมายเชิญผู้ปกครองให้กับเขาแต่เขาไม่สนใจซึ่งฉันก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว "ไม่ไปมันไม่ใช่หน้าที่ของฉันและฉันก็ไม่ใช่ผู้ปกครองของเธอ อยากได้ผู้ปกครองก็ไปจุดธูปบอกแม่เธอให้พาไปสิ" "นะคะคุณนนท์ปิ่นขอร้อง" "ฟังภาษาคนไม่รู้หรือไงวะว่าฉันไม่ไป!!!!" "ถ้าคุณนนท์ไม่ไปเรื่องพินัยกรรม...." "อ่อจะเอาเรื่องพินัยกรรมมาขู่ฉันงั้นสิ หึนิสัยเหมือนแม่เธอไม่มีผิดอยากได้ของๆคนอื่นจนลืมผิดชอบชั่วดี" ฉันพยายามทำให้เย็นไม่โกรธอะไรเขาเพราะตอนนี้ฉันต้องพึ่งพาเขาอยู่ อะไรที่ทนได้ฉันก็ต้องทน "ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือปิ่นจะเซ็นต์คืนทรัพย์สินทุกอย่างที่คุณพ่อให้ปิ่นปิ่นจะคืนให้กับคุณนนท์ทุกบาททุกสตางค์ขอเพียงแค่คุณนนท์ยอมเป็นผู้ปกครองของปิ่นจนกว่าปิ่นจะเรียนจบมอหกปิ่นขอแค่นี้ค่ะ" "เธอมันเชื่อไม่ได้เหมือนแม่เธอนั่นแล่ะ" "ถ้าคุณนนท์ไม่เชื่อคุณนนท์รอปิ่นตรงนี้ก่อนนะคะเดี๋ยวปิ่นมา" ฉันบอกเขาก่อนจะวิ่งเข้าห้องนอนตัวเองแล้วหยิบซองเอกสารออกมามันคือเอกสารที่ฉันเซ็นต์ยกทรัพย์สินทุกอย่างที่ได้มาให้กับเขารวมถึงส่วนของแม่ของฉันด้วยฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้นเพราะมันไม่ใช่ของฉันซึ่งฉันได้เซ็นต์เอาไว้นานแล้วแต่ไม่ได้ให้เขาเพราะคิดว่าจะเอาไว้ต่อรอง "นี่ค่ะ" "อะไร" "สิ่งที่คุณนนท์ต้องการไงคะ ปิ่นคืนให้" เขากรัชากซองเอกสารออกไปจากมือของฉันก่อนจะเปิดมันออกดู เขาอ่านมันก่อนจะเก็บไว้ตามเดิม "ยังดีที่มีจิตสำนึก" "ปิ่นคืนทุกอย่างให้คุณหมดแล้ว ตอนนี้ปิ่นไม่เหลืออะไรแล้ว ปิ่นขอแค่อย่างเดียวขอแค่คุณนนท์ยอมเป็นผู้ปกครองปิ่นจนกว่าปิ่นจะเรียนจบได้มั้ยคะปิ่นขอแค่นี้" วันจันทร์หลังเลิกเรียน... ตอนนี้ฉันนั่งรอพี่นนท์อยู่หน้าห้องฝ่ายปกครองฉันหวังว่าเขาจะไม่ผิดสัญญาเพราะเขาบอกว่าเขาจะยอมทำตามที่ฉันขอร้องเพราะฉันยอมเซ็นต์คืนทุกอย่างให้กับเขาไปหมดแล้วเขาจะยอมเป็นผู้ปกครองให้ฉันจนกว่าฉันจะเรียนจบ ฉันนั่งรอเขาอยู่นานเป็นชั่วโมงแต่เขาก็ไม่มาสักทีจนอาจารย์เดินออกมาถามว่าผู้ปกครองมาหรือยังซึ่งฉันก็ตอบไม่ได้ฉันอยากโทรถามเขาแต่ฉันก็ไม่มีเบอร์ฉันทำได้แค่นั่งรอ ชานนท์.... ตั้งแต่วันนั้นผมกับนับดาวเราสองคนก็สนิทกันไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดนับดาวเธอเป็นคนที่น่ารักมากจริงใจนิสัยดี ดีจนผมมั่นใจว่าเธอคือคนที่อยากคบด้วย ผมคิดว่าผมจะลองจีบนับดาวดู "พรุ่งนี้วันเสาร์ว่างมั้ยดาว" "ว่างมีอะไร" "ว่าจะชวนไปเที่ยวอ่ะ" "เที่ยวเหรอที่ไหนล่ะ" "สวนสัตว์" "ห๊ะ เที่ยวสวนสัตว์" "อื้มมมใช่ก็ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่เรายังไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนเลย แล้วอีกอย่างสวนสัตว์ก็ใกล้มอด้วยเดินไปก็สะดวกแต่ถ้ามีเวลาก็ไปที่อื่นต่อ" "อืมมม ก็ได้เพราะเราเองก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนเหมือนกันตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่" "งั้นเรานัดกันที่หน้ามอเก้าโมงเช้านะ" "ได้ๆ" ผมดีใจนะที่นับดาวยอมไปเที่ยวกับผมผมจะจีบนับดาวให้ติดผมสัญญากับตัวเอง ครืดดด ครืดดดด เสียงมือถือผมสั่นผมหยิบออกมาดูปรากฏว่าเป็นลุงทนาย "มีอะไรครับคุณลุง" "เอ่อคือเมื่อกี้หนูปิ่นโทรมาหาลุงบอกว่าให้โทรหาคุณนนท์ให้หน่อยเธอบอกว่าเธอรอคุณนนท์อยู่ที่โรงเรียนหน้าห้องปกครอง" ผมยอมรับว่าผมลืมสนิทเลยว่าวันนี้ผมต้องไปเป็นผู้ปกครองให้ยัยเด็กปิ่นนั่น แต่ในเมื่อผมรับปากไปแล้วผมก็ไม่อยากผิดคำพูดถึงผมจะเกลียดปิ่นมากแค่ไหนก็ตาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม