เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นกันก็ทำให้เธอนั้นโมโหจนสติขาด และใช้มือของเธอตบเข้าไปที่หน้าของชายหนุ่ม ที่ชื่อว่ามาร์ช
“หึ เธอกล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน” ชายหนุ่มใช้มือของเขาคว้าเข้าที่แขนของเธออย่างรวดเร็ว เขาบีบที่ข้อมือของเธอจนรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด
“คุณมาร์ช ปล่อยนะ ฉันไม่ได้ขายตัว” หญิงสาวพยายามดิ้นออกจากข้อมือของเขาแต่ก็ไม่เป็นผล
ผลัก!! ตุ้บ!!
“โอ้ย!!!” เมื่อชายหนุ่มนั้นรู้สึกเสียหน้าต่อเพื่อนของตัวเอง ก็ใช้มือข้างเดียวของเขาผลักหญิงสาวลงกองกับพื้น
“ไอ่มาร์ช มึงเบาๆ กับน้องเขาหน่อยสิ” คินน์ที่นั่งมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าเรื่องเริ่มไปกันใหญ่แล้ว เขาจึงห้ามปรามเพื่อนของเขาเบาๆ
“ไส่หัวออกไป” มาร์ชที่กำลังโมโหก็ไล่หญิงสาวออกไปจากห้องทันที
ไม่นานผู้จัดการสาวสองของเธอก็ถูกเรียกขึ้นไปอบรมชุดใหญ่ ผ่านไปประมาณ 30 นาที ผู้จัดการของเธอนั้นก็เดินลงมาด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“เจ๊คะ พะพายขอโทษค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอโทษผู้จัดการร้านที่ทำให้เขาต้องโดนตำหนิแทนเธออีกด้วย
“ทำไมถึงไปทำแบบนั้น??”
“แต่พะพายไม่ได้ขายตัวนี่คะ”
“ใครๆ เขาก็อยากเข้าใกล้คุณมาร์ชทั้งนั้น”
“แต่ไม่ใช่พะพาย”
“โอเค เอาละ เจ๊เข้าใจแล้ว เรื่องวันนี้เธอทำผิดมหันต์มากสาวน้อย ฉันจำเป็นจะต้องให้เธอหยุดทำงานไปสักพัก”
“นานไหมคะเจ๊”
“คงจะสักเดือน จนกว่าคุณมาร์ชเขาจะอารมณ์ดีขึ้นน่ะ”
“เป็นเดือนเลยเหรอคะ??”
“อืม เข้าใจเจ๊นะ โชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้ไล่ออก แค่ให้ไปพักงานเฉยๆ”
“ขะ เข้าใจแล้วค่ะเจ๊ ขอบคุณเจ๊มากนะคะ”
เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที แต่เธอก็เตรียมใจแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว เธอไม่น่าทำแบบนั้นเลย จะหาทิปดี รายได้ดีๆ จากที่ไหน ช่วงนี้เธอต้องได้กินมาม่าประทังชีวิตอีกแน่ๆ
‘โถ้ว ชีวิต ของพะพาย ไม่น่าเล่นกับไฟเลย’ เธอพึมพำในใจ ขณะที่กำลังเดินกลับหอพักของตัวเอง
ภายในผับ ห้องวีวีไอพี
“มึงคิดอะไรอยู่วะ ไอ่มาร์ช ปกติกูไม่เห็นมึงจะสนใจเด็กในร้าน” คินน์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
แต่มาร์ชยังคงเงียบและหยิบบุหรี่มาสูบเพื่อลดความโกรธภายในใจของตนเอง
“มึงไม่ได้เอาปากมาด้วยเหรอ” คินน์ถามต่ออย่างหัวเสีย
จู่ๆ มาร์ชก็เรียกบอดี้การ์ด เข้ามา โดยไม่สนใจคำพูดของเพื่อนรักเขา และทำเหมือนคำพูดของคินน์นั้นเป็นเพียงอากาศ
“กูต้องการข้อมูล ของผู้หญิงเมื่อกี้อย่างละเอียด ภายในวันพรุ่งนี้”
“รับทราบครับนาย”
“เห้ยๆ อย่าบอกนะ ว่ามึงสนใจน้องเขา”
“ทำกูขายหน้า กูต้องสั่งสอน”
“แต่น้องยังเด็กนะเว้ย”
“เด็กแล้วไง กูไม่แคร์ กล้าดียังไงมาตบหน้ากู”
เมื่อเขานึกถึงหน้าของหญิงสาวทีไหร่ก็ทำให้ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเพิ่มอีกทวีคูณ ผู้หญิงอะไรกล้ามาตบหน้าเขา ปกติมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหาทั้งนั้น
“มึงใจเย็นๆ หน่อยได้ไหม แดกเหล้าเถอะ เผื่อจะสงบสติอารมณ์มึงได้บ้าง”
“กูหมดอารมณ์แล้ว กูกลับล่ะ”
“อ้าวไอ่มาร์ช กูเพิ่งจะมานั่งไม่ถึงชั่วโมง คราวหน้ามึงไม่ต้องเรียกกูมาเลยนะ” คินน์สบถด่าเพื่อนของเขาอย่างหัวเสีย ปกติมันไม่อารมณ์ร้อนขนาดนี้ ทำไมจู่ๆ ผู้หญิงคนนี้ถึงทำให้มาร์ชเพื่อนของเขาอารมณ์เสียแบบควบคุมไม่อยู่
“มึงอย่าไปทำร้ายน้องเขานะเว้ย” คินน์ตะโกนตามหลังชายหนุ่มที่กำลังเดินออกจากห้อง
เขาอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้น และขับรถสปอร์ตออกไปจากผับอย่างรวดเร็วกลับไปยังคอนโดของตนเอง
รุ่งเช้า!!
มาร์ชเดินเข้าบริษัทของตนเองเพื่อทำงานตามปกติ เขาเป็นหนุ่มไฟแรงที่มีดีกรีเป็นเด็กนอก และสืบทอดมรดกตกทอดอสังหาริมทรัพย์จากพ่อกับแม่ของเขา และด้วยความไฟแรงและทันสมัย บวกกับไม่เกรงกลัวคู่แข่ง ทำให้เขานั้นได้มานั่งเก้าอี้ตำแหน่งสูงสุดในบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อย และทำกำไรได้มากถึง 80% ของปีนี้ ทำให้ใครๆ ก็ต่างให้ความสนใจกับเขามาก แต่นั่นแหละมันก็แค่เปลือกนอก จริงๆ เขามีธุรกิจเปิดบ่อนคาสิโน่และผับอีกหลายที่เพียงแต่ไม่เปิดเผยตัวตนเพียงเท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“เข้ามา”
“นายท่านครับผมได้ข้อมูลของหญิงสาวเมื่อคืนมาเรียบร้อยแล้วครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มเดินถือแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือและยื่นไปให้ยังชายหนุ่มและอธิบายรายละเอียดคร่าวให้เขาฟัง
“เธอเป็นเด็กกำพร้าครับ พ่อกับแม่บุญธรรมเก็บเธอได้จากกองขยะ และตัดสินใจรับเธอเป็นลูกสาว เธอได้ทุนเรียนดีมาเรียนที่มหาวิทยาลัย ตอนนี้เธออยู่ปีสอง ทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมเธอจึงทำงานร้านกาแฟและทำงานที่ผับของนายท่านเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียบครับ”
“อืม มีอะไรอีกไหม??”
“ตอนนี้แม่ของเธอป่วยเป็นโรงมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ทางครอบครัวของเธอไม่ได้บอกให้เธอรู้ครับ ตอนนี้อาการค่อนข้างโคม่าและรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐ ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อรักษา แต่ทางครอบครัวของเธอนั้นค่อนข้างฐานะยากจนครับนาย”
“ออกไปได้แล้ว”
“ครับนาย” บอดี้การ์ดรับคำสั่งเสร็จก็ก้มหัวลงและเดินจากไป
หลังจากนั้นเขาก็หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาดูทันที
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก พะพาย”