ชุยชิงชิงไม่รู้ว่าสามีของนางแอบฟังอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เมื่อมาถึงก็เข้ามาตบตีนางต่อหน้าลูกสาว ทั้งที่นางไม่รู้ว่าตนเองผิดอันใด
“ท่านพี่!” เสียงสั่นเครือเจือด้วยความเสียใจเอ่ยขึ้น ดวงตาพร่าด้วยน้ำตามองไปยังสามีที่ตนแสนรักที่เคยดีกับนาง แต่สุดท้ายเขาก็ทัดทานแรงกดดันจากมารดาแสนร้ายกาจผู้นั้นไม่ได้ และลงมือตบตีนางในที่สุด
มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมแก้มที่กำลังชาหนึบด้วยแรงตบสุดแรงแบบไม่ยั้งมือ ดวงตาตัดพ้อนี้ไม่ทำให้ฟู่เฉียนอี้รู้สึกสำนึกผิด ทั้งคิดว่าที่กระทำมาถูกแล้ว
“ยังมีหน้ามาเรียกข้าท่านพี่อีกหรือ” น้ำเสียงกรุ่นโกรธเปล่งออกมา มองสองแม่ลูกที่ตนเคยเอ็นดูอย่างไม่เหลือความเมตตาอีกต่อไป
“ท่านพ่อท่านตีท่านแม่ทำไม” จื่อเถาโกรธแทนท่านแม่ จึงลุกขึ้นจากเตียงนอนผลักท่านพ่อให้ออกห่างจากพวกนาง บุรุษผู้นี้ไร้เหตุผลไม่สมควรเป็นบิดาของนาง
“หากเจ้าเห็นว่าข้ายังเป็นพ่อ ก็ไปคุกเข่าขอโทษแม่ใหญ่เจ้าเสีย นางทุ่มเทสั่งสอนเจ้า ให้เจ้ามานินทาว่าร้ายเช่นนี้ได้หรือ”
เพราะเหยาเอินไปรายงานตนตั้งแต่หน้าประตูจวน ว่าสองแม่ลูกคิดเหิมเกริมไม่เคารพนาง ทั้งท่านแม่ก็ถือหางเหยาเอินจึงสั่งให้เขาไปจัดการ เดิมก็แค่อยากมาสอบถาม แต่ใครจะคิดว่านางสั่งสอนให้บุตรสาวว่าร้ายคนอื่น ถึงขนาดอยากออกจากตระกูลไป
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ไม่ใช่บิดาข้า” เรื่องอะไรให้นางไปขอโทษนางมารร้ายผู้นั้นเล่าจ้างให้ก็ไม่ไป และนี่อาจจะเป็นเรื่องที่หมางใจระหว่างนางกับบิดา จนทำให้มารดาต้องคิดอยากออกไปอยู่ข้างนอกกับนางเป็นแน่
“เจ้าดื้อดึงเช่นนี้อยากโดนทำโทษใช่หรือไม่” เสียงกร้าวตวาดลั่นใส่ลูกสาว ที่ตอนนี้กล้าต่อปากต่อคำกับเขาเสียแล้ว ชุยชิงชิงนิสัยเช่นนี้สินะ บุตรสาวของเขาถึงได้เป็นคนเช่นนี้ได้
‘เขาควรเชื่อมารดาตั้งแต่แรก ไม่ควรดื้อแต่งกับนาง’
“ไม่เจ้าค่ะ ท่านพี่ลูกไม่มีความผิด ท่านจะมาหาเรื่องพวกเราไม่ได้” ชุยชิงชิงไม่คิดว่าสามีจะใจมืดบอด มองไม่เห็นความร้ายกาจของสตรีผู้นั้น ทั้งยังคิดทำโทษบุตรสาวเสียอีก
ต้องเป็นบิดาเช่นไรถึงทำได้ขนาดนี้
“ยังไม่รู้ความผิดใช่หรือไม่”
คำถามของสามีทำให้ชุยชิงชิงเกินจะทนแล้วเช่นกัน ทำร้ายนางไม่ว่า แต่ว่าสามีจะมาพาลทำร้ายบุตรสาวที่นางคลอดมาอย่างยากลำบากไม่ได้เด็ดขาด
“ท่านพี่พวกเราไม่ได้มีความผิด ท่านจะลงโทษโดยไม่สอบสวนไม่ได้” ชุยชิงชิงทุ่มสุดตัวปกป้องบุตรสาวของนาง โดยหารู้ไม่ว่านี่เป็นการกระทำที่ทำให้จื่อเถาซาบซึ้งใจยิ่ง แววตาดำสนิทดุจหมึกเขียนแผ่ซ่านความอำมหิตออกมาจากเด็กวัยหกหนาว แล้วไม่นานก็พลันเปลี่ยนกลับเป็นวิญญาณของลีลี่อีกครั้ง
นางรับรู้ความเคียดแค้นชิงชังบิดาจากก้นบึ้งลึกสุดหัวใจของเด็กน้อยคนนี้ แต่นางจะไม่นำพาให้ร่างนี้มีจุดจบเลวร้ายเช่นนั้นแน่ ดวงตาไร้เดียงสาเปล่งออกมาแทนที่มองจับจ้องบิดาว่าจะทำเช่นไรกับนาง ที่นินทาว่าฮูหยินคนใหม่ของเขา
‘ในเมื่อนางมีฐานะเป็นลูกสาวภรรยาที่ถูกปลดจากตำแหน่งฮูหยิน เช่นนั้นก็ควรร้ายกาจให้น้อยแสร้งสร้างความสงสารให้มาก’
“ข้าเพียงเดินอยู่ในสวน จู่ ๆ ก็ถูกคนของฮูหยินจับตัวไปขัง ข้าเองก็ไร้ทางสู้ เช่นนี้ท่านพ่อจะให้ข้าคุกเข่าอีกหรือ ข้ายังไม่รู้ความผิดด้วยซ้ำ” ใบหน้าเล็กบีบน้ำตาออกมาสร้างความสงสารให้มารดาอย่างชุยชิงชิงเป็นอย่างยิ่ง
‘ในเมื่ออยู่ในตระกูลฟู่เฉียนไร้ความเป็นธรรม
นางควรออกไปอยู่ข้างนอกกับบุตรสาวดีหรือไม่’ แต่ไม่ทันได้คิดนาน สามีก็กล่าววาจาขับไล่นางเสียแล้ว
“เหอะ...ไม่เคารพฮูหยินเจ้ายังไม่รู้ความผิดอีกหรือ เช่นนั้นพวกเจ้าแม่ลูกไม่ใช่คนของตระกูลฟู่เฉียนอีกต่อไปหากไม่ไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชน”
พรึ่บ!!!
ฟู่เฉียนอี้สะบัดชายเสื้อเดินกลับออกจากเรือนอัปมงคลซือเจีย ที่ตอนนี้ไม่ได้อยากมาเยือน เดิมเพราะต้องตามใจท่านแม่ถึงได้ให้นางพักเรือนนี้ แต่ไม่ว่าครั้งใดที่เขามาเยือนมักเกิดเรื่องไม่ดี
ครั้งนี้ถึงขนาดให้บุตรีต่อล้อต่อเถียง นางสองคนแม่ลูกยังจะอยู่ตระกูลนี้ได้อย่างราบรื่นอีกหรือ ในเมื่ออยากออกจากตระกูลฟู่เฉียนของเขาก็ให้นางไป หากยังไม่อยากไปก็คุกเข่าเสีย ท่านแม่จะได้เลิกกดดันเขาเรื่องสองแม่ลูกผู้นี้เสียที
เมื่อคิดถึงยามรักใคร่นางเมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นเพียงหนุ่มน้อยที่เพิ่งริเริ่มรัก แต่เมื่อนานวันไปมารดาส่งสตรีมากหน้าหลายตามาให้เขาถึงเรือน ความสัมพันธ์ดุจฉันสามีภรรยาก็ค่อย ๆ เริ่มจืดจาง ยิ่งนางคลอดบุตรสาวหาใช่บุตรชายที่สืบทอดตระกูล ยิ่งทำให้เขาไม่อยากมาพบนาง
ตอนนี้เขาแต่งสตรีตระกูลเหยาเข้ามาส่งเสริมบารมี เพราะตระกูลชุยกับตระกูลฟู่เฉียนตัดขาดสิ้นเชิง ต่อให้เป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาในราชสำนัก แต่ทว่ากลับไม่มีประโยชน์อันใด เมื่อท่านแม่ของเขายังถือว่าตระกูลชุยยังคงเป็นศัตรูมาช้านาน ทั้งความบาดหมางในอดีตที่เขาเองก็ไม่แน่ชัด
จึงได้แต่ตามใจมารดาเท่านั้น
คล้อยหลังบิดา จื่อเถายิ้มมุมปาก เดินไปยังหีบเสื้อผ้าและสมบัติ นางตรวจดูของต่าง ๆ แล้วก็เก็บของจำเป็นลงในหีบ ส่วนท่านแม่ได้แต่นั่งเหม่อลอย จนเมื่อนางเรียกให้ได้สติอีกครั้งท่านแม่ถึงหันมาตอบนาง
“ท่านแม่เก็บของเสร็จแล้วเจ้าค่ะ พวกเราไปนอนที่ร้านค้ากันเถอะ” มีร้านค้าในมือตั้งหนึ่งร้าน จะทำอันใดก็สะดวกแล้ว จากที่ดูหีบสมบัติร้านค้าในเมืองนั้นมีพื้นที่ด้านหลังขนาดกลาง ไว้เพาะปลูกได้บ้างแล้วก็มีคลองน้ำไหลผ่านด้านหลัง เรื่องน้ำใช้คงตัดปัญหาไปได้
“เจ้าแน่ใจหรือจะไปจากตระกูลนี้ หากไปแล้วจะหันหลังกลับอีกไม่ได้แล้วนะ” ชุยชิงชิงคิดถึงอนาคตลูกสาวเท่านั้น ต่อให้ตนต้องไร้ศักดิ์ศรีก็ยินดีไปคุกเข่าทั้งไม่มีความผิด
“ท่านแม่ท่านฟังข้า พวกเราไม่มีอำนาจ ไม่มีปากเสียงอยู่ใต้อำนาจฮูหยินคนใหม่ ท่านพ่อที่ร้ายกาจกับพวกเรา อนาคตข้ายังจะได้แต่งกับบุรุษที่ดีหรือ นางจะยอมให้ข้าที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่งงานกับคนที่ดีกว่าบุตรที่จะเกิดกับนางหรือเจ้าคะ ขนาดพวกเราอยู่เงียบ ๆ ยังมีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน อีกอย่างข้าคิดว่าท่านพ่อก็ใจร้ายกับพวกเรา อย่างไรเราแม่ลูกก็ไม่อดตายเจ้าค่ะ เชื่อข้าข้าจะทำให้พวกเราร่ำรวยเอง”
จื่อเถาไม่ยอมอยู่ในจวนเพื่อโดนข่มเหงจนเป็นความแค้นสะสมแล้วฆ่าล้างตระกูลพวกเขาให้ความผิดติดตัว
‘นางย้อนอดีตกลับมาแก้ไข ย่อมไม่จบแบบเดิม’
“ก็ได้แม่เชื่อเจ้า” ชุยชิงชิงคิดว่าสามีไม่รักและเมตตานางแล้ว อยู่ไปก็รังแต่จะมีปัญหา ไม่สู้ออกไปตายเอาดาบหน้าเผชิญความลำบากกายแต่สบายใจกันสองคนไม่ดีกว่าหรือ
“หนังสือปลดภรรยาท่านมีอยู่แล้วใช่หรือไม่” นางถามหาเพราะว่าจะได้เป็นสิ่งยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฟู่เฉียนกับนางสองแม่ลูกจบลงแล้ว หากจะมารังแกกันนางจะไม่ยอมอีกแน่
“แม่เก็บเอาไว้แล้ว”
จะไม่ให้เก็บอย่างดีได้อย่างไร ในเมื่อสามีคิดปลดนางสารพัดข้ออ้างที่นางยากปฏิเสธ นางจึงเก็บมันไว้เตือนใจว่าอย่ารักบุรุษใจโลเลผู้นี้อีก
สองแม่ลูกหอบหิ้วของส่วนตัวกันออกมา ในหีบมีสินเดิมกับเสื้อผ้า หีบไม้นี้ท่านยายทำให้ท่านแม่นางแบบพิเศษมีช่องเก็บตำลึงด้านใต้ ที่หากไม่พลิกหีบเปิดออกก็จะไม่รู้ว่ามีตำลึงอยู่เท่าใด แต่เมื่อก้าวพ้นเรือนซือเจียคนของฮูหยิน
ผู้เฒ่ากลับมาขัดขวางพวกนาง
“จะไปที่ใด...!”