“ท่านพ่อช่วยพวกเราด้วยท่านแม่จะตีพวกเราอีกแล้ว” ฝาแฝดลู่หลงกับลู่จิ่นตะโกนพร้อมกับวิ่งไปหลบหลังท่านพ่อ ที่กำลังปั้นซาลาเปากับขายซาลาเปาในร้าน โดยที่มีลูกค้ายืนรอสองสามคน ส่วนที่เหลือมามุงดูเรื่องชาวบ้าน เพราะเจินหนิงภรรยาลู่จื้อมักอาละวาดเหมือนคนบ้าทุบตีบุตรชายฝาแฝดเกือบทุกวัน
“เจ้าลูกไม่ได้เรื่องให้ล้างจานทำถ้วยแตก ออกมาให้ข้าลงโทษเดี๋ยวนี้นะ” เจินหนิงเป็นภรรยาของลู่จื้อที่ขี้เกียจสันหลังยาว วัน ๆ นอกจากจะใช้งานบุตรชายสองคนอย่างหนัก ตนเองก็เอาแต่นอนสบายไม่ช่วยงานสามี เรื่องเช่นนี้ต่อให้ชาวบ้านเห็นจนชินตา แต่ว่าเด็กน้อยสองคนผู้น่าสงสารนั้นก็ไม่ควรถูกตี
ชุยชิงชิงวางของในร้านของตัวเองแล้วก็เข้าไปสมทบกับคนที่มุง ได้ความเรื่องแม่ใจร้ายทุบตีลูกชายจื่อเถาก็รู้สึกไม่ชอบใจ จึงเดินเข้าไปเบื้องหน้าหวังห้ามปรามสตรีร้ายกาจผู้นั้น
“ฮื้อ...ฮื้อ...ท่านพ่อช่วยด้วย พวกเราไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย ถ้วยมันหนักข้าแค่พลั้งมือทำแตก แต่...ฮึก...แต่ท่านแม่...ฮึก” ลู่จิ่นที่เป็นคนทำแตกร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างอัดอั้นพาลให้จื่อเถารู้สึกสงสารยิ่งนัก
นางกวาดสายตามองรอบทิศ พบว่าเป็นร้านซาลาเปาที่มีคนหลายคนมาซื้อ น่าจะรสชาติดีไม่น้อย
แต่ทว่าภรรยาเจ้าของร้านวาจาน่าตายจริง ๆ แค่บุตรชาย
ทำถ้วยแตกราวกับฆ่าคนตาย
สตรีผู้นี้มีนิสัยหยาบคาย และยังชอบกระทำการรุนแรงกับเด็กตัวเท่าลูกเจี๊ยบ แค่นี้ก็ไม่สมกับเป็นแม่คนแล้ว
“เหอะ...แค่ถ้วยแตกทำเป็นเรื่องใหญ่โต” จื่อเถาโพล่งคำพูดขึ้น หวังให้สตรีผู้นี้หันมาสนใจตนและฟืนในมือของนางก็ท่อนใหญ่ หากฟาดลงไปที่ขาของเจ้าหนูน้อยทั้งสองที่ผอมแห้งไม่พอ ใบหน้ายังซีดเหลืองคล้ายคนขาดสารอาหาร เดิมคิดว่าแค่เพียงตัวเองเท่านั้นที่ครอบครัวไม่ดี บิดาใจร้าย ไม่นึกว่าคนยุคสมัยนี้จะนิยมความรุนแรงกัน
“เจ้านังเด็กปากเสีย เรื่องในบ้านให้เจ้ามาสอดรึ” เจินหนิงใช้ไม้ฟืนชี้หน้าเด็กหญิงวัยหกหนาว ที่ยื่นปากมาสอด พร้อมกับมองหามารดาหมายจะด่าสั่งสอนเสียหน่อย
“ข้าปากเสียเจ้าก็ปากเน่าแล้วกระมัง”
“เจ้า!”
ลู่จื้อขายของให้ลูกค้าคนสุดท้าย แล้วก็เข้ามาจัดการภรรยานิสัยชั่วช้าของตน เขาไม่คิดว่าสตรีที่เคยอ่อนหวานน่ารักที่ตนแต่งงานด้วย มาตอนนี้นิสัยจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
“เจ้าเงียบปากไปเจินหนิง ลูกยังเล็กเจ้าก็ให้พวกเขาทำงานหนัก มือขาเจ้าพิการแล้วหรือ” ลู่จื้อเหลือจะทน
เขาต้องทำงานหนักหาเลี้ยงครอบครัวไม่พอ ยังต้องมาทนกับภรรยาไม่เอาไหนทั้งสันหลังยาวผู้นี้
จื่อเถามองชายผู้นี้อย่างนึกชื่นชม อย่างน้อยเขาก็ปกป้องลูก ๆ ของตนไม่ปล่อยให้สตรีนิสัยชั่วช้ารังแกบุตรชาย จื่อเถาเห็นสองเด็กชายยืนจนขาสั่น ก็ขวักมือเรียกให้มาหา เด็กทั้งสองรู้ว่าอีกประเดี๋ยวท่านพ่อกับท่านแม่กำลังจะทะเลาะกัน จึงไม่คิดอยู่ให้โดนท่านแม่ทำร้ายเอาอีก
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปกินอาหาร ท่านแม่เลี้ยงเจ้าหนูน้อยสองคนนี้ให้อิ่มสักมื้อนะเจ้าคะ” จื่อเถาเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้คนเมื่อหันมาขอร้อง ท่านแม่ที่จิตใจดีเช่นกันย่อมไม่ปฏิเสธ
จื่อเถาปล่อยให้สองสามีภรรยาทะเลาะกันให้บ้านพังไปก่อน เด็กไม่ควรอยู่ในความรุนแรง เพราะมันจะติดตัวไปยามเติบใหญ่
จื่อเถาที่อายุมากกว่า พาเด็กทั้งสองไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็เช็ดมือให้ทั้งคู่ ใบหน้ามอมแมมเช่นนี้คงจะโดนใช้งานหนักเป็นแน่ นางจูงมือทั้งคู่ไปยังร้านอาหารที่มีคนเยอะสั่งอาหารหลายอย่างให้ทั้งคู่ได้กิน ถือเป็นการเลี้ยงฉลองที่นางกับท่านแม่ได้มีอิสระ แล้วเลี้ยงปลอบขวัญเด็กชายทั้งคู่อีกด้วย
“นี่ไก่นึ่งเจ้ากินมาก ๆ หน่อย ตัวเท่าลูกเจี๊ยบเช่นนี้จะมีแรงได้อย่างไร” จื่อเถาคีบเนื้อไก่ส่วนอกที่มีเนื้อเยอะให้ทั้งคู่ กับน่องไก่คนละชิ้น เด็ก ๆ น่าจะชอบ
ลู่หลิงกับลู่จิ่นน้ำตาคลอ อยู่กับมารดามาตั้งนานยังไม่ได้กินดีเช่นนี้เลย นี่พี่สาวคนสวยเจอกันครั้งแรกถึงกลับเลี้ยงดูพวกเขาดีเช่นนี้ เขาย่อมซาบซึ้ง
“ขอบคุณขอรับ พวกเราจะตอบแทนท่านแน่นอน”
“ไม่ต้องตอบแทนอะไร ข้าชื่อจื่อเถากับแม่ข้าชื่อ
ชิงชิง เพิ่งย้ายมาอยู่ข้างร้านเจ้า มีอะไรก็เรียกเถิด” จื่อเถา
กล่าวอย่างใจดี นางต้องมีมิตรสหายไว้บ้าง ต่อไปนางอาจต้องพึ่งพาเด็กสองคนนี้ก็เป็นได้
“พี่ใหญ่ข้าอยากมีพี่สาว พี่สาวจะใจดีอย่างพี่เถาเถา” ลู่จิ่นไม่เคยมีพี่สาวเลย เขาอยู่กับพี่ชายมาสองคนช่วยดูแลกันยามท่านพ่อไม่อยู่ แต่ท่านแม่ก็แอบตีพวกเขาลับหลังท่านพ่อเป็นประจำ เขาได้แต่เก็บความเจ็บช้ำไว้ในใจ
“ได้ข้าเป็นพี่สาวให้เจ้าก็ได้ ต่อไปเจ้ามีอะไรก็บอกพี่สาวรู้หรือไม่”
ชุยชิงชิงมองลูกสาวที่เอ็นดูเด็กชายสองคนนี้ก็รู้สึกน้ำตาคลอ จื่อเถาคงอยากมีน้องชาย นางถูกเลี้ยงมาอย่างลำพังย่อมเหงาบ้าง แต่แม่สามีก็ขัดขวางการมีลูกเพิ่มของนางทุกทาง
‘ช่างมันเถอะ เรื่องนี้ใช่นางจะมีวาสนา อาจเพราะพรหมลิขิตให้นางมีบุตรสาวอย่างเดียวกระมัง’
สองฝาแฝดนั่งกินข้าวกันอย่างอิ่มหนำ ไม่ต้องหวาดกลัวท่านแม่จะคอยห้ามเขากินเนื้อ อ้างว่าเขายังเด็กมีแรงทำงานไม่มากกินเยอะจะสิ้นเปลือง เวลานางไม่สบอารมณ์ก็เฆี่ยนตีอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาจะเดินจะนั่งก็ต้องอยู่อย่างหวาดผวา
เมื่อสองแม่ลูกกับสองแฝดกินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็พากันเดินกลับมา แต่เมื่อมาถึงกลับเห็นสตรีร้ายกาจผู้นั้นโดนตบเลือดกบปาก
“เจ้า...เจ้าไม่รักข้าแล้วใช่หรือไม่ หรือเป็นเพราะแม่ม่ายโม่เฉียวผู้นั้น เจ้าถึงกับลงมือกับข้า” เสียงเจินหนิงสั่นเครือคล้ายเศร้าเสียใจอย่างหนัก วันนี้สามีถึงกับเอ่ยเรื่องปลดภรรยา นางจึงเอาเรื่องโม่เฉียวแม่ม่ายที่มาซื้อซาลาเปาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งชวนสามีนางพูดคุยนาน จนนางเริ่มหึงหวง เมื่อไม่สบอารมณ์ก็ไปลงกับบุตรชายทั้งสอง
แต่ทุกครั้งสามีไม่เคยเอ่ยเรื่องหย่าร้าง แต่วันนี้ถึงกับพูดขึ้นมาว่าจะปลดนางออกจากการเป็นภรรยา เพราะไม่เลี้ยงดูบุตรให้ดี ทั้งนางก็ไม่ได้ดูแลงานบ้านเอาแต่เกียจคร้าน ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องจริง
นางติดนิสัยการเอาอกเอาใจของสามีตั้งแต่แต่งงานใหม่ ๆ จนนางชินคิดว่าสามีรักทะนุถนอมนาง แต่เมื่อนานวันเข้านางนอกจากไม่ปรับปรุงตัว ยังเป็นสตรีเกียจคร้านวาจาน่าอายจนเขาทนไม่ได้
“ไม่ใช่เพราะผู้ใด เพราะเจ้าทำตัวเอง บุตรชายของข้าตัวเล็กแค่นี้ เจ้าถึงกับเอาเรื่องเขาแค่ถ้วยชามแตก ยามข้าขายซาลาเปา เจ้าไม่ช่วยยังพอว่า แต่เจ้าทำให้ข้าต้องวุ่นวายอับอายลูกค้า แค่นี้ข้าก็มีเหตุผลปลดเจ้าจากการเป็นภรรยาแล้ว” ลู่จื้ออดรนทนมานาน เขาไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก เพียงรอให้นางสำนึก แต่ว่ายิ่งนานวันนางยิ่งไร้เหตุผล ไม่ใช่เขาอยากหย่า แต่นางไม่สมควรเลี้ยงดูบุตรชายทั้งสองของเขาต่างหาก
“เจ้า...มันผัวเฮงซวย...หากเจ้ากล้าปลดข้า ดูทีรึว่าข้าจะจัดการเจ้าได้อย่างไรบ้าง”
“ได้เจ้าท้าข้า เช่นนั้นข้าจะเขียนหนังสือปลดเจ้าเสีย” ลู่จื้อใบหน้ามืดครึ้ม อย่างไรวันนี้นางกับเขาย่อมต้องขาดกัน บุตรชายสองคนเขาย่อมเลี้ยงเองได้
จื่อเถากับแม่พยักหน้าใส่กัน แล้วพาเด็กน้อยทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านของตน ให้บิดามารดาตกลงกันให้เรียบร้อย เรื่องสามีภรรยา หากนางกับแม่สอดปากมีแต่จะเป็นเรื่องเสื่อมเสีย หากวันหนึ่งพวกเขาดีกันขึ้นมา นางกับแม่ก็หมา
ดี ๆ นี่เอง
“พี่ใหญ่ท่านพ่อกับท่านแม่จะหย่ากัน” ลู่จิ่นหวาดกลัว กลัวว่าท่านแม่จะเอาเขาไปด้วย เขาไม่อยากอยู่กับท่านแม่ใจร้าย
“ไม่ต้องกลัวน้องเล็ก ท่านพ่อไม่ปล่อยพวกเราไปอยู่กับนางปีศาจเช่นนั้นแน่” ลู่หลงถึงกับด่าว่ามารดาจนจื่อเถาต้องสั่งสอนเขาเล็กน้อย
“อย่างไรนางก็เป็นมารดาพวกเจ้า พวกเจ้าไม่เคารพไม่ได้ อย่าพูดว่านางเช่นนี้อีก เจ็บแค้นก็เก็บไว้ในใจ” จื่อเถากลัวว่าเด็กสองคนจะติดนิสัยต่อว่ามารดาบิดาจนเติบใหญ่ หรือเห็นผู้ใดไม่ดีหน่อยก็จะเอ่ยคำไม่ดีออกมา เมื่อนั้นปากพวกเขาจะพาซวย
“พี่เถาเถา ข้าไม่อยากไปอยู่กับท่านแม่”
“พี่รู้แล้ว พี่รู้แล้ว”
จื่อเถาปลอบเด็กทั้งสองแล้วให้มานั่งพักสงบใจในบ้าน เมื่อครู่บิดาของพวกเขาเห็นแล้วว่าพวกเขามากับนาง อีกสักครู่คงจะมารับกระมัง
ลู่จื้อส่งหนังสือปลดภรรยาให้นางไป แล้วห้ามนางเข้าบ้านทำให้เจินหนิงไร้ที่พึ่ง ทางเลือกสุดท้ายนางต้องเอาเด็กสองคนเป็นตัวประกัน จึงเดินมาบ้านด้านข้างแล้วทุบประตูเรียกบุตรชายทั้งสอง
ปัง ปัง ปัง...!!! “ออกมานะเจ้าลูกเฮงซวย เจ้าต้องไปกับข้า พ่อเจ้าทอดทิ้งข้าแล้ว” เสียงปึงปังทำเด็กทั้งสองหวาดผวาโผกอดกัน ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่กล้าออกไป