บทที่1.1

1402 คำ
อาหารจานแรกที่มัทนาลัยยกมาเสิร์ฟให้แดเนียลก็คือผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งสด มือบางวางอาหารจานดังกล่าวลงบนโต๊ะ “จานแรกมาแล้วค่ะ กินไปพลางๆ ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปทำจานที่เหลือมาให้ แต่ถ้ากินไม่ไหว จะยกเลิกเมนูก็บอกได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ” มัทนาลัยคลี่ยิ้มบางๆ ตอนที่บอกแดเนียล ชายหนุ่มตอบรับด้วยการยกยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบซ้อมขึ้นมา สบตาอีกฝ่ายแน่วแน่ “ผมเลือกแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอกครับ” ที่แดเนียลบอกแบบนั้น เขาไม่ได้หมายถึงเฉพาะอาหาร หากแต่หมายถึงคนทำอาหารด้วย ทว่ามัทนาลัยไม่ทราบในข้อนี้ หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะขอตัว “ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน กินให้อร่อยนะคะ” กล่าวจบมัทนาลัยก็เดินจากไปโดยไม่ได้รอให้แดเนียลตอบรับหรือปฏิเสธ ส่วนแดเนียลก็เริ่มตักอาหารคำแรกเข้าปาก คิ้วหนาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นสูง “รสชาติดีนี่” แดเนียลพึมพำเบาๆ เขากำลังจะตักอาหารคำที่สองเข้าปาก เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูทางเข้าดังขึ้น จึงละสายตาจากจานอาหาร เห็นชายหนุ่มร่างสูง อายุราวๆ ยี่สิบกว่า แต่งกายตามแบบฉบับหนุ่มคาวบอยคือสวมเสื้อเชิ้ตลาย สก็อตสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์สีเข้มกับรองเท้าบูทหนังสีดำหุ้มข้อ สาวเท้าไปที่เคาน์เตอร์และหยุดอยู่ตรงนั้น พลางส่งเสียงเรียก “เฮ้วิว” สิ้นเสียงของชายหนุ่มที่แดเนียลไม่ทราบชื่อ ร่างบอบบางของเจ้าของร้านก็ก้าวออกมาที่หน้าเคาน์เตอร์ ตอนนี้แดเนียลจึงได้ทราบว่าผู้หญิงที่เขาหมายตาชื่อวิว เขาเดาว่านั่นน่าจะเป็นชื่อเล่นของเธอ เพราะโดยปกติแล้วคนไทยมักจะมีชื่อเล่นและชื่อจริง มีส่วนน้อยที่จะใช้ชื่อจริงกับชื่อเล่นเป็นชื่อเดียวกัน แดเนียลแสร้งสนใจอาหารตรงหน้า แต่ทว่าลอบฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นอย่างแนบเนียน ถึงเขาจะถูกใจผู้หญิงคนนี้พอสมควร แต่เขาก็ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว เขาหมายถึงผู้หญิงที่มีสามีเป็นตัวเป็นตน และมีการจดทะเบียนสมรสกัน หากเป็นเพียงแค่คู่รักที่กำลังคบหากัน หากถูกใจแล้วละก็ เขาก็พร้อมลงสนามเพื่อแย่งชิง และไม่มีเลยสักครั้งที่เขาทำไม่สำเร็จ แดเนียลกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนที่เขาจะตักอาหารเข้าปากและค่อยๆ เคี้ยวอย่างใจเย็น “อ้าวเจฟฟ์ วันนี้ทำไมมาเร็ว นายหิวแล้วงั้นเหรอ” “ใช่ ตั้งแต่เช้าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย รอมากินฝีมือเธอนี่แหละ” “ฉันจะเชื่อนายดีไหม แล้ววันนี้สาวๆ ในสต๊อกของนายเขาไม่แวะเวียนไปหา แล้วซื้อของอร่อยไปฝากนายงั้นเหรอ” มัทนาลัยกลั้วหัวเราะพลางส่ายหน้าเบาๆ เจฟฟี่เป็นเพื่อนของเธอ เธอรู้จักอีกฝ่ายตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อหลายปีก่อน และยังได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน หลังจากเรียนจบ เจฟฟี่ก็ดูแลกิจการฟาร์มวัวของครอบครัว ซึ่งอยู่ห่างจากร้านของเธอประมาณหกไมล์ ส่วนเธอก็ดูแลร้านอาหารของป้า โดยที่เจฟฟี่แวะเวียนมาหาเป็นประจำ “สาวที่ไหนจะไปหาฉันบ่อยๆ กันเล่า เธอก็พูดเกินไป เอาเมนูเดิม ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย” “โอเค นายไปนั่งรอได้เลย รอแป๊บนึง เดี๋ยวฉันทำให้พร้อมของลูกค้า ดีนะที่นายกินเมนูเดิม ลูกค้าก็สั่งเมนูนี้พอดี ส่วนน้ำดื่ม นายก็บริการตัวเองไปละกัน” ว่าจบมัทนาลัยก็เดินจากไปทันที เจฟฟี่ยกยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำดื่มและแก้วเปล่าเดินไปนั่งรอที่โต๊ะตัวหนึ่ง แดเนียลที่จัดการอาหารในจานจนเกือบหมด เหลือบสายตามองเจฟฟี่แว่บหนึ่งก่อนจะดึงสายตากลับมาที่จานอาหารของตัวเอง รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะตักอาหารที่เหลือเข้าปากอย่างอารมณ์ดี แดเนียลจัดการอาหารที่มัทนาลัยยกมาเสิร์ฟจนเกลี้ยง หญิงสาวเองแทบไม่เชื่อสายตาตอนที่ชายหนุ่มเดินมาจ่ายเงินค่าอาหารที่เคาน์เตอร์ เธอจึงอดถามเขาไม่ได้ “นี่คุณกินหมดนั่นจริงๆ เหรอคะ” “ผมบอกแล้วไงครับว่ากินหมดแน่นอน แต่ผมต้องขอชมนะครับ อาหารร้านคุณอร่อยทุกอย่างเลย” “ขอบคุณมากค่ะ ไว้มีโอกาสแวะมาได้อีกนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ” มัทนาลัยบอกตอนที่ยื่นเงินทอนให้แดเนียล ชายหนุ่มรับเอาไว้ ก่อนจะถามคำถามหนึ่งกับหญิงสาว “คุณพอจะรู้จักที่พักแถวๆ นี้ไหม พอดีผมอยากจะแวะพักก่อนจะออกเดินทางต่อน่ะครับ” “ห่างจากที่นี่ไปประมาณหกไมล์ จะมีโมเทลอยู่ค่ะ คุณลองไปสอบถามดูนะคะว่าเต็มหรือยัง เพราะถ้าเต็มแล้วจะมีที่พักอีกที่ แต่ห่างออกไปเกือบๆ สิบสองไมล์ อ่อ หรือถ้าคุณต้องการกางเต็นท์ในอุทยานแห่งชาติ มีร้านอุปกรณ์สำหรับกางเต็นท์ให้เช่านะคะ แต่ต้องขับเลยโมเทลไปอีกราวๆ สามไมล์” มัทนาลัยให้ข้อมูลอย่างละเอียด เพราะบ่อยครั้งที่นักท่องเที่ยวไม่ได้จองที่พักไว้ต้องพบกับปัญหาที่พักเต็ม แต่ก็มีอุทยานแห่งชาติที่สามารถกางเต็นท์นอนได้ แต่ต้องเตรียมอุปกรณ์มาเอง เพราะทางอุทยานไม่มีไว้ให้บริการ “ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ ไว้มีโอกาสผมจะแวะมากินอาหารที่นี่อีก” “ยินดีค่ะ” มัทนาลัยคลี่ยิ้มกว้าง ส่วนแดเนียลก็ยิ้มบางๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากร้านไป โดยที่มัทนาลัยเองมองตามอีกฝ่ายไปจนลับสายตา ก่อนจะดึงสายตากลับมาที่ลิ้นชักตรงเคาน์เตอร์ จัดการยัดธนบัตรใส่เข้าไปในลิ้นชักแล้วไขกุญแจ ล็อกเอาไว้ “ยิ้มหวานเชียวนะ อย่าบอกนะว่าเธอถูกใจผู้ชายคนนั้นน่ะ” เจฟฟี่เดินมาหยุดเท้าตรงหน้ามัทนาลัย ชายหนุ่มวางแขนข้างหนึ่งลงบนเคาน์เตอร์ พลางหรี่ตามองหญิงสาวคล้ายต้องการจับผิด “นายอย่ามาใส่ร้ายฉันหน่อยเลยเจฟฟ์ ฉันก็แนะนำนักท่องเที่ยวแบบนี้ทุกคนอยู่แล้ว” มัทนาลัยอมยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ “แต่ผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีมาก หล่อราวกับนายแบบหลุดออกมาจากปกนิตยสาร เธอไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ” “รู้สึกสิ” มัทนาลัยตอบออกมาแบบนั้น ทำเอาเจฟฟี่ที่เผยรอยยิ้มคล้ายต้องการล้อเลียนหุบยิ้มฉับ ดวงตาตื่นตะลึง พลางถามหญิงสาวเสียงติดขัด “เธอ...รู้สึกอะไร” กล้ามเนื้อในอกข้างซ้ายของเจฟฟี่เต้นถี่รัว ดวงตาฉายชัดว่าเจ้าตัวกำลังหวาดหวั่น ชายหนุ่มจ้องหน้ามัทนาลัยอย่างรอคอยคำตอบ “ก็รู้สึกว่านายนะคิดเยอะเกินไป” มัทนาลัยยังคงยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินไปโต๊ะที่แดเนียลเคยนั่ง จัดการเก็บจานอาหารเอาไปไว้ในห้องครัว โดยมีเจฟฟี่มองตามแผ่นหลังหญิงสาวไปอย่างโล่งอก เจฟฟี่พ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ มันบ้ามากกับความรู้สึกที่เขามีต่อมัทนาลัย ทั้งที่หญิงสาวเคยปฏิเสธไปถึงสองครั้งสองครา ใช่ เขาเคยบอกความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวไปแล้ว และก็เคยชวนเธอออกเดตตั้งแต่สมัยมัธยมมาแล้วครั้งหนึ่ง และอีกครั้งก็คือสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และก็แน่นอนว่าหญิงสาวปฏิเสธเขาทั้งสองครั้ง ยืนยันหนักแน่นว่าเป็นเพื่อนกันดีที่สุด เธอไม่ต้องการเสียเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างเขาไป แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังตัดใจจากเธอไม่ได้ และเขาเชื่อว่าวันหนึ่งหากโอกาสเหมาะสม และมัทนาลัยยังไม่มีใคร เขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหญิงสาว และเขาก็พร้อมจะรอจนกว่าจะถึงเวลานั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม