อาหารจานแรกที่มัทนาลัยยกมาเสิร์ฟให้แดเนียลก็คือผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งสด มือบางวางอาหารจานดังกล่าวลงบนโต๊ะ
“จานแรกมาแล้วค่ะ กินไปพลางๆ ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปทำจานที่เหลือมาให้ แต่ถ้ากินไม่ไหว จะยกเลิกเมนูก็บอกได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
มัทนาลัยคลี่ยิ้มบางๆ ตอนที่บอกแดเนียล ชายหนุ่มตอบรับด้วยการยกยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบซ้อมขึ้นมา สบตาอีกฝ่ายแน่วแน่
“ผมเลือกแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอกครับ”
ที่แดเนียลบอกแบบนั้น เขาไม่ได้หมายถึงเฉพาะอาหาร หากแต่หมายถึงคนทำอาหารด้วย ทว่ามัทนาลัยไม่ทราบในข้อนี้ หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะขอตัว
“ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน กินให้อร่อยนะคะ”
กล่าวจบมัทนาลัยก็เดินจากไปโดยไม่ได้รอให้แดเนียลตอบรับหรือปฏิเสธ ส่วนแดเนียลก็เริ่มตักอาหารคำแรกเข้าปาก คิ้วหนาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นสูง
“รสชาติดีนี่”
แดเนียลพึมพำเบาๆ เขากำลังจะตักอาหารคำที่สองเข้าปาก เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูทางเข้าดังขึ้น จึงละสายตาจากจานอาหาร เห็นชายหนุ่มร่างสูง อายุราวๆ ยี่สิบกว่า แต่งกายตามแบบฉบับหนุ่มคาวบอยคือสวมเสื้อเชิ้ตลาย
สก็อตสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์สีเข้มกับรองเท้าบูทหนังสีดำหุ้มข้อ สาวเท้าไปที่เคาน์เตอร์และหยุดอยู่ตรงนั้น พลางส่งเสียงเรียก
“เฮ้วิว”
สิ้นเสียงของชายหนุ่มที่แดเนียลไม่ทราบชื่อ ร่างบอบบางของเจ้าของร้านก็ก้าวออกมาที่หน้าเคาน์เตอร์ ตอนนี้แดเนียลจึงได้ทราบว่าผู้หญิงที่เขาหมายตาชื่อวิว เขาเดาว่านั่นน่าจะเป็นชื่อเล่นของเธอ เพราะโดยปกติแล้วคนไทยมักจะมีชื่อเล่นและชื่อจริง มีส่วนน้อยที่จะใช้ชื่อจริงกับชื่อเล่นเป็นชื่อเดียวกัน
แดเนียลแสร้งสนใจอาหารตรงหน้า แต่ทว่าลอบฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นอย่างแนบเนียน ถึงเขาจะถูกใจผู้หญิงคนนี้พอสมควร แต่เขาก็ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว เขาหมายถึงผู้หญิงที่มีสามีเป็นตัวเป็นตน และมีการจดทะเบียนสมรสกัน หากเป็นเพียงแค่คู่รักที่กำลังคบหากัน หากถูกใจแล้วละก็ เขาก็พร้อมลงสนามเพื่อแย่งชิง และไม่มีเลยสักครั้งที่เขาทำไม่สำเร็จ
แดเนียลกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนที่เขาจะตักอาหารเข้าปากและค่อยๆ เคี้ยวอย่างใจเย็น
“อ้าวเจฟฟ์ วันนี้ทำไมมาเร็ว นายหิวแล้วงั้นเหรอ”
“ใช่ ตั้งแต่เช้าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย รอมากินฝีมือเธอนี่แหละ”
“ฉันจะเชื่อนายดีไหม แล้ววันนี้สาวๆ ในสต๊อกของนายเขาไม่แวะเวียนไปหา แล้วซื้อของอร่อยไปฝากนายงั้นเหรอ”
มัทนาลัยกลั้วหัวเราะพลางส่ายหน้าเบาๆ เจฟฟี่เป็นเพื่อนของเธอ เธอรู้จักอีกฝ่ายตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อหลายปีก่อน และยังได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน หลังจากเรียนจบ เจฟฟี่ก็ดูแลกิจการฟาร์มวัวของครอบครัว ซึ่งอยู่ห่างจากร้านของเธอประมาณหกไมล์ ส่วนเธอก็ดูแลร้านอาหารของป้า โดยที่เจฟฟี่แวะเวียนมาหาเป็นประจำ
“สาวที่ไหนจะไปหาฉันบ่อยๆ กันเล่า เธอก็พูดเกินไป เอาเมนูเดิม ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“โอเค นายไปนั่งรอได้เลย รอแป๊บนึง เดี๋ยวฉันทำให้พร้อมของลูกค้า ดีนะที่นายกินเมนูเดิม ลูกค้าก็สั่งเมนูนี้พอดี ส่วนน้ำดื่ม นายก็บริการตัวเองไปละกัน”
ว่าจบมัทนาลัยก็เดินจากไปทันที เจฟฟี่ยกยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำดื่มและแก้วเปล่าเดินไปนั่งรอที่โต๊ะตัวหนึ่ง
แดเนียลที่จัดการอาหารในจานจนเกือบหมด เหลือบสายตามองเจฟฟี่แว่บหนึ่งก่อนจะดึงสายตากลับมาที่จานอาหารของตัวเอง รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะตักอาหารที่เหลือเข้าปากอย่างอารมณ์ดี
แดเนียลจัดการอาหารที่มัทนาลัยยกมาเสิร์ฟจนเกลี้ยง หญิงสาวเองแทบไม่เชื่อสายตาตอนที่ชายหนุ่มเดินมาจ่ายเงินค่าอาหารที่เคาน์เตอร์ เธอจึงอดถามเขาไม่ได้
“นี่คุณกินหมดนั่นจริงๆ เหรอคะ”
“ผมบอกแล้วไงครับว่ากินหมดแน่นอน แต่ผมต้องขอชมนะครับ อาหารร้านคุณอร่อยทุกอย่างเลย”
“ขอบคุณมากค่ะ ไว้มีโอกาสแวะมาได้อีกนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ”
มัทนาลัยบอกตอนที่ยื่นเงินทอนให้แดเนียล ชายหนุ่มรับเอาไว้ ก่อนจะถามคำถามหนึ่งกับหญิงสาว
“คุณพอจะรู้จักที่พักแถวๆ นี้ไหม พอดีผมอยากจะแวะพักก่อนจะออกเดินทางต่อน่ะครับ”
“ห่างจากที่นี่ไปประมาณหกไมล์ จะมีโมเทลอยู่ค่ะ คุณลองไปสอบถามดูนะคะว่าเต็มหรือยัง เพราะถ้าเต็มแล้วจะมีที่พักอีกที่ แต่ห่างออกไปเกือบๆ สิบสองไมล์ อ่อ หรือถ้าคุณต้องการกางเต็นท์ในอุทยานแห่งชาติ มีร้านอุปกรณ์สำหรับกางเต็นท์ให้เช่านะคะ แต่ต้องขับเลยโมเทลไปอีกราวๆ สามไมล์”
มัทนาลัยให้ข้อมูลอย่างละเอียด เพราะบ่อยครั้งที่นักท่องเที่ยวไม่ได้จองที่พักไว้ต้องพบกับปัญหาที่พักเต็ม แต่ก็มีอุทยานแห่งชาติที่สามารถกางเต็นท์นอนได้ แต่ต้องเตรียมอุปกรณ์มาเอง เพราะทางอุทยานไม่มีไว้ให้บริการ
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ ไว้มีโอกาสผมจะแวะมากินอาหารที่นี่อีก”
“ยินดีค่ะ”
มัทนาลัยคลี่ยิ้มกว้าง ส่วนแดเนียลก็ยิ้มบางๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากร้านไป โดยที่มัทนาลัยเองมองตามอีกฝ่ายไปจนลับสายตา ก่อนจะดึงสายตากลับมาที่ลิ้นชักตรงเคาน์เตอร์ จัดการยัดธนบัตรใส่เข้าไปในลิ้นชักแล้วไขกุญแจ
ล็อกเอาไว้
“ยิ้มหวานเชียวนะ อย่าบอกนะว่าเธอถูกใจผู้ชายคนนั้นน่ะ”
เจฟฟี่เดินมาหยุดเท้าตรงหน้ามัทนาลัย ชายหนุ่มวางแขนข้างหนึ่งลงบนเคาน์เตอร์ พลางหรี่ตามองหญิงสาวคล้ายต้องการจับผิด
“นายอย่ามาใส่ร้ายฉันหน่อยเลยเจฟฟ์ ฉันก็แนะนำนักท่องเที่ยวแบบนี้ทุกคนอยู่แล้ว” มัทนาลัยอมยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ
“แต่ผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีมาก หล่อราวกับนายแบบหลุดออกมาจากปกนิตยสาร เธอไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ”
“รู้สึกสิ”
มัทนาลัยตอบออกมาแบบนั้น ทำเอาเจฟฟี่ที่เผยรอยยิ้มคล้ายต้องการล้อเลียนหุบยิ้มฉับ ดวงตาตื่นตะลึง พลางถามหญิงสาวเสียงติดขัด
“เธอ...รู้สึกอะไร”
กล้ามเนื้อในอกข้างซ้ายของเจฟฟี่เต้นถี่รัว ดวงตาฉายชัดว่าเจ้าตัวกำลังหวาดหวั่น ชายหนุ่มจ้องหน้ามัทนาลัยอย่างรอคอยคำตอบ
“ก็รู้สึกว่านายนะคิดเยอะเกินไป”
มัทนาลัยยังคงยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินไปโต๊ะที่แดเนียลเคยนั่ง จัดการเก็บจานอาหารเอาไปไว้ในห้องครัว โดยมีเจฟฟี่มองตามแผ่นหลังหญิงสาวไปอย่างโล่งอก
เจฟฟี่พ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ มันบ้ามากกับความรู้สึกที่เขามีต่อมัทนาลัย ทั้งที่หญิงสาวเคยปฏิเสธไปถึงสองครั้งสองครา ใช่ เขาเคยบอกความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวไปแล้ว และก็เคยชวนเธอออกเดตตั้งแต่สมัยมัธยมมาแล้วครั้งหนึ่ง และอีกครั้งก็คือสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และก็แน่นอนว่าหญิงสาวปฏิเสธเขาทั้งสองครั้ง ยืนยันหนักแน่นว่าเป็นเพื่อนกันดีที่สุด เธอไม่ต้องการเสียเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างเขาไป แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังตัดใจจากเธอไม่ได้ และเขาเชื่อว่าวันหนึ่งหากโอกาสเหมาะสม และมัทนาลัยยังไม่มีใคร เขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหญิงสาว
และเขาก็พร้อมจะรอจนกว่าจะถึงเวลานั้น