บทที่ 8 หลงจู้ผู้ใจดี

1524 คำ
เมื่อพี่ชายเสี่ยวเอ้อร์เดินลับไปด้านหลังไม่นานนัก ผิงหยางจึงใช้สายตาน้อย ๆ ของเขาสำรวจรอบร้าน ความสะอาดและความเป็นระเบียบบ่งบอกถึงการจัดการที่ดีของโรงเตี้ยมแห่งนี้ ทั้งข้าวของก็ยังวางแยกชนิดกัน ทำให้ผิง หยางเก็บความรู้เรื่องการจัดเรียงเครื่องใช้ต่าง ๆ ในโรงเตี้ยมหลีเซียเพื่อเก็บไว้จัดบ้านของตนเองในอนาคต เป้าหมายของเด็กชายวัยสิบหนาว แต่วิญญาณที่สิงร่างคือยี่สิบกว่า ๆ นั้น ไม่เพียงแค่เลี้ยงน้องสาวไปวัน ๆ วันหน้าเขาต้องยิ่งใหญ่ให้ได้ ตระกูลเก่าบิดาจะมาทำอันใดครอบครัวเขาไม่ได้อีกต่อไป รอเพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อ หลงจู้วัยใกล้ห้าสิบปีเดินนำหน้าพี่ชายเสี่ยวเอ้อร์เข้ามา เส้นผมสีดอกเลายามเข้าสู่วัยกลางคนทำให้ดูน่าเชื่อถือและยำเกรงในความอาวุโส หน้าผากที่มีริ้วรอยแสดงถึงประสบการณ์ในการค้ามายาวนาน เพียงสายตาปาดมองเด็กชายหญิงตรงหน้าด้วยความแปลกใจชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มนำส่งอารมณ์สดใสออกมา “คุณชายน้อยมีอันใดมาเสนอขายข้าอย่างนั้นหรือ” แม้ว่าจะเป็นเด็ก แต่หลงจู้แห่งโรงเตี้ยมหลีเซียไม่เคยสบประมาท เพราะสินค้าดีย่อมมาแบบไม่คาดฝันเสมอ เขาทำการค้ามาหลายปี ได้รับความไว้วางใจจากนายท่านและฮูหยินให้ตัดสินใจแทน ดังนั้นเขาต้องรู้ก่อนว่าสินค้าที่นำมาขายนั้นดีเลวเพียงใด จึงจะเจรจาเรื่องราคาและการรับซื้อหรือไม่ “คารวะท่านหลงจู้ขอรับ” ผิงหยางลุกขึ้นคารวะอย่างนอบน้อม และน้องสาวก็ทำตามพี่ชายเช่นกัน “คารวะท่านหลงจู้เจ้าค่ะ” ผิงเหยากล่าวตามพี่ชาย “เดิมทีวันนี้ข้าไม่ได้มีธุระแถวนี้ เพียงแต่ท่านพ่อกับท่านแม่ผ่านป่าใกล้เมืองหลวง บังเอิญโชคดีพบผลไม้ดีเข้าขอรับ จึงอยากเอามาให้ท่านหลงจู้ดูหน่อยว่าขายได้ราคาหรือไม่ขอรับ” ผิงหยางกล่าวถึงที่มาที่ไปก่อนจะหยิบสิ่งแรกออกมาคือ เฉ่าเหมยลูกอวบอ้วน ทั้งผิวแวววาวราวคันฉ่องสะท้อนแสง จำได้ว่าตอนเก็บยังไม่สวยขนาดนี้ ไม่รู้ว่าทำไมยามอยู่ในกระเป๋าถึงกลายเป็นสินค้าชั้นดีขึ้นไปได้ ‘หรือนี่จะเป็นความพิเศษของกระเป๋าอีกอย่างหนึ่ง’ เด็กชายได้แต่คิดแล้วก็หยิบหลันเหมย สาลี่ แล้วจบที่ลูกท้อใหญ่อวบออกมา หลงจู้เห็นสินค้าตัวอย่างของแต่ละชนิดก็รู้สึกเหงื่อกาฬไหลเปียกชื้นที่หลัง เกิดมายังไม่เคยเห็นผลไม้ป่าลูกใหญ่และสดเพียงนี้เลย เขาคุ้นชินกับการรับซื้อผลไม้ป่ามานานพอสมควร ทั้งยังสอนเหล่าคนงานที่รับซื้อว่าดูอย่างไรว่าผลไม้นั้นเป็นของดี แต่ยามนี้รู้สึกได้ว่าเหมือนได้พบของดีครั้งแรกราวกับได้พบโสมพันปีของหายาก “นี่คือตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ขอรับ” ผิงหยางกล่าวด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน ทั้งทำเหมือนเจอผลไม้พวกนี้จนชินแล้ว สร้างความตระหนกให้กับหลงจู้หลีเซียเป็นอย่างยิ่ง “คะ...คุณชาย...นะ...นี่...เอ่อ...นี่คือเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือขอรับ” เขามองประเมินเด็กชายตัวน้อยนี่อีกครั้ง กลับพบว่าไม่มีเล่ห์เหลี่ยมไม่พอ ยังยิ้มส่งให้เขาด้วยใบหน้าเจี๋ยมเจี้ยมความใสซื่อในดวงตาฉายชัดทำให้ท่านหลงจู้เชื่อสนิทใจ “ใช่แล้วขอรับนี่คือเล็ก ๆ น้อย ๆ หากท่านหลงจู้พอใจ” “พอใจสิ...ข้ารับซื้อทั้งหมด” หลงจู้รีบบอกแล้วให้คนเอาตะกร้าชั้นดีมาใส่ผลไม้พวกนี้ราวกับของล้ำค่าก็ไม่ปาน เกิดมาเพิ่งเคยเห็นผลไม้ดีขนาดนี้ หากนายท่านและฮูหยินส่งเข้าวังจะได้หน้าเพียงใด เขาจึงรับซื้อทั้งหมดโดยไม่พูดมากอีกต่อไป เฉ่าเหมย มีถึง 20 จิน หลันเหมยมี 30 จิน สาลี่ 50 จิน และท้อป่าผลอวบใหญ่ อีก 30 จิน คนเป็นหลงจู้รีบเอาลูกคิดมาดีดไปดีดมา แล้วก็เสนอให้คุณชายน้อยผิงหยาง “2 ตำลึงทอง 9 ตำลึงเป็นอย่างไร” หลงจู้เสนอ ผิงหยางกำลังอึ้ง ขบคิดในความทรงจำที่เคยเป็นแรงงานเด็ก ได้วันละ 40 อีแปะ ทั้งโดนกดขี่หนักแล้วก็คิดได้ว่า การหาของดีมีราคาเหนื่อยแค่ชั่วครู่ แต่กลับทำตำลึงได้มากมายเพียงนี้เชียว หลงจู้เห็นเด็กชายคิดนานก็ร้อนรนนัก เขากลัวเด็กชายไม่ขายให้เขาจึงเสนอขึ้นมาอีกคำ “สามตำลึงทอง มากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะให้ได้สูงสุดเท่านั้น” หลงจู้ลุ้นกับการค้าครั้งนี้ที่สุด เขาไม่เคยร้อนรนทั้งใจเย็นได้ แต่กลับการค้ากับเด็กชายวัยสิบหนาวทำให้เขารอไม่ได้ “ตกลงขอรับ ข้าพอใจราคานี้” ผิงหยางไม่คิดว่าแค่เขาคิดเรื่อยเปื่อย จะได้ตำลึงเพิ่มเล็กน้อย ที่จริงเขาก็พึ่งมาที่โลกนี้ การค้าและมูลค่าสิ่งของยังไม่แน่ชัด เขาไม่ได้คิดโก่งราคาแต่ว่าท่านหลงจู้กลับคิดไปอีกทาง ทำให้เขาอมยิ้ม เด็กชายมองถุงตำลึงในมือ เขาให้ท่านหลงจู้ใส่พวงอีแปะมาด้วย 1000 อีแปะ เพื่อง่ายต่อการใช้จ่าย และท่านหลงจู้ก็จัดการให้อย่างดี หลังจากได้ตำลึงสมใจแล้วสองพี่น้องจึงเดินจูงมือกันมาที่ร้านขายเสื้อผ้า เพื่อซื้อรองเท้าใหม่ เสื้อผ้าใหม่ “เหยาเหยา อยากได้เสื้อผ้าสีอะไร” เขาถามน้องสาวอย่างใส่ใจ เพราะเสื้อผ้าของเขาและน้องสาวนั้นเก่าเต็มที “เอาสีลูกท้อนั่นเจ้าค่ะ” ผิงเหยาชี้ไปยังชุดที่ตนมองว่าสวยที่สุดในร้าน “เถ้าแก่ขอรับ เอาชุดสีนี้ให้น้องสาวข้า 1 ชุด กับสีเขียวอ่อนนั่นอีก 1 ชุดขอรับ” “อ้อ...ได้เลยคุณชาย” เถ้าแก่รีบจัดการหยิบชุดให้เด็กชายทันที “ของข้าเอาสีนี้ก็แล้วกัน กับชุดแบบนี้อีกสองชุด” เขาเลือกชุดที่เอาไว้ใส่ในไร่สวนกับชุดใหม่ที่ใส่ยามไปไหนมาไหน เพื่อจะได้ไม่อับอายผู้ใด และรองเท้าก็เปลี่ยนใหม่ด้วยกันทั้งคู่ เมื่อได้ของครบเขาจึงเดินออกจากอำเภอเหอ หลัวอย่างรวดเร็วเพื่อไปหาจงเช่อ ระหว่างทางเขาซื้อผิงกั่วมา 5 ลูกเพื่อฝากม้าของตนเอง เขาคิดเอาเองกว่าสหายม้าของเขาคงจะดีใจ ที่ตนมีของมาฝากมันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอบแทนที่พวกมันช่วยเหลือเขา เขาคิดว่าหากไปถึงบ้านท่านแม่แล้ว จะทำคอกให้มันอย่างดี สองเด็กชายหญิงเดินจับจูงมือกันมาที่หน้าประตู โค้งให้กับท่านเจ้าหน้าที่ที่จดชื่อพวกเขา แล้วก็เดินออกมา แต่เมื่อมาถึงจุดพักม้า พบว่ามีคนกำลังมาทำให้เหล่าม้าของเขามีอันตราย “ไอ้แก่...บังอาจมาแย่งลูกค้าข้างั้นรึ” เสียงชายอันธพาล เมื่อเห็นมีม้าที่จุดรับฝากของไอ้แก่ถึงห้าตัว นั่นทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก ไม่รู้ใครมันเซ่อซ่ามาฝากยังจุดท้ายสุดตรงนี้ ทำให้ไอ้แก่นั่นมีตำลึง “อย่า...นั่นม้าของลูกค้าข้า...อย่า” ชายผู้นั้นกำลังถือไม้และจะฟาดเข้าไปยังม้าของเขา ประจวบเหมาะกับที่ ผิงหยางเดินมาใกล้ถึงพอดี เขาเหลือบตาไปเห็นก้อนหินจึงใช้มันขว้างให้โดนหัวเจ้าอันธพาลนั่นพอดี โป๊ก!!! เสียงก้อนหินกระทบกับหัวเจ้าอันธพาลจนร่างของมันเซล้มไป “โอ๊ย...ใครลอบทำร้ายข้า” ชายผู้นั้นร้องลั่น พร้อมกับเสียงร้องของจงเช่อที่ดังขึ้น ฮรี่Zzzz “นายน้อย เจ้านี่คนเลว เจ้านี่คนเลว” จงเช่อฟ้องนายน้อยทันที เขากำลังรั้งเชือกให้หลุดไปเพื่อเหยียบไอ้คนอันธพาลผู้นี้ให้รู้จักเสียบ้างว่าผู้ใดเป็นผู้ใด “จงเช่อ...ลุย!” คนชั่วก็ต้องได้รับการสั่งสอน เมื่อสิ้นเสียงนายน้อย ม้าทั้งห้าก็แหกคอกออกมา จัดการเหยียบเจ้าคนที่คิดจะทำร้ายทันที แกรบ...แกร๊บ...ฮรี่!!! จงเช่อใช้สองขาหน้าเหยียบหน้าอก แล้วม้าตัวอื่นก็เตะขาเจ้าคนชั่วคนละทีสองที จนตอนนี้ขามันหักไปแล้ว เด็กชายเห็นดังนั้นจึงเรียกให้จงเช่อหยุด แล้วเรียกท่านลุงให้ขึ้นม้ากลับ “ท่านลุงขอรับ...ขึ้นม้าขอรับ” สิ้นเสียงเด็กชาย ชายชราก็เหนี่ยวตัวขึ้นหลังม้าจับบังเ**ยนให้มั่น แล้วเจ้าม้าก็พุ่งทะยานออกไปทันที โดยไม่หันไปมองชายอันธพาลผู้นั้นอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม