สองเท้าออกจากลิฟต์เดินไปยังที่จอดรถ แม้จะดึกดื่นแต่ยังมีคนไข้และญาติคนไข้เดินกันขวักไขว่ ชายหนุ่มกดรีโมตเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง หางตาเหมือนเหลือบเห็นอะไรกองที่พื้นรถด้านหลัง
เขาลงจากรถและเปิดประตูฝั่งคนนั่งท้าย หยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดู มันเป็นกระเป๋าเป้ใบย่อม ๆ ไม่ใหญ่มาก
บริเวณที่เขาจอดรถไว้แสงไฟสว่างจึงทำให้เขาถือกลับเข้ามาในรถอีกครั้ง หมอปัณเริ่มลำดับเหตุการณ์ ก่อนเปิดกระเป๋านั้นออกดู เห็นมีกระเป๋าเงินขนาดใบเล็ก ๆ เขาจึงเปิดดู มือหนาหยิบบัตรประชาชนที่มีรูปหญิงสาวขึ้นมาดู
“เวรเอ๊ย” อยู่ ๆ เขาก็สบถขึ้นมาดื้อ ๆ
ในบัตรประชาชนบอกชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิดครบเสร็จสรรพ จะไม่ให้เขาหัวเสียได้อย่างไร
ในเมื่อไล่ดูแล้วหญิงสาวที่เขามีอะไรด้วยพึ่งจะสิบเก้าปียังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ แต่ดันไปทำงานในสถานบันเทิงแบบนั้น ก่อนจะโยนกระเป๋าเงินไว้ในเป้เหมือนเดิม
เสียงมือถือกลับดังขึ้น หมอปัณจับมันขึ้นดูเห็นชื่อโรซี่บนหน้าจอ ไหนจะเสียงไลน์ดังสนั่นและมันคงดังมาตลอดหลายวัน
“ตัวไม่อยู่แต่ความวุ่นวายยังหลอกหลอนฉันนะแม่ตัวดี” หมอปัณพึมพำคนเดียวในใจ ชายหนุ่มไม่เสียเวลาเขาโยนกระเป๋าเป้ไว้เบาะข้างคนขับ ก่อนควบรถออกสู่ท้องถนนยามค่ำคืน
ที่คลับมาวิน คุณหมอปัณจอดรถตำแหน่งเดิมที่เคยจอดประจำ ก่อนจะก้าวฉับ ๆ ด้วยความหงุดหงิด มือหนาผลักเข้าห้องประจำเห็นเพื่อน ๆ ประมาณสามถึงสี่คนกำลังคุยกันอย่างเมามันได้ที่ ทันทีที่เห็นคนมาใหม่ต่างร้องทัก
“เฮ้ย คุณหมอปัณสุดเนี้ยบมาแล้วโว้ย” มาวินหลุดหัวเราะ
“สวัสดีโว้ยทุกคน” ก่อนรับแก้วน้ำเมาส่งเข้าปากคราเดียวหมดแก้ว
“นึกว่าจะไม่มาแล้วเสียอีก” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนแซวหมอปัณ
“เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ เลยหาอะไรกินซะหน่อย” มือเรียวยาวคว้าบุหรี่บนโต๊ะมาจุดสูบ เขาเป็นหมอรู้ถึงอันตรายยาสูบแต่ยังสูบ ไม่กลัวปอดจะหายเสียหรือเป็นโรคสักนิด
“ไหนเล่าซิ” ต่างคนต่างอยากรู้อะไรมันทำให้หมอปัณถึงเบื่อหน่ายเซ็งได้ขนาดนี้ แม้จะดูรูปลักษณ์คุณหมอใจดีสุภาพอ่อนโยน แต่เวลาอยู่กับกลุ่มแก๊งเพื่อน ๆ จะรู้กันดี หมอปัณนั้นสุดขั้วเหมือนกัน แต่ไม่มั่วเหมือนกับเพื่อน ๆ
เหล้าไหลกลืนลงลำคออย่างช้า ๆ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่คุ้นเคยเมื่อหลายคืนที่ผ่านมา เธอบริการลูกค้าอยู่ที่โต๊ะตรงมุมกระจกจากโซนด้านบนที่มองลงไป
“นี่หนูภัสนิสัยดีโคตรน่ารักเลยมึงเอ๊ย” มาวินที่คอยมองพฤติกรรมของเพื่อน ดูเหมือนหมอปัณจะสนใจเด็กสาวนักศึกษาคนนี้เป็นพิเศษ
“คนดีที่ไหนมาทำงานในที่อโคจรแบบนี้กัน” หมอปัณคิดว่าหญิงสาวคงหวังมาหาจับผู้ชายรวยเพื่อจะได้สบาย
“ทำไมวะคนดีคนขยันทำงานในที่แบบนี้ก็เหมารวมว่าไม่ดีหรือไง” เจ้าของคลับและเป็นเจ้านายของหญิงสาวแย้ง สองปีที่เขารับนภัสสรเข้าทำงาน ยังไม่เคยเห็นเธอข้องแวะหรือแนบชิดผู้ชายคนไหนเลย
“ใครจะรู้ในเวลาทำงานไม่เป็นแต่เลิกงาน รับจ๊อบไปกับแขกก็เยอะ”
แม้จะรู้ว่าหญิงสาวนั้นบริสุทธิ์ แต่ส่วนใหญ่ที่รู้และเห็นก็มักเป็นแบบนั้น หมอปัณเลยเหมารวมว่าหญิงสาวก็ไม่ต่างกัน
“สนใจเธอละสิ” ก่อนจะหันไปบอกพนักงานข้าง ๆ ให้ตามตัวนภัสสรให้มาหา
ไม่นานนภัสสรก็มาพบเจ้านายตามคำบอกของเพื่อนร่วมงาน โดยที่เธอไม่ทันได้สังเกต
“หนูภัสบริการเพื่อนพี่หน่อยนะ” เขาสั่งหญิงสาว
“ค่ะ” เธอรับปากก็เหมือนที่เคยทำทุกวัน ชงเหล้าคอยดูว่าแขกขาดเหลืออะไร นั่นคือความคิดของเธอ
แสงไฟในห้องก็ช่างกระไรมันสลัวแทบมองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร แต่เธอไม่ได้สนใจจึงไม่รู้ว่าเธอถูกเพ่งเล็งจากสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ
“ชงเหล้าให้หมอปัณเขาหน่อย” มาวินสั่งนภัสสร มือที่กำลังตักน้ำแข็งเตรียมใส่แก้วหยุดชะงักชื่อนี้เหมือนเธอได้ยินเมื่อครั้งก่อน เธอจ้องมองเพื่อให้แน่ใจ ทว่าต้องตกใจเป็นเขาจริง ๆ ด้วย
“ได้แล้วค่ะ” มือสั่นระริกวางแก้วเหล้าต่อหน้าคนที่เธอไม่คิดจะได้เจออีก พวกเขานั่งดื่มจนล่วงเข้าสู่วันใหม่ จนกระทั่งเพื่อนบางคนถูกโทรศัพท์ตามให้กลับบ้าน เหลือคุณหมอปัณกับเจ้าของคลับและสาวคู่กายของมาวิน
“คุณมาวินคะ หนูขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ” ยืนนาน ๆ รู้สึกเมื่อยขา และอยากเข้าห้องน้ำจึงเดินไปขออนุญาตเจ้านาย
“อื้อ ตามสบาย” ชายหนุ่มยกมือส่งซิกให้เหมือนบอกไปสิ นภัสสรจึงเดินไปเข้าห้องน้ำ เสียงพ่นลมทางปากเหมือนเหนื่อยล้าและเก็บกดอาการ ก่อนล้างมือและสำรวจความเรียบร้อย
“ไงแม่คนดี”
เสียงทุ้มต่ำลอยมากระทบการได้ยินของหญิงสาว นภัสสรจึงชะเง้อมองหาในที่สุดก็เจอต้นเสียง เธอกลอกตามองบนพ่นลมหายใจหนัก เขาต้องการอะไรจากเธอ
“มีอะไร” เธอไม่อยากคุยกับเขา
“พูดให้มันดี ๆ หน่อยแม่คนดี” หมอปัณจำคำของมาวินได้
“คุณมีอะไรคะ” นภัสสรเบื่อที่เขาไม่ยอมพูดอะไรเสียที มัวแต่จ้องมองเธอ
“รับแขกคืนเท่าไหร่เหรอ” ปากหยักเอ่ยขึ้น คำพูดที่ทำให้หญิงสาวถึงกับควันออกหู อยู่ ๆ ถูกกล่าวหาว่าขายตัว ถึงเขาจะไม่พูดตรง ๆ ใครก็ฟังความหมายออก
“ฉันจะรับแขกกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ” เธอตอบกลับอย่างไม่ลดละ
“ร่าน” หมอปัณถึงกับไม่พอใจที่หญิงสาวต่อปากต่อคำ
“ขอบคุณที่ชมค่ะ” ก่อนจะเดินผ่านหน้าคนปากอัปมงคล
“อุ๊บ” มือหนากระชากแขนหญิงสาวและดันแผ่นหลังชิดกำแพง พร้อมฉกจูบออกแรงบดขยี้
มือน้อย ๆ ทุบตีไหล่หนาระรัวพร้อมขาที่ยกขึ้นเตะถีบ แต่หมอปัณใช้ขาทรงพลังหนีบรวบไว้ สุดท้ายมือที่ทุบตีเมื่อครู่กับขยุ้มเสื้อตรงแผงอก
หมอปัณใช้ฟันขบลงกลีบปากจนอีกฝ่ายต้องเผยอ ลิ้นใหญ่ดุนดันสอดแทรกซอนไซ้เข้าภายในโพรงปากอันแสนหวาน แขนแกร่งสอดเข้าเอวคอดกิ่วกระชับให้ร่างบางแนบชิดร่างเขา
ลมหายใจรดใบหน้ากันและกัน นภัสสรใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกเหมือนจะเป็นลมล้มกองต่อหน้าชายหนุ่มเสียให้ได้ เขาจูบสูบวิญญาณจนหญิงสาวเริ่มดิ้นหยุกหยิก
ปึก…
“จืดชืด” มือหนาผลักร่างนภัสสรใส่กำแพง
“เลว” กลีบปากคลี่ขยับพร้อมน้ำตาที่ปริ่มขอบตาอย่างร้อนผ่าว เขามันเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ในที่สุดมันก็ไหลลงแก้ม สองมือยกขึ้นเช็ดมันลวก ๆ ก่อนจะเดินชนร่างหนากลับเข้าไปในห้อง
“กูกลับละ” เมื่อหมอปัณไม่เห็นหญิงสาว
“เฮ้ย อะไรวะ”
มาวินที่กำลังยกแก้วเหล้าในมือ ถึงกับเงยหน้ามองเพื่อน
“พรุ่งนี้มีงานด่วน” สองมือขยับเสื้อเข้าที่
“จริงอะดิ” สายตามาวินชำเลืองมองก่อนกระตุกยิ้มแปลก ๆ
“หน้ากูมีไรให้มึงต้องมองวะ” เมื่อถูกจ้องเพ่งเล็ง
“เปล่า ขับรถกลับดี ๆ ล่ะ” มีหรือว่ามาวินจะรู้ไม่ทัน
นภัสสรยืนคุยกับพี่โรซี่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ วันนี้เงินเดือนออก เธอจึงอยากชวนพี่โรซี่ไปทานข้าวต้ม รู้สึกหิวอยากทานขึ้นมาเฉย ๆ แต่ติดตรงที่พี่สาวสองยังเคลียร์งานไม่จบ
“เอาไว้โอกาสหน้านะภัส วันนี้งานยุ่งจริง ๆ” พี่โรซี่ก็อยากไปกินด้วยแต่ติดปัญหาคือ ยังเคลียร์เงินเดือนคนอื่น ๆ ไม่หมด
“อือ เสียดายจังพี่ไว้รอโอกาสหน้าก็ได้ค่ะ” นภัสสรส่งยิ้มให้สาวสองรุ่นพี่
“อ้อ ภัสโทรศัพท์หาเจอหรือยัง ไปตกหายที่ไหนหรือเปล่า” เมื่อพี่โรซี่นึกขึ้นได้
“ป่านนี้คงอยู่ที่ร้านไหนสักแห่งละค่ะ ค่อยเก็บเงินซื้อใหม่ค่ะ” แม้จะเสียดายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
วันนั้นที่ยื้อยุดต่อสู้กับเขาคนนั้น… ไม่แน่ใจว่ามันหายที่ไหนทั้งกระเป๋าเป้ หากมันตกข้างทางป่านนี้คงไม่เหลือซาก
“จ้ะ กลับบ้านดี ๆ นะภัส เอ๊ย” ก่อนจะหันไปเคลียร์บิลโต๊ะที่แขกเรียกเก็บเงิน
“ค่ะ” ก่อนจะเดินเลี่ยงออกทางหลังร้าน เดินขึ้นสู่ทางเท้าเพื่อรอรถวินมอเตอร์ไซค์เจ้าประจำมารับ