หวงหลาน

1385 คำ
จูซื่อ เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ นางลืมบอกให้ชุยหยุนนำผ้าที่ใส่แล้วของหลิงเฟิ่งมารวมไว้กับเสื้อผ้าของเขา นางจะได้เอาไปซักทีเดียว “อาหยุน เจ้าเอาเสื้อผ้าของเฟิ่งเออร์...” นางยังไม่ทันพูดจบประโยค ก็เห็นหลิงเฟิ่งที่อาบน้ำสระผมเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งยังซักผ้าเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ “เจ้าทำเป็นรึ” จูซื่อรีบเดินเข้ามาแย่งเสื้อผ้าของหลิงเฟิ่งไปดูว่านางซักสะอาดหรือไม่ “ท่านแม่ เมื่อก่อนนางคงเคยทำ มิดีหรือที่นางยังทำอันใดเองได้” ชุยหยุนรีบเดินเข้ามาแก้ต่างให้หลิงเฟิ่งที่ดูจะตกใจอยู่ไม่น้อย “เอาเถิด สิ่งใดที่นางไม่รู้ก็ค่อยๆ สอนไป ข้าเองไม่มีบุตรสาว ได้นางมาเป็นเพื่อนคลายเหงาก็ดี” จูซื่อลูบคลำใบหน้าของหลิงเฟิ่ง เพื่อดูว่านางอาบน้ำได้เกลี้ยงเกลาหรือไม่ “ขอรับ” ชุยหยุนรับผ้ามาจากมือมารดา ก่อนจะเดินไปตากให้นางที่ด้านหลังเรือน “พาเฟิ่งเออร์ไปเช็ดผมเร็วเข้า ประเดี๋ยวนางจะล้มป่วยเสียก่อน เฟิ่งเออร์เจ้าอยากลองเข้าครัวหรือไม่ แม่จะสอนเจ้าเอง” นางเอ่ยถามอย่างเอ็นดู “...” หลิงเฟิ่งพยักหน้ารับ นางเองก็อยากจะช่วยหยิบจับงานเรือนบ้าง “เด็กดี เดี๋ยวข้าเย็บชุดให้เจ้าเสร็จแล้วจะเรียกก็แล้วกัน” จูซื่อหมุนตัวกลับไปที่ห้องของนาง เพื่อเย็บชุดที่ทำค้างไว้ นางไม่ได้ทำชุดให้ใหม่ เพียงแต่นำชุดเก่าของนางที่ยังใช้งานได้อยู่มาทำให้หลิงเฟิ่งใส่แก้ขัดไปก่อน หากเข้าเรือนไปส่งผ้าที่ปักเมื่อใด ค่อยหาซื้อผ้ามาทำให้นางเพิ่ม เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว ชุยหยุนก็หาผ้ามาเช็ดผมให้หลิงเฟิ่ง นางคิดว่าเขาจะให้นางทำเอง แต่ไม่คิดว่า... “มานั่งนี่” “มีอันใด” “ข้าจะเช็ดผมให้เจ้า” “ข้าทำเองได้ มารดาท่านไม่เห็นเสียหน่อย” นางจะแย่งผ้ามาจากมือของเขา “นั่งลง ข้าจะฝึกทำ หากต่อไปอยู่ต่อหน้าท่านแม่ ข้าทำไม่เป็นนางจะไม่ตำหนิข้ารึ ที่ผ่านมาให้เจ้าทำเอง” “หึ จะต้องฝึกอันใด เพียงแค่ซับน้ำออกจากผม” “ก็ข้าไม่เคยทำ หากทำแรงไป เจ้าจะไม่ทุบตีข้ารึ” “อยากทำก็ทำ” นางเพียงแค่นั่งเฉยๆ จะปฏิเสธไปทำไม “เจ็บหรือไม่” “ไม่ น้ำหนักมือเท่านี้กำลังดี” หลิงเฟิ่งเอ่ยชมออกมา พอผมแห้งดีแล้ว ชุยหยุนจึงลองเกล้าผมให้นาง เมื่อเห็นปิ่นไม้เกลี้ยงๆ ของนางก็อดที่จะเห็นใจไม่ได้ “ไว้ข้าจะซื้อปิ่นดีๆ ให้เจ้าสักอัน” “ข้าจะเอาปิ่นหยก ท่านต้องซื้อให้ข้าเล่า” นางเอียงคอมองเขาอย่างหยอกล้อ “ต้องทำงานนานเพียงใด ถึงจะซื้อปิ่นหยกให้เจ้าได้ เจ้าใช้ปิ่นไม้ต่อไปเถิด” ชุยหยุนเกล้าผมไม่เป็น ผมหลิงเฟิ่งจึงดูยุ่งอยู่ไม่น้อย “ท่านเกล้าเป็นหรือไม่เนี่ย” นางเอ่ยถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ เมื่อเห็นสีหน้าของชุยหยุนที่มองผมนางแล้วเบ้ปาก แต่ก่อนที่ชุยหยุนจะเอ่ยตอบหลิงเฟิ่ง เสียงร้องแสบแก้วหูของสตรี ที่ร้องเรียกชื่อเขาอยู่หน้าเรือนก็ดังขึ้นเสียก่อน “ออกไปด้านนอกเถิด” “นางเรียกท่าน มิได้เรียกข้าเสียหน่อย” หลิงเฟิ่งยังปวดข้อเท้าอยู่ นางไม่อยากจะเดินออกไปด้านนอก คิดว่าหากชุยหยุนออกไปแล้ว นางจะเรียกน้ำวิเศษมารักษาข้อเท้านางเสียหน่อย “ไปเถิด” ชุยหยุนรู้ดีว่าสตรีที่มาเป็นใคร จึงได้ลากหลิงเฟิ่งนางออกไปด้วย “พี่หยุน ท่านหาย...เอ๊ะ” นางไม่คิดว่าเขาจะลุกขึ้นมาเดินได้ ทั้งยังจับมือของหญิงบ้าเอาไว้อย่างหวงแหนอีกด้วย หลิงเฟิ่งชะโงกหน้าออกไปดู ก็พบว่าเป็น หวงหลาน หญิงงามในหมู่บ้านนี่เอง “เจ้ามีเรื่องอันใดหรือไม่” ชุยหยุนยังคงจับมือหลิงเฟิ่งเอาไว้ไม่ปล่อย “ข้าเพียงแค่มาเยี่ยมเจ้าค่ะ ท่านแม่บอกว่าท่านดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว ไม่คิดว่าท่านจะเดินเหินสะดวกเช่นนี้” นางเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสองทันที ทั้งยังชนหลิงเฟิ่งให้ถอยห่างออกไปจากตัวของชุยหยุนอีกด้วย “...” หลิงเฟิ่งตกใจไม่น้อย ที่อยู่ ๆ หวงหลานก็กระแทกนางเช่นนี้ หากไม่ทรงตัวให้ดี นางคงได้ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นแน่ “แม่นางหวง เว้นระยะห่างจากข้าด้วย ข้าแต่งภรรยาแล้ว อีกอย่างเจ้ากำลังทำให้ภรรยาของข้าบาดเจ็บ” ชุยหยุนเบี่ยงตัวหลบหวงหลานที่กำลังจะเกาะแขนของเขา แล้วเดินไปดูหลิงเฟิ่งแทนว่านางได้รับบาดเจ็บหรือไม่ “ท่านกล้าเรียกนังบ้าว่าภรรยาจริงรึ พี่หยุน ข้าคิดว่าท่านเพียงตบตาตระกูลหลี่กับชาวบ้านเท่านั้น” นางไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเขา คิดเพียงแค่ว่า ที่ชุยหยุนเรียกหลิงเฟิ่งว่าภรรยา คงเพราะอยู่ต่อหน้าชาวบ้านและสงสารที่นางเสียสติ “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อข้าแต่งนางเข้ามาแล้ว นางย่อมเป็นภรรยาของข้า” “ท่านจะมีบุตรกับหญิงบ้าได้อย่างไร ท่านทิ้งนางดีหรือไม่ แล้วแต่งข้าเข้าจวน” หวงหลานยิ้มเยาะมองหลิงเฟิ่ง นางทั้งงามที่สุดในหมู่บ้าน ทั้งสติก็ดีกว่า ชุยหยุนย่อมต้องเลือกนาง “สวรรค์ ตระกูลหวงสอนเจ้าเช่นนี้รึอาหลาน” จูซื่อได้ยินเสียงดังจึงได้ออกมาดู ก็มาทันประโยคที่หวงหลานบอกให้พาหลิงเฟิ่งไปทิ้งพอดี จูซื่อจะยอมได้อย่างไร ในเมื่อหลิงเฟิ่งนางทำให้อาการของบุตรชายของนางดีขึ้นได้ ต่างจากหวงหลานเมื่อก่อนที่แวะเวียนมาที่เรือนไม่ขาด พอชุยหยุนป่วยหนักจนลุกจากเตียงไม่ได้ นางก็ไม่ได้มาอีกเลย พอไปทาบทามนางให้แต่งเข้าตระกูลซ่ง เพื่อหวังว่าจะช่วยให้อาการของบุตรชายดีขึ้นตามคำแนะนำของต้าซื่อ แต่ตระกูลหวงกับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย หาว่าต้องการให้บุตรสาวของตนไปตายพร้อมกับบุตรชายของนาง พอหวงหลานมาเยือนครั้งนี้ จึงสร้างความไม่พอใจให้จูซื่อมากนัก “ท่านป้า ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าหวังดีต่อท่านจริงๆ นะเจ้าคะ ข้าเพียงห่วงว่าท่านจะไม่มีหลานสืบตระกูล มิได้คิดเป็นเช่นอื่นเลย” นางเอ่ยออกมาอย่างปวดใจ “ไม่ต้อง หากเฟิ่งเออร์นางไม่มีบุตรหลานก็แล้วแต่สวรรค์ ข้าไม่สนใจ” นางขอเพียงให้บุตรชายมีอายุยืนยาวก็พอ “หากไม่มีเรื่องอันใดเจ้าก็กลับไปเถิด ภรรยาข้านางเจ็บขา ต้องการพักผ่อน” “หึ” เมื่อถูกออกปากไล่เช่นนี้แล้วนางจะอยู่ได้อย่างไร หวงหลานมองมาทางหลิงเฟิ่งอย่างโกรธแค้น ก่อนจะยอมออกไปจากเรือนตระกูลซ่ง “ต่อไป หากนางมาอีก เจ้าก็อย่าให้เฟิ่งเออร์ออกมา ข้ากลัวว่าอาหลานนางจะทำให้เฟิ่งเออร์บาดเจ็บ เฟิ่งเออร์วันนี้ยังไม่ต้องช่วยข้าทำอาหาร เจ้าพักก่อนเถิด” จูซื่อส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะกลับไปจัดงานของนางต่อ “เสน่ห์ท่านช่างร้ายกาจนัก นางได้ยินว่าท่านลุกขึ้นมาเดินได้ ก็อยากจะแต่งเข้าเรือนตระกูลซ่งแล้ว” หลิงเฟิ่งอดที่จะหยอกเย้าเขาไม่ได้ “หึ ก่อนหน้านี้ท่านแม่เคยไปทาบทามนางแล้ว แต่ตระกูลหวงปฏิเสธ คงคิดว่าข้าจะตายจึงไม่ต้องการให้นางลงหลุมไปด้วย” “ก็จริง ผู้ใดต้องการให้บุตรสาวตายตามสามีไปเล่า เพียงแค่แต่งเข้ามาวันเดียวเท่านั้น” นางพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคนตระกูลหวง คงมีเพียงตระกูลหลี่ที่เลือดเย็นเห็นแก่เงินสองตำลึง “เอาเถิด เจ้านั่งรอข้าก่อน ข้าจะไปเอาน้ำร้อนมาประคบข้อเท้าให้เจ้า” “ขอบคุณท่านมาก” นางมองเขาอย่างซึ้งใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม