บ้านเดย์
เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดับลงเด็กสาวในชุดนักศึกษากระโปรงยาวพร้อมกับชายหนุ่มในชุดลำลองเสื้อยืดสีดำและกางเกงขาสั้นสีครีมก็ก้าวลงจากรถพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนสุนัขพันธุ์ใหญ่อย่างโกลเด้นก็วิ่งกระโจนเข้ามาหาขนมผิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจนเผลอทำหน้าเหวอตกใจ
“ไดมอนด์!”
เดย์รีบเข้ามาห้ามพลันอุ้มเจ้าหมายักษ์ออกจากตัวขนมผิงที่ตอนนี้ลงไปนั่งจุ่มก้นกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
“เป็นอะไรไหมผิง”
“มะ ไม่เป็นอะไรค่ะแต่น้องแรงเยอะจังเลยนะคะผิงกระเด็นเลย”
เธอพูดติดตลกด้วยนึกเอ็นดูเจ้าหมายักษ์ที่กระดิกหางอยากเล่นแต่ทว่ากลับลืมนึกไปว่าตัวเองเป็นหมาใหญ่แรงเยอะ
“ไดมอนด์!!”
เสียงหนึ่งดังตะโกนมาจากข้างบ้าน พอเจ้าหมายักษ์ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งแจ้นไปหาต้นเสียงทันที
เดย์ยื่นมือให้ขนมผิงจับก่อนจะดึงร่างเธอให้ลุกขึ้นยืน สาวน้อยปัดฝุ่นเปรอะเปื้อนที่ก้นเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มให้เดย์
“เจ้าไดมอนด์มันชอบคึกเวลาเจอคนแปลกหน้าพี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ มันน่ารักออก”
“ผิงชอบหมาไหม”
“ชอบสิคะ แต่ที่บ้านผิงไม่ให้เลี้ยงคุณแม่ผิงแพ้ขนสัตว์” สาวน้อยเอ่ยเสียงอ่อนอย่างเสียดาย เธออยากเลี้ยงสุนัขตั้งแต่เด็กโดยเฉพาะสุนัขพันธุ์ใหญ่แต่กลับทำไม่ได้
“เป็นอะไรไหมลูก ลุงขอโทษนะพอดีเมื่อกี้ลุงหันหลังไปเทอาหารแป๊บเดียว ดูสิได้ยินเสียงรถก็รีบวิ่งแจ้นออกมาเลย”
ชายวัยกลางคนท่าทางดูสุขุมใจดีเอ่ยกับขนมผิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ท่านมองหน้าลูกชายตัวเองสลับกับสาวน้อยหน้าตาน่ารักด้วยแววตามีเลศนัยแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยแซวอะไรก็ถูกลูกชายเอ่ยดักทางเสียก่อน
“ขนมผิงเป็นรุ่นน้องครับพ่อ แล้วก็...เป็นคู่หมั้นพี่อาทิตย์ด้วย”
“อาทิตย์เจ้าหนุ่มข้างบ้านอ่ะนะ?” ท่านถามอย่างนึกประหลาดใจ
“ครับ”
“อ้าวแล้วไม่ใช่ว่า...” พ่อของเดย์ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ทว่ากลับถูกลูกชายกระแอมเสียงห้ามไว้พร้อมกับชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“พ่อให้อาหารเจ้าไดมอนด์ค้างไว้ไม่ใช่เหรอครับ ไปสิทำต่อสิครับมันหิวแล้วนะ”
เมื่อลูกชายเอ่ยคนเป็นพ่อก็มองหน้าสุนัขรักเห็นมันทำตาแป๋วก็นึกเอ็นดูรีบจูงเจ้าตูบตัวโตเข้าไปในบ้าน
“พ่อพี่เดย์ใจดีจังเลยนะคะ”
“รู้ได้ไงว่าท่านใจดี ท่านอาจจะดุมากก็ได้นะ”
ขนมผิงหัวเราะ ดุได้อย่างไรกันทั้งสีหน้าและคำพูดกระทั่งน้ำเสียงไม่ทิ้งร่องรอยความเป็นคนดุเลยสักนิด และหากพูดถึงความดุแล้วสำหรับขนมผิงไม่มีใครดุไปกว่าพ่อของเธอแล้วล่ะ
“คุณพ่อผิงดุกว่านี้เยอะค่ะ”
“จริงเหรอ”
“ดุมากค่ะ ท่านไม่ค่อยยิ้มเวลาพูดกับผิงก็ใช้น้ำเสียงแข็งๆ เช่น ขนมผิงอ่านหนังสือหรือยัง ขนมผิงทำไมกลับบ้านดึก ขนมผิงแต่งตัวให้เรียบร้อย”
ขนมทำท่าทางเลียนแบบล้อเลียนพ่อตัวเองจนเดย์หลุดหัวเราะกับความแสบของเธอ
“งั้นก็คงต่างจากพ่อพี่จริงๆ นั่นแหละเพราะพ่อพี่ชอบโหวกแหวกโวยวายมากกว่า เช่น ไดมอนด์กินข้าว! เดย์หยิบแว่นให้พ่อหน่อย เดย์จับหมาให้พอที บลาๆๆ”
เดย์เองก็เลียนแบบท่าทางพ่อของเขาตอนตะโกนโหวกเหวกโวยวายให้ขนมผิงดูจนเธอถูกใจหลุดหัวเราะออกมาด้วยท่าทางขบขัน
“พี่เดย์คะ”
“หื้ม?”
“นู่นค่ะ” คนหัวเราชอบใจทำปากยื่นไปทางด้านหลังเดย์ซึ่งก็เห็นพ่อเขากำลังยืนเท้าเอวฟังลูกชายล้อเลียนตัวเอง
“เจ้าเดย์! มาให้พ่อตีเลยนะ ล้อเลียนพ่อใช่ไหมหื้ม!”
“อย่าเข้ามานะพ่อ ผมโตแล้วนะ” พ่อเดย์ทำท่าจะเข้ามาตีลูกชายแต่ทว่าคนไวกว่ารีบวิ่งมาหลบหลังขนมผิง
“โอ้ยดีเสียจริงนะเจ้าลูกชาย ใครสอนให้แกไปยืนหลับหลังผู้หญิงฮะ!”
“ตอนทะเลาะกับคุณปู่พ่อก็ยืนหลบหลังแม่บ่อยนี่ครับ”
“ยอกย้อนเหรอหื้ม!”
ทั้งสองพ่อลูกแกล้งหยอกเย้ากันเล่นจนขนมผิงพาลสนุกตามหัวเราะขบขันไม่หยุด
“ว่าแต่จะไปไหนกันเหรอ”
เมื่อศึกสายเลือดจบลงผู้อาวุโสของบ้านก็เอ่ยถามลูกชาย
“พาน้องไปกินทาโกะยากิที่ร้านหน้าปากซอย”
“ซื้อมาฝากพ่อด้วยสิ ครั้งที่แล้วพ่อได้กินแค่ชิ้นเดียวเอง”
“ได้ครับแล้วไหนเงินล่ะ”
“ทาโกะยากินกล่องไม่กี่สิบบาทยังจะกล้าขอเงินพ่ออีกเหรอหื้ม”
“เอ้าก็ผมยังไม่ได้ทำงานนี่ แต่พ่อทำแล้วนะพ่อก็ต้องเลี้ยงผมสิ”
“หึ! เอาไปแล้วก็เลี้ยงน้องเขาด้วยนะ” ว่าแล้ววิษณุพ่อของเดย์ก็ควักแบงค์ห้าร้อยยื่นให้ลูกชาย
“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วครับ”
“ขอบคุณนะคะคุณลุง” เสียงใสรีบเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างจนดวงตาเปลี่ยนรูปเป็นทรงสระอิ
“ยินดีจ้ะ ขนมผิงกินเยอะๆ นะลูกลุงเห็นตัวหนูเล็กนิดเดียวเอง”
“อย่าดูถูกน้องผิงนะครับพ่อ คนนี้ตัวเล็กแต่กินเก่งมาก”
“พี่เดย์ว่าผิงเหรอ” เด็กตาใสจ้องพี่ชายผมทอง
“เปล่านะคะ พี่ชมว่าขนมผิงกินเก่งต่างหาก”
“กินเก่งเป็นคำชมเหรอคะ” เธอเริ่มนึกเอะใจเพราะคำพูดดังกล่าวมันฟังดูแปร่งๆ ชอบกล
“ชมสิคะ กินเก่งแปลว่ากินหมด กินหมดแปลว่าไม่เสียของ ไม่เสียของแปลว่ารู้คุณค่าของสิ่งที่ซื้อมา ดังนั้นขนมผิงเก่งมากครับ”
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่เธอฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนได้รับคำชมจริงๆ ใบหน้าหวานยกยิ้มอารมณ์ดีซึ่งก็ถูกฝ่ายชายมองกลับด้วยความเอ็นดู
“เดี๋ยวรอตรงนี้ก่อนนะ พี่ขอไปเอาจักรยานแป๊บนึง”
“ได้ค่ะ”
จบประโยคเดย์ก็หายไปตัวไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมกับจักรยานแม่บ้านญี่ปุ่นสีขาวที่มาพร้อมตะกร้าน่ารักด้านหน้าไว้ใส่กระเป๋าสะพายให้ขนมผิง
“น่ารักจังเลยค่ะ”
“อะไรน่ารักคะ จักรยานหรือพี่”
“จักรยานสิคะ ขนมผิงอยากได้บ้างจัง”
“เอาไหมพี่ยกให้” สาวน้อยรีบยกมือปฏิเสธ “ไม่ได้ค่ะ ขนมผิงจะเอาจักรยานของพี่เดย์ได้ยังไง”
“ได้สิก็พี่เป็นเจ้าของจะยกให้ใครก็ได้”
“ยกให้ฟรีๆ ได้ยังไงคะ งั้นเอาเป็นว่าช่วงปิดเทอมถ้าพี่เดย์ว่างไปซื้อจักรยานเป็นเพื่อนขนมผิงหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ แต่ตอนนี้ขึ้นมาก่อนเร็ว”
สิ้นเสียงของเดย์ขนมผิงก็ไม่รอช้ารีบวางกระเป๋าสะพายข้างไว้ที่หน้ารถก่อนจะยกก้นนั่งบนเบาะซ้อนท้ายพร้อมกับจับชายเสื้อที่เอวเดย์
“จับแบบนั้นเดี๋ยวก็ตกหรอก จับเอวพี่ได้เลยครับไม่เป็นไร”
ได้ยินคำอนุญาตขนมผิงก็ยอมทำตามที่อีกคนว่าจับเอวคนพี่ไว้หลวมๆ
“พร้อมแล้วค่ะไปกันเลย!”
“ไปค้าบ”
ณ ร้านทาโกะยากิ
เมื่อมาถึงที่หมายทั้งคู่ก็ไม่รอช้ารีบเดินมาต่อแถวซื้อของที่ต้องการ ระหว่างยืนรอเดย์ก็ชวนคนน้องคุยสัพเพเหระ ทันใดนั้นเองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพวกเขา เมื่อเดย์หันไปเห็นก็อดเอ่ยปากทักไม่ได้
“สวัสดีครับคุณครีม”
ขนมผิงมองตามก็รู้สึกคุ้นหน้าหญิงคนดังกล่าวแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน มือเล็กยกมือไหว้หญิงสาวที่ดูจะอายุเยอะกว่าอย่างมีมารยาท แต่เธอคนนั้นกลับรับไหว้ด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย
“นี่ผิงไม่รู้จักคุณครีมเหรอ” ขนมผิงมองหน้าเดย์ก่อนจะสลับไปมองหน้าอีกคนที่กำลังถูกพูดถึง
“คุณครีม...” เธอลากเสียงพลันนึก “เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ”
“เอ่อ...”
“ผิงไม่เคยเจอเลขาของคู่หมั้นตัวเองเหรอ”
“เลขาพี่อาทิตย์เหรอคะ?” เดย์พยักหน้าลง ซึ่งเธอคนนั้นก็ยกยิ้มอ่อนให้คู่หมั้นของเจ้านายตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณขนมผิง”