บทที่ 2 ต่อรอง

1613 คำ
เมื่อนางลืมตาตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่นางเห็นก็คือเพดานห้อง ความเจ็บปวดบนร่างกายตอกย้ำจางลี่ซือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด นางได้เสียบริสุทธิ์ให้กับอันตงหยางเป็นที่เรียบร้อย และก่อนที่นางจะไม่ได้สตินั้นก็ได้ยินน้ำเสียงรับสั่งกับคนสนิทว่าให้ส่งนางกลับคืนสู่ตระกูล หากเป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการส่งนางไปตายเลย จะอยู่หรือจะไปสุดท้ายนางก็ต้องตายอยู่ดี ระหว่างการเดินทางมาที่นี่นางจึงได้คิดแผนรับมือไว้หนึ่งอย่างแม้ไม่แน่ใจว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม “ตื่นแล้วหรือคุณหนูจาง ข้าจะช่วยท่านเตรียมตัว”เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างเตียง จางลี่ซือผุดลุกขึ้นโดยกอดผ้าห่มแนบอกเอาไว้ แม้จะผ่านคืนแรกมาแต่ก็ยังเป็นสตรีมียางอาย “เตรียมตัว?” “รถม้าท่านอยู่ด้านหน้าตำหนักแล้วขอรับ” จางลี่ซือเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความประหม่า นางไม่อยากกลับตระกูล เจียวลู่เมื่อเห็นนางไม่ขยับตัวก็เดินเข้าไปหมายจะช่วยแต่เพียงแค่ทำท่าทางจะเข้าไปใกล้จางลี่ซือก็สะดุ้งเฮือกพร้อมกับถดตัวถอยหนี …เหตุใดจึงมีท่าทางเช่นนั้นกัน หรือเพราะหยางอ๋องกระทำรุนแรงเมื่อคืน… เจียวลู่คิดพลางใช้สายตาสำรวจมองร่างกายของจางลี่ซือ นางเป็นสตรีตัวเล็กกว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย ร่างของนางมีรอยสีแดงจากการกระทำของอันตงหยางแค่ไม่กี่รอยเพื่อเป็นการปลดปล่อยกำหนัดก็เท่านั้น สำหรับบุรุษแล้วก็มิได้รุนแรงเท่าใด อาจจะเป็นเพราะนางตัวเล็กจึงรู้สึกว่ามันรุนแรง “ขะ ข้าจะเตรียมตัวเอง” “ตามใจท่านเถอะ” จางลี่ซือขยับตัวไปที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงโดยมีผ้าห่มผืนบางติดตัวไปด้วย นางยืนนิ่งมองเจียวลู่ที่ยังคงยืนมองนาง เจียวลู่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันหลังให้นางได้ทำการแต่งตัวด้วยตัวเอง ในตอนนั้นเองอาการเจ็บหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออกของนางก็กำเริบ จางลี่ซือทรุดตัวลงพื้น มือจิกอกข้างซ้ายของตนด้วยท่าทางทรมานไร้ซึ่งเสียงกรีดร้องหากทว่านางรู้สึกเจ็บจนแทบขาดใจ ที่ไม่สามารถร้องแสดงความเจ็บปวดออกมาได้เป็นเพราะตอนอยู่จวนตระกูลจางนั้นนางจำเป็นต้องเก็บตัวเก็บเสียงเงียบ มิเช่นนั้นอาจโดนรังแกหนักกว่าเดิมก็เป็นได้ เจียวลู่ที่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหว ทันทีที่จางลี่ซือล้มลงไปกองกับพื้นก็รีบมาช่วยประคองนาง “คุณหนูจาง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” “…” ไม่มีเสียงตอบรับจากนางที่คล้ายกับคนกำลังหมดลม เจ็บปวดรวดร้าวจนมิอาจเอื้อนเอ่ยเสียงใดออกมาได้ อาการเช่นนี้นางมีมาตั้งแต่จำความได้เป็นอาการที่ไม่เคยได้รับการรักษาเพราะตระกูลจางละเลยนางมาตั้งแต่จำความได้ เมื่อเกิดความเจ็บปวดขึ้นสิ่งเดียวที่สามารถทำได้ก็คือการดูแล รับผิดชอบตัวเองและห้ามส่งเสียงร้องโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจจะโดนจับจุดอ่อนได้ โชคดีที่อาการเจ็บปวดทุเลาลง แม้ใบหน้าซีดเซียวแต่นางก็ยังเงยหน้าขึ้นกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มกว้าง “ข้าไม่เป็นไร ขอบใจเจ้ามาก” “ข้าช่วยท่านแต่งตัวดีกว่ากระมังคุณหนูจาง ไม่ต้องห่วงไปข้าเป็นขันทีขอรับ” …แม้จะไม่ใช่ขันทีจริง ๆ ก็ตาม แต่สำหรับสตรีผู้นี้แล้วคงไม่สำคัญเพราะเดี๋ยวนางก็ถูกส่งตัวกลับอยู่แล้ว… ไม่รอให้สตรีตัวน้อยได้โต้เถียงอันใดออกไปก็ช่วยนางแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย แต่ช่างน่าอายนักที่อาภรณ์ของนางค่อนข้างยั่วยวน นางมิได้ตั้งใจใส่อาภรณ์เข่นนี้แต่เป็นเพราะสาวใช้ที่เตรียมอาภรณ์มาให้ต่างหาก เป็นนางเองที่ผิดที่ไม่ได้ตรวจสอบดู “ข้าขอเข้าเฝ้าหยางอ๋องได้หรือไม่?” “เกรงว่าหยางอ๋องมิอนุญาตขอรับ” “ข้าแค่อยากทูลลา” เจียวลู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง มองสตรีตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ หากเป็นสตรีนางอื่นคงจะมิกล้าไปพบอันตงหยางอีกครา แต่นางกลับขอเข้าเฝ้าในทันทีที่ตื่นขึ้นมา “…เช่นนั้นข้าจะแจ้งหยางอ๋องตามนั้น โปรดรอสักครู่”กล่าวจบเจียวลู่ก็เดินออกไปโดยทันทีเพื่อส่งข่าวให้องครักษ์แถวนั้นรายงานไปยังอันตงหยาง ไม่นานนักองครักษ์ก็นำข่าวดีกลับมาให้แก่จางลี่ซือ นางรีบกุลีกุจอเดินตามการนำทางของเจียวลู่ไปโดยทันที จนกระทั่งมาถึงลานฝึกประลอง อันตงหยางเหลือบสายตามองสตรีที่เดินตามเจียวลู่มาก็เบนสายตากลับไปอย่างไม่สนใจ แม้เขาจะได้รับรายงานมาว่าจางลี่ซือต้องการเข้าเฝ้าเพื่อทูลลาแล้วเจ้าตัวก็อนุญาตก็ตาม ถึงอย่างนั้นก็หาได้สนใจไม่ “คุณหนูจางรอสักครู่ หยางอ๋องกำลังประลองกำลัง หากเข้าไปขัดจะอารมณ์เสียเอาได้”เจียวลู่กล่าว จางลี่ซือพยักหน้ารับและมองดูการประลองของอันตงหยางและอัศวิน “มีธุระอันใด”จวบจนการประลองจบไปหนึ่ง อันตงหยางที่ไม่เห็นว่าจางลี่ซือจะจากไปสักทีจึงเดินมาหาด้วยร่างกายชุ่มเหงื่อ นางผู้แสนอ่อนโยนดึงผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาจากอกเสื้อหมายจะเช็ดให้อันตงหยางอย่างถือดี แต่ก็ถูกปัดมือออกอย่างไร้เยื่อใยแถมใบหน้าคมคายยังมองนางด้วยสายตาดุดันอีกด้วย และนั่นทำให้นางได้สติ! …ซือเอ๋อร์! เจ้ากระทำการใดกัน บุรุษผู้นี้หามิใช่พี่ชายเจ้าไม่!... “ขอประทานอภัย หม่อมฉันเผลอตัวไปเห็นท่านเป็นพี่ชายเอาเสียได้ โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ!” จางลี่ซือย่อกายคุกเข่าประสานมือด้วยความรักตัวกลัวตาย อันตงหยางมองนางด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “เจ้ารีบกลับไปเสีย อย่าให้ข้าอารมณ์เสียไปมากกว่านี้” “ยะ หยางอ๋องเพคะ หม่อมฉันมีเรื่องจะเสนอ” “ข้าไม่ต้องการ” อันตงหยางเดินหนีไปโดยไม่สนใจนาง ในตอนนั้นเองที่เจียวลู่อุทานออกมาด้วยความตกใจ เสี้ยววินาทีนั้นอันตงหยางหันกลับมาทันได้เห็นจางลี่ซือใช้มือจับปิ่นปักผมปักลงบนฝ่ามือจนทะลุ แม้อันอันตงหยางจะผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วนแต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคุณหนูในห้องนอนอย่างจางลี่ซือกระทำการใจกล้าราวกับไม่รักตัวกลัวตาย นางกัดริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บปวดจนเลือดไหลซึมออกมาแล้วหันไปมองทางอันตงหยางที่มองนางด้วยแววตาวาวโรจน์ “มะ หม่อมฉันมีประโยชน์นะเพคะ” “กล้าทำก็รับผิดชอบตัวเจ้าเองแล้วกัน ชีวิตเจ้าเลือกเอง”เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วเตรียมจะเดินหนีไปจากตรงนั้น แต่นางไม่ยอมแพ้วิ่งไปหาอันตงหยางทั้งที่ปิ่นคามือแม้เจียวลู่จะห้ามไว้แต่นางก็ยังตะโกนกล่าวเสียงดัง “หม่อมฉันสามารถฟื้นตัวเองได้ เลือดของหม่อมฉันเป็นยาดีรักษาบาดแผลฉกรรจ์ได้ราวกับยาวิเศษ หากท่านไม่เชื่อลองดูแผลหม่อมฉันสักหน่อยเพคะ!” “พอเถอะคุณหนูจาง อย่าทำให้หยางอ๋องขุ่นเคืองไปมากกว่านี้เลย” ฉึก! จางลี่ซือกลั้นใจดึงปิ่นออกมาจากฝ่ามือรวดเดียว เลือดพุ่งกระฉูดออกมาราวกับน้ำพุร้อน แต่กลับไร้เสียงแสดงถึงความเจ็บปวด ไม่กี่นาทีต่อมาบาดแผลของนางก็สมานเข้าหากันราวกับไม่เคยมีมาก่อน เจียวลู่มัวแต่อึ้งกับสิ่งที่เห็นจึงไม่ได้รั้งตัวจางลี่ซือเอาไว้ นางจึงวิ่งไปคว้าข้อมือของอันตงหยางแต่ก็โดนสะบัดออกจนร่างนางเซ กระนั้นนางก็ยังไม่ยอมแพ้ ยื่นฝ่ามืออาบเลือดไปตรงหน้าเพื่อแสดงบาดแผลเมื่อครู่ให้ได้เห็น และนั่นทำให้อันตงหยางหยุดชะงัก… คว้าข้อมือเล็กแล้วจ้องมองฝ่ามืออาบเลือดที่ไร้บาดแผล! “เจ้าทำได้อย่างไรกัน?” “เลือดของหม่อมฉันยังเป็นยารักษาภายนอกได้อีกด้วย แค่หยดเลือดของหม่อมฉันลงบนบาดแผลฉกรรจ์ แผลจะสมานเหมือนไม่เคยมีมา ขอแค่หยางอ๋องอนุญาตให้หม่อมฉันอาศัยอยู่ที่นี่ หม่อมฉันจะถวายตัวรับใช้ท่านทุกอย่างเพคะ!” อันตงหยางใช้สายตามองสตรีตรงหน้าอย่างเรียบเฉย ยากที่จะคาดเดาอารมณ์ในตอนนี้ “กระหม่อมว่าอย่างน้อยให้นางพักอยู่ที่นี่สักระยะก็น่าจะดีนะพะยะค่ะ”เจียวลู่หาทางช่วยจางลี่ซือด้วยความนึกสงสาร อย่างน้อยก็ให้นางได้พักผ่อนสักระยะหลังจากเจอเรื่องน่ากลัวสำหรับนางมาก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แทบลืมหายใจหลังจากรอคอยคำตอบอยู่นานสองนาน ท้ายสุดอันตงหยางก็ยอมตกลงแล้วเดินหนีไปในทันที“…ตามใจ” เมื่อทุกอย่างจบลงตามที่นางต้องการ ได้อาศัยอยู่ที่นี่แม้สักระยะก็ยังดี ระหว่างนี้ก็พยายามหาทางโน้มน้าวใจอันตงหยางให้โปรดปรานนางสักหน่อยเผื่อว่าบุรุษจะยอมใจอ่อนให้บ้าง คิดได้ดังนั้นนางก็สบายใจและเป็นลมล้มพับทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม