มธุมาสเดินออกจากห้องนอนของคุณหญิงจรรยาอย่างสงบนิ่ง เจอสามีหนุ่มยืนรออยู่แล้ว พอเห็นเธอก็ตรงปรี่มาลากตัวเข้าห้องเขาไปทันที ฝ่ามือหนาใหญ่บีบเข้าที่ปลายคางของเธอจนเกิดรอยนิ้ว ท่าทีเต็มไปด้วยความคุกคามและกดดันชวนให้หายใจอึดอัด
“เธอทำแบบนี้เพื่ออะไร”
เธอเงยหน้าสบดวงตาวาวโรจน์ของคนที่แสดงความเกรี้ยวกราดอย่างไม่สะทกสะท้าน ริมฝีปากอิ่มระเรื่อยักยกขึ้นเล็กน้อย
“คนเราหย่ากันเพราะอะไรล่ะคะ”
“อย่ามาเล่นลิ้น” เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน “มันใช่เวลาที่เธอควรจะพูดเรื่องนี้มั้ย”
มธุมาสเลิกคิ้ว
“คุณรอเวลานี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ”
“แต่นี่มันงานวันเกิดของคุณย่าฉัน การที่เธอยกเรื่องหย่าขึ้นมาพูด เพราะจงใจจะเติมเชื้อไฟให้ท่านยิ่งเกลียดพริมมากขึ้นใช่มั้ย”
เธอยักไหล่ เขาอยากจะยัดข้อหาอะไรก็ช่างเขา
“คุณอยากมโนอะไรก็เชิญค่ะ เอาที่สบายใจ”
“ไม่ยังงั้นทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยล่ะ ตอนที่เธอยื่นของขวัญของพริมให้คุณย่า เธอจงใจชัดๆ”
“จะพูดตอนนี้หรือตอนไหนแล้วมันต่างกันยังไงคะ ที่สำคัญคือฉันกล้าทำในสิ่งที่คนขี้ขลาดอย่างคุณไม่กล้าทำต่างหากละ คุณควรจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำที่ช่วยทำให้คุณกับพิมพ์รวีสมรักสมรสกัน”
กัญจน์หรี่ตามองเธอราวกับจะชำแหละลึก แววตาบวมช้ำดูสงบนิ่งจนน่าใจหาย แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้หญิงหัวร้อนดื้อรั้นและเอาแต่ใจอย่างมธุมาสจะมีความปรารถนาดีต่อคนที่เกลียดขี้หน้ากันถึงขั้นนั้น
“คนอย่างเธอน่ะเหรอจะมีสำนึกดีๆ อยากให้ฉันกับพริมมีความสุข”
เสียงหัวเราะทุ้มลึกในลำคอดังขึ้นอย่างเสียดสี ที่สำคัญเขาไม่คิดว่าทุกอย่างจะราบรื่นขนาดนี้ คุณย่าของเขาเป็นคนอย่างไร เขารู้ดีกว่าใคร
“งั้นรอดูไปก็แล้วกัน” เธอเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ให้ค่าคำพูดแดกดันของเขามากไปกว่าเสียงผายลม “คุณจัดการเรื่องเอกสารและข้อตกลงการหย่าให้เรียบร้อย พร้อมเมื่อไหร่ก็ให้คนเอามาส่งฉัน ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
กัญจน์ฉงนใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนสีหน้าจะบึ้งตึงมากขึ้น เมื่อมธุมาสเอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย พูดจบก็เดินผ่านหน้าเขาอย่างไม่แยแส เปิดประตูแล้วก็ออกไปจากห้องเลย
เขาไม่พอใจที่เธอเมินกันอย่างนี้!
ชายหนุ่มไล่ตามหลังเธอมาติดๆ กระชากข้อมือเธอไว้ แต่มธุมาสสะบัดออกทันควันพลางเร่งสาวเท้า กัญจน์เดินปรี่เข้าไปหมายจะคว้ามือบางซ้ำ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อถูกแม่บ้านคนสนิทของผู้เป็นย่าเอ่ยรั้งตัว
“คุณกัญจน์คะ คุณหญิงเชิญที่ห้องค่ะ”
กัญจน์ยืนละล้าละลัง มองแม่บ้านที่รออยู่สลับกับอีกคนที่เร่งรุดจากไปไกลแล้ว แม้ใจอยากจะตามมธุมาสไปเพื่อเคลียร์กันให้รู้เรื่อง แต่เจ้าตัวไม่อยู่รอให้โอกาสเขาเลย ชายหนุ่มจึงต้องหักใจเดินนำแม่บ้านกลับไปยังห้องนอนของผู้เป็นย่าแทน
ไม่เป็นไร... ยังมีเวลาอีกมาก ยังไงเธอก็หนีเขาไม่พ้น!
ฟากหญิงสาวที่กัญจน์เหลียวมองจนลับตาก็เร่งเท้าเดินจ้ำอ้าวไม่ยอมหยุด สะกดจิตตัวเองให้เข้มแข็งอย่าหันกลับไปมองเป็นอันขาด เส้นทางของเธอกับเขาจบลงแล้ว ปลายทางสุดท้ายคือกำแพงหนาสูงชันที่เธอทุ่มสุดตัวก็ไม่อาจทลายก้าวข้ามไปได้ ก็เหมือนกับความรักที่เธอมอบให้เขาที่ควรยุติลงเสียที
ต่อไปนี้เธอจะลิขิตทางเดินใหม่ด้วยตัวเอง..