มธุมาสเลี้ยวรถเข้ามาในลานจอดของห้างสรรพสินค้าย่านดังแห่งหนึ่ง เธอนัดตีรณาและจิระแฟนหนุ่มของหล่อนที่ร้านอาหารไทย พวกเธอชอบทานรสชาติจัดจ้านมากกว่าชูคอนั่งเป็นผู้ดีที่ร้านอาหารฝรั่งคุยกันไปโซ้ยกันไปมันแซ่บสะใจกว่ากันเยอะ
“ฉันหย่าแล้ว”
มธุมาสเปรยขึ้นราวกับกำลังพูดถึงดินฟ้าอากาศประมาณว่า ‘วันนี้ร้อนจัง’ แต่ทำเอาคู่รักตกตะลึง ยิ่งตีรณานั้นตกใจจนตาแทบถลน ช้อนที่กำลังจ้วงส้มตำปลาร้านัวๆ อยู่ถึงกับร่วงหล่น ร้องถามเสียงหลง
“ล้อเล่นน่า!”
“เรื่องจริง”
ตีรณาสบตาแฟนหนุ่ม จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร หล่อนรู้ว่ามธุมาสรักอดีตสามีอย่างลึกซึ้งมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัยยังเป็นพี่ชาย กลัวว่ายิ่งปลอบจะยิ่งกลายเป็นซ้ำเติมเพื่อนเสียเปล่าๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” จิระถามเสียงเรียบ แต่กระแสเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย
ก่อนหน้าที่จะปลงใจคบหากับตีรณา เขาแอบชอบมธุมาสถึงขั้นใจกล้าเดินหน้าจีบเธออย่างสุดตัว วันที่เขาสารภาพรัก เธอปฏิเสธเขาพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานยามที่บอกว่ามีคนที่รักอยู่แล้ว
วินาทีนั้น...เขารู้ทันทีว่าไม่มีทางเทียบผู้ชายที่อยู่ในใจเธอได้
เขาอกหัก! หัวใจเดาะอย่างแรงจนเกือบเสียศูนย์ ยังดีที่ได้แม่สื่อแม่ชักอย่างตีรณาช่วยดามใจจนหายดีเหมือนทุกวันนี้ เขากลายมาเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของแก๊งสามสาวที่มีมธุมาส ตีรณาและพิมพ์รวี ก่อนที่ต่อมาจะพิมพ์รวีจะทะเลาะกับสองสาวแล้วแยกตัวออกไป เพราะมีเรื่องผิดใจกันเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่เป็นรักแรกของมธุมาส
“เบื่อน่ะ ขี้เกียจยื้อกันไปให้เจ็บ”
“อีพริม…อีงูพิษ! เลี้ยงไม่เชื่อง ทั้งที่แกรักมันช่วยเหลือมันสารพัด แล้วดูสิ่งที่มันตอบแทนแกสิ ทั้งโกหกตอแหล แถมยังจะแย่งสามีแกไปอีก ตอนนี้ก็ทั้งยุทั้งเสี้ยมจนทำให้แกหย่ากับไอ้พี่กัญจน์ได้สำเร็จ โอ๊ยยย! ฟังแล้วของมันขึ้น อยากจะบุกไปตบอีบ้านั่นให้หน้าเยินจริงๆ เลย” ตีรณาเข่นเขี้ยวพลางหักกระดุกนิ้วดังเป๊าะ
มธุมาสยิ้มขำๆ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องขำ
“ใจเย็นๆ ดื่มน้ำก่อน” จิระที่นั่งอยู่ข้างแฟนสาวต้องคอยลูบหลังให้เจ้าหล่อนใจร่มๆ ลงบ้าง เกรงว่าจะลุกพรวดวิ่งไปตบพิมพ์รวีเข้าจริงๆ แฟนเขายิ่งเป็นพวกรักเพื่อนยิ่งชีพอยู่ด้วย ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับมธุมาสอีกครั้ง
“แล้วมาร์จะทำยังต่อไป”
“ตอนนี้มาร์ต้องเข้าไปช่วยดูแลบริษัทในช่วงที่พ่อนอนอยู่โรง’ บาล สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เธอบ่นพลางถอนหายใจ
“แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันกับจินอยู่ข้างแกเสมอ พวกเราจะช่วยแกเอง”
“ขอบใจแกมากนะตี้” มธุมาสกุมมือตีรณา จิระวางซ้อนทับลงมาอีกคน เธอมองสองคนด้วยความซึ้งใจ “จินด้วยนะ”
“โอ๊ยแก...จะมาเกรงจงเกรงใจอะไรกันล่ะ เพื่อนกันก็ต้องช่วยกันในตอนที่ลำบากป่ะ” ตีรณาโวยวาย รู้สึกเขินนิดๆ ที่เพื่อนมาในโหมดซึ้ง ทำเอาหล่อนไม่ชินสักเท่าไร
“มีอะไรให้ช่วยก็บอก” จิระสำทับคำแฟนสาว
“จริงๆ ก็มีแหละ” มธุมาสเกรงใจ แต่ก็จนหนทางแล้วจริงๆ “จินกับตี้พอจะมีคนรู้จักหรือมีธนาคารไหนที่พอจะให้มาร์เอาบ้านไปจำนองกู้เงินบ้างมั้ย ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับแบงก์สยามชาติได้ยิ่งดี
“หายากอะ แกก็รู้ว่าแบงก์ของผัวแกใหญ่ขนาดไหน เป็นศูนย์กลางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ใครๆ ก็กู้เงินกับสยามชาติทั้งนั้น ขนาดบ้านฉันเองยังทำธุรกรรมกับที่นั่นเกือบหมดเลย”
ตีรณานิ่วหน้าอย่างจนปัญญา หล่อนคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะช่วยมธุมาสเรื่องนี้ได้อย่างไร เลยหันมาถามแฟนหนุ่มแทน
“จินพอจะมีความคิดดีๆ บ้างมั้ย”
จิระไม่ตอบทันที เขาครุ่นคิดชั่งใจอยู่สักพักแล้วจึงพยักหน้า
“ผมพอมีเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นเศรษฐีอยู่ทางใต้ เดี๋ยวจะลองถามดูให้ เผื่อบางทีอาจจะได้เรื่อง”
“ขอบใจมากนะจิน” มธุมาสฉีกยิ้มเริ่มมีความหวัง แม้ยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม แต่เธอก็เบาใจไปเปลาะหนึ่ง
การทานอาหารหลังจากนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยกันสนุกสนาน สองสาวกับหนึ่งหนุ่มต่างเจริญอาหารกันถ้วนหน้า ตีรณาเห็นว่าเพื่อนสบายใจขึ้นมากแล้ว จึงเอ่ยเรื่องสำคัญที่หล่อนนัดมธุมาสมาทานข้าวกันวันนี้
“ฉันกับจินจะแต่งงานกัน”
ตีรณากุมมือกับแฟนหนุ่มสบสานสายตากับเขาอย่างหวานซึ้ง ก่อนจะหันมามองเธอด้วยความเขินอาย
“จริงเหรอ?” มธุมาสตาโตเซอร์ไพรส์สุดขีด รู้แหละว่ายังไงสองคนนี้ก็คงจะแต่งกันแน่ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ฉันดีใจด้วยนะตี้ ดีใจกับพวกแกจริงๆ” เอ่ยพลางน้ำตาปริ่ม
“เตรียมตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวรอเลยแก รับรองว่าวันแต่งจะต้องมีเพื่อนเจ้าบ่าวมารุมขายขนมจีบแกแน่ๆ”
“เพ้อ! ใครเขาจะมาสนใจแม่ม่ายหยกๆ อย่างฉัน” มธุมาสโบกไม้โบกมือบอกปัด
“น้อยไปสิ เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเขาถือเรื่องแต่งเรื่องหย่ากันแล้ว เชยยย...” ก่อนจะหันไปพยักพเยิดกับจิระเป็นเชิงขอแรงสนับสนุน
“เพื่อนผมนิสัยดี โพรไฟล์ไม่ธรรมดาตั้งหลายคนนะ ที่สำคัญยังโสด”
“จินก็บ้าตามยัยตี้ไปด้วย” มธุมาสส่ายหน้า เอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่จะแต่งกันเนี่ย มีแหวนแล้วเหรอจ๊ะ”
“ก็ว่ากินเสร็จ จะชวนแกไปดู”
“พวกแกแต่งกัน ก็ควรไปเลือกกันเองน่าจะดีกว่ามั้ย”
“แกก็รู้ว่าแฟนฉันรู้เรื่องแฟชั่นซะที่ไหน ขืนเลือกเพชรเม็ดโตเท่าฝาบ้านมาให้สวม ฉันจะทำไงล่ะ”
มธุมาสขำพรืดเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าสยอง แอบนึกถึงภาพคุณหญิงชอบทำผมตีโป่ง สวมแหวนเพชรเหมือนตู้เพชรเคลื่อนที่ขึ้นมาทันที
“โอ. เค. เดี๋ยวฉันไปช่วยดู”