“อย่าทำให้ผมต้องลำบากใจเลยครับ คุณก็รู้ดีว่านายเป็นคนยังไง”
“แล้วถ้าฉันดึงดันจะเข้าไปให้ได้ล่ะ”
“ผมก็คงต้องขอโทษที่ล่วงเกินคุณ” น้ำเสียงที่พูดราบเรียบไร้ความรู้สึก แต่ในปากเต็มไปด้วยถ้อยคำที่คุกคาม
มธุมาสยืนนิ่งกำหมัดแน่น ในใจอัดแน่นไปด้วยโทสะที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย ได้ยืนมองเสกสรรเอ่ยเชิญพิมพ์รวีอย่างสุภาพว่า
“เชิญครับคุณพิมพ์รวี”
“ขอบคุณค่ะ”
พิมพ์รวียิ้มหวาน ปรายตามองมาที่มธุมาสอย่างเย้ยหยันขณะก้าวเดินผ่านหน้าไปอย่างผู้ชนะ “เธอแพ้แล้ว” หล่อนกระซิบบอกเธอ แล้วเดินกระแทกไหล่กันไปแบบจังๆ
คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้เธอยอมแพ้งั้นหรือ?
มธุมาสกัดฟันอย่างเข่นเขี้ยว แล้วกระแทกไหล่กลับเต็มแรง ทำให้คนที่คาดไม่ถึงและไม่คิดว่าจะถูกเธอเล่นงานกลับล้มกระแทกก้นจ้ำเบ้าเต็มรัก เธอยืนท้าวสะเอวมองผลงานด้วยความสะใจ เห็นพิมพ์รวีนั่งร้องโอดโอยด้วยความเจ็บจุกแล้วสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“นังมาร์! แกกล้าชนฉันเหรอ คอยดูนะ...ฉันจะฟ้องกัญจน์ให้เล่นงานแก!” หล่อนนั่งยกมือชี้หน้าด่าเธอ อีกมือก็ลูบก้นป้อยๆ
มธุมาสแสยะยิ้ม ก้าวขามาหยุดยืนตรงหน้าพิมพ์รวีที่นั่งกองอยู่กับพื้น ท้าวสะเอวราวกับมองมดที่จะคิดบี้ให้ตายเมื่อไรก็ได้ กลัวหล่อนไม่ผวาก็แอบขยี้หัวส้นสูงดังเอี๊ยดข่มขวัญศัตรูไปด้วย ไม่เกรงกลัวสายตาของเสกสรรที่ส่งคำเตือนมาเลยสักนิด เธอโน้มตัวลงเพียงนิด ยกนิ้วชี้ปลายจมูกโด่งๆ ที่ศัลยกรรมมาของหล่อน ก่อนจะจิ้มเฉดหัวหล่อนจนหน้าหงาย
“เชิญขี้ม้าสามศอกไปฟ้องได้เลย อ้อ...แล้วก็ฝากบอกผู้ชายเฮงซวยคนนั้นด้วยว่า ถ้าแน่จริงก็มาสู้กับฉันซึ่งๆ หน้า อย่าไปหาเรื่องระรานคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย เพราะมันเป็นพฤติกรรมของคนขี้ขลาดที่เหมาะจะสวมผ้าถุงเท่านั้นแหละ”
หญิงสาวยืดกายยืนตรงอย่างสง่าดุจนางหงส์ มองหน้าพิมพ์รวีสลับกับเสกสรรอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป เพราะรู้ดีว่าถึงจะทู่ซี้ยืนรออยู่ตรงนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
เสกสรรขมวดคิ้ว มีความรู้สึกแปลกใจบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อมองคนรักสาวของเจ้านาย ก่อนจะเหลือบลงไปยังรองเท้าส้นสูง เขาเลือกเก็บความสงสัยแล้วเดินเข้ามาช่วยพยุงหญิงสาวร่างอรชรลุกขึ้น ประคองหล่อนขึ้นลิฟต์ขึ้นมาพบผู้เป็นนายที่ห้องด้วยความระมัดระวัง ในใจก็แอบหวั่นแทนมธุมาสไม่ได้ ไม่รู้ว่าถ้ากัญจน์ได้เห็นพิมพ์รวีโดนรังแกแบบนี้ จะโมโหโกรธามากขนาดไหน
ไม่ใช่เพราะรักหรือเป็นห่วงคนรักหรอกนะ...
แต่เป็นคำพูดของอีกคนที่ฝากถึงเจ้านายต่างหาก กัญจน์ต้องไม่ชอบใจแน่ที่มธุมาสเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคนอื่น จนกล้าท้าทายเขาอย่างไม่กลัวตาย
เสกสรรพาแขกสาวมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องทำงานประธานบริหารสูงสุด ยกมือเคาะประตูสองสามครั้ง
กัญจน์ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิด เขาได้ยินเสียงแต่ไม่ได้เอ่ยปาก ขาเพรียวยาวเดินมาหยุดที่ริมกระจก สายตาหลุบต่ำมองลงไปยังเบื้องล่างก็เห็นเจ้าของร่างคุ้นตาในชุดสวยทันที
แปลก...ทั้งที่สูงขนาดนี้เห็นคนข้างล่างเท่าเม็ดถั่ว แต่เขาก็ยังเธอจำได้
มธุมาสเดินฉับๆ ออกจากออฟฟิศของเขา พอพ้นรัศมีก็หยุดนิ่งยืนเหม่อจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ไม่รู้ว่ากำลังร้องไห้หรือเครียดจนปวดหัว
สีหน้าของเขาขรึมเข้ม แววตาลุ่มลึกครุ่นคิด มือหนากดสมาร์โฟนราคาเหยียบแสนไปยังหมายเลขที่เขาไม่ได้เมมเบอร์ไว้ แต่จดจำได้ขึ้นใจ กรอกเสียงเย็นชาลงไปตามสายว่า
“ไปรอที่คอนโดฉัน”
มธุมาสมองหมายเลขบนหน้าจอแล้วนิ่วหน้า
“ใครคะ?”
มั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงของกัญจน์ แต่เธอลบเบอร์กัญจน์และบล็อกทุกช่องทางการติดต่อทางโซเชียลออกจากสารบบตัวเองไปแล้วตั้งแต่หย่าขาด ที่ไม่ปล็อกเบอร์เพราะมั่นใจว่าเขาไม่มีทางโทร. หาเธอแน่นอน
ใครจะคิดว่าเธอเดาผิด!
กัญจน์กระตุกยิ้มหยัน
“ไม่เจอกันแป๊บเดียว ก็ลืมผัวเก่าแล้วรึไง”
“ฉันเลือกจำแต่ผัวดีๆ ค่ะ แล้วผัวที่ดีก็คือผัวใหม่ เก็ตนะคะ”