บทที่ 5 วัดใจ 3

809 คำ
“อย่าทำให้ผมต้องลำบากใจเลยครับ คุณก็รู้ดีว่านายเป็นคนยังไง” “แล้วถ้าฉันดึงดันจะเข้าไปให้ได้ล่ะ” “ผมก็คงต้องขอโทษที่ล่วงเกินคุณ” น้ำเสียงที่พูดราบเรียบไร้ความรู้สึก แต่ในปากเต็มไปด้วยถ้อยคำที่คุกคาม มธุมาสยืนนิ่งกำหมัดแน่น ในใจอัดแน่นไปด้วยโทสะที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย ได้ยืนมองเสกสรรเอ่ยเชิญพิมพ์รวีอย่างสุภาพว่า “เชิญครับคุณพิมพ์รวี” “ขอบคุณค่ะ” พิมพ์รวียิ้มหวาน ปรายตามองมาที่มธุมาสอย่างเย้ยหยันขณะก้าวเดินผ่านหน้าไปอย่างผู้ชนะ “เธอแพ้แล้ว” หล่อนกระซิบบอกเธอ แล้วเดินกระแทกไหล่กันไปแบบจังๆ คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้เธอยอมแพ้งั้นหรือ? มธุมาสกัดฟันอย่างเข่นเขี้ยว แล้วกระแทกไหล่กลับเต็มแรง ทำให้คนที่คาดไม่ถึงและไม่คิดว่าจะถูกเธอเล่นงานกลับล้มกระแทกก้นจ้ำเบ้าเต็มรัก เธอยืนท้าวสะเอวมองผลงานด้วยความสะใจ เห็นพิมพ์รวีนั่งร้องโอดโอยด้วยความเจ็บจุกแล้วสบายใจอย่างบอกไม่ถูก “นังมาร์! แกกล้าชนฉันเหรอ คอยดูนะ...ฉันจะฟ้องกัญจน์ให้เล่นงานแก!” หล่อนนั่งยกมือชี้หน้าด่าเธอ อีกมือก็ลูบก้นป้อยๆ มธุมาสแสยะยิ้ม ก้าวขามาหยุดยืนตรงหน้าพิมพ์รวีที่นั่งกองอยู่กับพื้น ท้าวสะเอวราวกับมองมดที่จะคิดบี้ให้ตายเมื่อไรก็ได้ กลัวหล่อนไม่ผวาก็แอบขยี้หัวส้นสูงดังเอี๊ยดข่มขวัญศัตรูไปด้วย ไม่เกรงกลัวสายตาของเสกสรรที่ส่งคำเตือนมาเลยสักนิด เธอโน้มตัวลงเพียงนิด ยกนิ้วชี้ปลายจมูกโด่งๆ ที่ศัลยกรรมมาของหล่อน ก่อนจะจิ้มเฉดหัวหล่อนจนหน้าหงาย “เชิญขี้ม้าสามศอกไปฟ้องได้เลย อ้อ...แล้วก็ฝากบอกผู้ชายเฮงซวยคนนั้นด้วยว่า ถ้าแน่จริงก็มาสู้กับฉันซึ่งๆ หน้า อย่าไปหาเรื่องระรานคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย เพราะมันเป็นพฤติกรรมของคนขี้ขลาดที่เหมาะจะสวมผ้าถุงเท่านั้นแหละ” หญิงสาวยืดกายยืนตรงอย่างสง่าดุจนางหงส์ มองหน้าพิมพ์รวีสลับกับเสกสรรอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป เพราะรู้ดีว่าถึงจะทู่ซี้ยืนรออยู่ตรงนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เสกสรรขมวดคิ้ว มีความรู้สึกแปลกใจบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อมองคนรักสาวของเจ้านาย ก่อนจะเหลือบลงไปยังรองเท้าส้นสูง เขาเลือกเก็บความสงสัยแล้วเดินเข้ามาช่วยพยุงหญิงสาวร่างอรชรลุกขึ้น ประคองหล่อนขึ้นลิฟต์ขึ้นมาพบผู้เป็นนายที่ห้องด้วยความระมัดระวัง ในใจก็แอบหวั่นแทนมธุมาสไม่ได้ ไม่รู้ว่าถ้ากัญจน์ได้เห็นพิมพ์รวีโดนรังแกแบบนี้ จะโมโหโกรธามากขนาดไหน ไม่ใช่เพราะรักหรือเป็นห่วงคนรักหรอกนะ... แต่เป็นคำพูดของอีกคนที่ฝากถึงเจ้านายต่างหาก กัญจน์ต้องไม่ชอบใจแน่ที่มธุมาสเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคนอื่น จนกล้าท้าทายเขาอย่างไม่กลัวตาย เสกสรรพาแขกสาวมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องทำงานประธานบริหารสูงสุด ยกมือเคาะประตูสองสามครั้ง กัญจน์ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิด เขาได้ยินเสียงแต่ไม่ได้เอ่ยปาก ขาเพรียวยาวเดินมาหยุดที่ริมกระจก สายตาหลุบต่ำมองลงไปยังเบื้องล่างก็เห็นเจ้าของร่างคุ้นตาในชุดสวยทันที แปลก...ทั้งที่สูงขนาดนี้เห็นคนข้างล่างเท่าเม็ดถั่ว แต่เขาก็ยังเธอจำได้ มธุมาสเดินฉับๆ ออกจากออฟฟิศของเขา พอพ้นรัศมีก็หยุดนิ่งยืนเหม่อจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ไม่รู้ว่ากำลังร้องไห้หรือเครียดจนปวดหัว สีหน้าของเขาขรึมเข้ม แววตาลุ่มลึกครุ่นคิด มือหนากดสมาร์โฟนราคาเหยียบแสนไปยังหมายเลขที่เขาไม่ได้เมมเบอร์ไว้ แต่จดจำได้ขึ้นใจ กรอกเสียงเย็นชาลงไปตามสายว่า “ไปรอที่คอนโดฉัน” มธุมาสมองหมายเลขบนหน้าจอแล้วนิ่วหน้า “ใครคะ?” มั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงของกัญจน์ แต่เธอลบเบอร์กัญจน์และบล็อกทุกช่องทางการติดต่อทางโซเชียลออกจากสารบบตัวเองไปแล้วตั้งแต่หย่าขาด ที่ไม่ปล็อกเบอร์เพราะมั่นใจว่าเขาไม่มีทางโทร. หาเธอแน่นอน ใครจะคิดว่าเธอเดาผิด! กัญจน์กระตุกยิ้มหยัน “ไม่เจอกันแป๊บเดียว ก็ลืมผัวเก่าแล้วรึไง” “ฉันเลือกจำแต่ผัวดีๆ ค่ะ แล้วผัวที่ดีก็คือผัวใหม่ เก็ตนะคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม