“คุณขวัญบอกฉันแค่ว่าเธอมีความจำเป็นขอยืมเงินประมาณสักหนึ่งแสนบาท ฉันอยากรู้ว่าเธอต้องการเงินมากมายขนาดนั้นไปทำอะไร แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าได้เงินก้อนนี้ เธอจะไม่เบี้ยว จ่ายเงินคืนให้ตามกำหนด”
เมื่อเขาสัญญาว่าจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามหรือใช้สายตาโลมเลียจ้องมองฝ่ายหญิงที่แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือ ดาหวันเว้นระยะห่างนั่งฝั่งตรงข้ามของคนที่เพื่อนแนะนำว่าพอจะช่วยเหลือได้ดีกว่าขวัญข้าว
“มันไม่เกี่ยวกับคุณ! และฉันก็จะไปหากู้เงินจากคนอื่นก็ได้ คุณไม่ต้องมายุ่ง”
“กู้เงินจากคนอื่นคิดว่าเขาจะยอมให้ฟรีๆ เหรอ น่าเสียดาย อุตส่าห์แบกหน้ามาขอยืมเงินจากเพื่อนแต่กลับล้มเหลว นี่คงจะแต่งตัวอ่อยเหยื่อล่อเอาเงินเข้ากระเป๋าต่อถึงได้แต่งตัวโป๊ขนาดนี้”
ดาหวันนั่งตัวโกรธสั่นเทา เธอก็แค่ใส่ชุดเดรสกระโปรงสีฟ้าอ่อน ผมที่ยาวปล่อยแผ่นหลังกลับถูกมัดรวบขึ้นเผยเห็นลำคอขาวระหง และติดโบว์สีขาวด้านหลังให้ดูน่ารักเท่านั้น ไม่เห็นจะแต่งตัวโป๊ตรงไหน
“เป็นผู้หญิงทำไมไม่รู้จักปกปิดไว้บ้าง ถ้าหากฉันมีลูกสาวทำตัวแบบนี้คงจับมาตีก้นลายโน้นแหละ”
ภูธเนศงุ่นง่านขวางหูขวางตา เวลาเห็นพวกพนักงานชายแอบมองส่วนหน้าอกเกินหน้าเกินตา ชุดเธอใส่มันเล็กเกินหรือของของเธอใหญ่กันแน่ เขาถอดสูทด้านนอกออกแล้วพาดปกปิดหน้าอกเธอ
พอให้เหตุผลจากผู้ชายปากคอเราะร้ายเท่านั้นแหละ ดาหวันนึกอยากจะร้องกรี๊ดด้วยความโมโห
“เห็นแล้วอุจาดตา” เขากล้าพูดแบบนี้ฆ่าเธอให้ตายตอนนี้เลยดีกว่าไหม! ไอ้พ่อเลี้ยงบ้า
“แต่ฉันไม่ขายให้คุณภูแน่นอน”
ดาหวันตอกกลับอีกฝ่ายจนเกือบหน้าหงาย ลับฝีปากปะทะคารมอย่างไม่มีใครคิดจะยอมแแพ้ใครก่อน
“แต่ฉันอยากซื้อนะ ซื้อไว้มาเป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ให้ลูกสาวฉัน”
ภูธเนศเป็นคนตัดสินใจแล้วจะไม่โลเลเปลี่ยนตัวกลางคัน ดาหวันเหมาะสมอย่างยิ่งมาเป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกสาวเอาแต่ใจ เชื่อฝีมือเธอว่าจะปราบลินินให้อยู่ภายใต้โอวาทปกครองแน่นอน
“ฉันจะให้เธอยืมเงินหนึ่งแสนเพื่อแลกกับการมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกสาวฉันเวลาช่วงที่ฉันออกไปทำงานในไร่กลางวัน ส่วนตกเย็นเธอก็ทำอาหารช่วยแม่บ้านทางโน้นก็แล้วกัน เป็นระยะเวลาหนึ่งปี แต่ฉันจะให้เงินเดือนเธอตามที่เรียนจบมา ซึ่งเงินพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเงินก้อนนั้น ตกลงหรือเปล่า?”
“ฉัน...”
เสียงโทรศัพท์ดังสั่นภายใต้กระเป๋าของเธอขัดขึ้น พ่อเลี้ยงหนุ่มมองใบหน้าหวานกำลังหยิบรับสายจากคนโทร. มาอาจเป็นเรื่องด่วน ดาหวันใจคอไม่ดีเมื่อเห็นชื่อเป็นแม่บ้านที่คอยรับใช้อยู่บ้านหลังนั้น
“ขอเวลาฉันเป็นการส่วนตัวสักครู่ไหมคะ” หมายถึงเธอไม่อยากให้เขาซึ่งคือคนนอกต้องมารับรู้เรื่องที่ไม่ใช่ตนเอง
“ฉันสัญญาว่าจะนั่งอยู่เงียบๆ เชิญเธอคุยได้ตามสบาย”
“มีอะไรด่วนเหรอคะคุณป้าแพง ดาหวันสัญญาว่าจะรีบออกจากบ้านตามสัญญา ป้าแพงไม่ต้องห่วงนะคะ บอกพวกท่านสองคนนั้นได้เลย”
(ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะคุณดาหวัน คือตอนนี้คุณหญิงมลกำลังทำการรีโนเวทห้องของคุณเป็นห้องเก็บของ และขนเอาเสื้อผ้า กระเป๋าข้าวของของคุณดาหวันโยนกองออกจากหน้าบ้านแล้ว ป้าพูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง อีกอย่างวันนี้คุณท่านไม่อยู่ ออกไปทำงานแต่เช้า คุณรีบกลับมาด่วนเลยนะคะ)
“ค่ะ เดี๋ยวดาหวันจะรีบกลับ ขอบคุณที่ส่งมาบอกข่าวนะคะ”
ท่าทางรีบร้อนตื่นตระหนกของอีกฝ่าย ทำให้พ่อเลี้ยงภูธเนศจะไม่สนใจเธอไม่ได้ ดาหวันกำลังขอตัวกลับบ้านทั้งที่ยังไม่ตอบคำถามของเขาว่าจะรับงานนี้เพื่อแลกกับเงินหนึ่งแสนกำลังจะยืมเนี่ยนะ
“เธอยังไม่ไหนไม่ได้จนกว่าเธอจะรับเงินหนึ่งแสนแล้วมาทำงานกับฉัน”
แรงบีบข้อมือเล็กเต็มเหนี่ยว พยศแรงมากแค่ไหนก็สลัดเขาหลุดไปไม่พ้นหรอก ดาหวัน
“นี่คุณ! ฉันบอกตอนไหนว่าจะขอยืมเงินจากคุณ ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะรีบกลับบ้าน”
“ไม่ปล่อย! และฉันก็จะให้เธอยืมเงินหนึ่งแสนจริง ปฏิเสธตอนนี้ก็ไม่ทัน หรือว่าจะจ่ายดอกเบี้ยแทนด้วยร่างกายหอมนุ่มหวานของเธอไหมล่ะ?”
“ไอ้พ่อเลี้ยงโรคจิต!”
“ขืนเธอด่าฉันอีกรอบ ไม่ใช่แค่มือจะมาปิดปาก อาจมีอย่างอื่นปิดปากก็ได้ อยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”
พ่อเลี้ยงภูธเนศหรือว่าเจ้าหนี้กู้เงินหน้าโหดป่ะเนี่ย ชอบใช้อำนาจข่มเหงบีบบังคับอีกฝ่ายไร้ทางสู้ ดาหวันไม่กลัวคำขู่ของเขา ถ้าหากเธอรอดพ้นจากตรงนี้ได้ ตบใบหน้าเขาจนคอเคล็ดสักรอบก็จะทำ
เผียะ!
“จับมือข้างเดียวตบไม่ดังพอสินะ ยังถ้าหากฉันจับมือเธอสองข้างเอาไว้แบบนี้ เธอจะตบหน้าเจ้านายของเธอด้วยมือข้างไหนดีล่ะ” แรงตบแค่นี้จากผู้หญิงตัวเล็กไม่ทำให้หน้าของเขาเจ็บแสบ อย่างมากก็แค่คันนิดหน่อย
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้าไอ้เถื่อน อื้อ!”
ริมฝีปากหวานถูกปากหนาบดขยี้กดจูบปิดเสียงหวานร้องเอาไว้ เขาขบเม้มริมฝีปากด้านล่างเพื่อให้เธอเจ็บเปิดออก ส่งปลายลิ้นสอดแทรกช่วงชิมความหวานล้ำ ไม่คิดเลยว่าหน้าจะหวานแล้ว ตัวเธอยังหอมไปทั้งตัว
“ชอบแนวเถื่อนๆ ก็ไม่บอก ฉันจะจัดให้เธอเป็นกรณีพิเศษ”
“ไอ้คนปากเสีย ฉันขอให้คุณตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด สงสารแต่ลูกสาวของคุณที่มีพ่อทำตัวอนาจารลามกอย่างนี้!”
“ปากร้ายอย่างฉันน่ะเหรอจะตกนรก? ปากแบบนี้แหละจะพาเธอไปขึ้นสวรรค์ตอนนี้เลยต่างหาก”
“คุณภูธเนศขอร้อง อย่าทำอะไรดาหวันเลยนะ”
เขาเล่นเธอแรงเกินไปหรือเปล่า ภูธเนศก็แค่พูดข่มขู่ไว้ให้คนใต้ร่างกลัว ไม่และคิดกล้าดื้อพยศใส่เจ้านายแบบนี้อีก ชายหนุ่มใจอ่อนทุกทีเห็นน้ำตาคลอของดาหวัน
“ถ้าไม่อยากให้ฉันทำอะไรมากกว่าจูบสั่งสอนเด็กดื้อเมื่อกี้นี้ บอกมาว่าบ้านของเธออยู่ไหน ฉันจะพาเธอไปส่ง และก็จะไปบอกพ่อแม่ของเธอด้วยเรื่องการย้ายงานที่ไร่ของฉันอยู่ทางภาคเหนือ เพราะฉันอยู่ทำงานประจำที่นั่น”
ส่วนมากเขาชอบอยู่บรรยากาศบนดอยเหนือบนภูเขา ยกเว้นว่าจะขึ้นมาประชุมที่กรุงเทพฯ เดือนละครั้ง พ่อเลี้ยงหนุ่มลูกติดอายุเพียงสามสิบห้าปี ก็แค่ไม่ชอบรถติดนาน เขายังหาแม่เลี้ยงคนใหม่ที่ถูกใจไม่ได้สักที ที่พอให้ถูกใจมีแค่ขวัญข้าว น่าเสียดายที่เจอช้า เพราะเธอแต่งงานมีเจ้าของ และสามีก็น่าจะหวงมาก
แต่พอเจอดาหวัน อาการแบบนั้นที่ดูคล้ายเจอขวัญข้าวก็หวนกลับคืนมาอีกครั้ง
“ฉันไม่มีพ่อแม่ ไม่มีบ้านหรอกค่ะตอนนี้” น้ำเสียงหวานปนเศร้า
“แล้วตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง”
ดาหวันไม่อยากจะเชื่อใจผู้ชายคนแปลกหน้า ทว่าตอนนี้เธอแทบไม่มีที่ไป สมัครหางานทำก็ยังไม่มีบริษัทไหนติดต่อขอสัมภาษณ์ เธอยังไม่หาห้องพัก เพราะเหลือเวลาอีกหนึ่งวันก็จะครบสัญญาเลี้ยงดูเป็นเวลาสี่ปี แล้วทำไมภรรยาเพื่อนพ่อถึงกล้าทำแบบนี้กับเธอ
…
รถยนต์คันหรูของภูธเนศขับรถจอดตรงหน้าบริเวณรั้วบ้านหลังใหญ่ หัวคิ้วเข้มของเขาผูกปมเข้าหากันแน่น เหมือนเคยเห็นบ้านหลังนั้นที่ไหน แต่ตอนนี้เขากลับนึกไม่ออก ดูฐานะบ้านก็ใหญ่โตดี ทำไมดาหวันถึงขอยืมเงินตั้งแสนหนึ่ง ซึ่งมันผิดปกติ
“ใช่บ้านของคุณแน่เหรอ อ้าว!”
ดาหวันไม่รอตอบคำถามจากเจ้านายที่ยัดเยียดอย่างหน้าด้าน เธอรีบก้าวลงมาจากรถเห็นป้าแพงยืนรอลูกสาวเพื่อนของท่านผู้ว่าฯ ถึงอย่างไรก็มีป้าแพงคนเดียวที่ใจดีกับเธอผิดกับภรรยาเจ้าของบ้านหลังนี้
“คุณหญิง”
ภาพที่ดาหวันเห็นเหมือนกรีดหัวใจควักออกมาบดขยี้แตกสลายแทบไม่มีชิ้นดี ก็พอรู้ว่าเธอแค่เด็กกาฝาก พ่อเธอเสียชีวิตเพราะช่วยเพื่อนสนิทจนเกิดอุบัติเหตุ ท่านผู้ว่าฯ สงสารจึงรับเลี้ยงลูกสาวเพื่อนเพื่อตอบแทน แม้ว่าจะขัดใจลูกเมียก็ตาม แค่สี่ปีหลังจากที่ดาหวันเรียนจบก็จะออกจากบ้านนี้
บ้านที่ไม่มีใครเห็นค่าของเธอ...
พอกันที ชีวิตกาฝากที่เคยอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ใต้ปีกหลังคาของพวกท่านมันจบตั้งแต่คุณหญิงมลสั่งคนใช้เอาข้าวของกระเป๋าเสื้อผ้าโยนออกหน้าบ้าน ทำแบบนี้ไม่นึกถึงจิตใจคนอื่นบ้าง
“มากันดีแล้วแม่ตัวดี ขนข้าวของออกจากบ้านหลังนี้ไปได้แล้ว”
“แต่ดาหวันจำได้ว่าพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ ที่จะครบสี่ปีที่ดาหวันต้องอยู่ที่นี่”
“จะวันนี้หรือวันพรุ่งนี้แกก็ต้องออกไปอยู่ดี และนั่นคงไปเอาผัวของแกมาช่วยเก็บของสินะ”
คำพูดของคุณหญิงมลมีท่าทางเย้ยหยันลูกสาวเพื่อนสามีท่าน ดาหวันหันกลับมองก็อ้าปากค้าง เกือบลืมไปเลยว่ามีพ่อเลี้ยงหนุ่มซึ่งเป็นเจ้านายคนใหม่เดินมาหาโอบกอดเธอ ส่งสายตาดุดันมาทางอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“ช่วยเข้าใจถูกด้วยนะครับ ผมเป็นเจ้านายคนใหม่ของเธอ ไม่ใช่สามีหรือคำพูดชาวบ้านที่คุณพูดบ่อยๆ นั่นว่าผัว!”